เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2743 เส้นทางเซียน / ตอนที่ 2744 จุดสูงสุด
ตอนที่ 2743 เส้นทางเซียน
เฟิ่งจิ่วตะลึง ฝีเท้าชะงักหยุด หัวใจสั่นไหว นัยน์ตาจ้องฝ่ามือที่ว่างเปล่า พลันนั้นก็กระจ่างขึ้นมา “หากใจเชื่อมต่อกับกฎแห่งสวรรค์ ใยต้องกลัวพายุหิมะขัดขวางเส้นทางเซียน”
เมื่อสิ้นเสียงของเธอ หิมะขาวโพลนที่กำลังโปรยปรายพลันหายวับไปทันที รอบข้างราวกับกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอตั้งสติ มองตนเอง ยังคงสวมใส่ชุดสีแดงที่พลิ้วไหวท่ามกลางสายลม บนตัวไ ไม่มีร่องรอยของหิมะแม้แต่น้อย ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและคอแห้งก็หายไปด้วย ราวกับทุกอย่างเป็นแค่ภาพลวงตา ไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน
“คุณชายจิ่ว? คุณชายจิ่ว?”
“สหายน้อย? สหายน้อย?”
เสียงของคนสองคนดังมา เธอได้สติมองไปข้างหน้า เห็นชายชรากับเหอซูกำลังยืนตะโกนเรียกเธอในระยะที่ห่างออกไปสามจั้ง เห็นเธอเงยหน้าขึ้นมา ทั้งสองจึงถามอีกครั้ง
“เจ้าขึ้นมาได้อย่างไร? เจ้าแค่มาผสมโรงดูความคึกคักไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ขึ้นมาด้วยเล่า?”
เฟิ่งจิ่วเผยยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม เธอสาวเดินขึ้นไป ตอบว่า “อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงขึ้นมาดูหน่อย บางทีทิวทัศน์ข้างบนนี้อาจจะสวยกว่า”
เสียงมากมายรอบตัวดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอ เสียงต่อสู้กันข้างหลังบ้าง เสียงกรีดร้องบ้าง และข้างหน้า ก็มองเห็นเงาร่างจำนวนหนึ่งกำลังเดินอยู่ท่ามกลางหมอกควัน
ชายชรากับเหอซูเห็นเขาก้าวขึ้นมา หนึ่งก้าวหนึ่งขั้น ท่าทางเหมือนผ่อนคลายมากด้วย พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้ พอเขามาหยุดยืนข้างกายพวกเขา ชายชรามองหน้าเขาแล้วเอ่ยอย่างทอดถอน นใจว่า “สหายน้อย เจ้าช่างลึกล้ำยากคาดเดาจริงๆ!”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ กล่าวว่า “ยังเดินไปไม่ถึงยอด จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าล้ำลึกยากคาดเดา?” เธอสาวเดินขึ้นไป พลางเอ่ยว่า “ทั้งสองท่าน ไปกันเถอะ!”
ทั้งสองคนเห็นเขาสาวเดินขึ้นไปก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามขึ้นไปด้วย พวกเขาเดินมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว ยิ่งขึ้นไปสูง ก็ยิ่งก้าวเท้าลำบาก โดยเฉพาะเหอซูที่ค่อยๆ ดูลำบากมากข ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายพลังในร่างกายก็เริ่มแปรปรวน
รู้สึกได้ว่าร่างกายมาถึงขีดจำกัดแล้ว เหอซูจึงหยุดเดิน ก่อนเอ่ยกับพวกเขาว่า “ข้าถึงขีดจำกัดแล้ว หากยังฝืนขึ้นไปอีกเกรงว่าข้าจะรับไม่ไหว”
เฟิ่งจิ่วกับชายชราที่อยู่ข้างหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้า พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงเดินต่อไป ส่วนเหอซูนั้นหันหลังเดินกลับลงไป
“สหายน้อย เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?” ชายชรอดถามไม่ได้ เห็นสีหน้าเฟิ่งจิ่วเป็นปกติ ไม่มีท่าทีลำบากหรือทรมานแต่อย่างใด จึงอดแปลกใจไม่ได้
“รู้สึกสิ!” เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ
ชายชราได้ยินก็มองหน้าเฟิ่งจิ่วอย่างตื่นเต้น รีบถามทันที “รู้สึกอะไร?”
“ทำไมเส้นทางนี้จึงได้ยาวนัก? ยังเหลืออีกกี่ขั้นกว่าจะถึงจุดสูงสุด?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างถอนใจ น้ำเสียงแฝงแววจนใจ ชายชราที่ได้ยินคำตอบตะลึงงัน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังดึงสติกลับ บมาไม่ได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราสูดหายใจลึกๆ เอ่ยขึ้นว่า “ข้าหมายถึงความรู้สึกอย่างอื่น ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือ? เจ้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่บันได้เซียนนี้แผ่ออกมาหรือ? ไม่รู้สึกว่าเ เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนบ้างหรือ?”
เฟิ่งจิ่วพลันชะงักเท้า นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับชายชราว่า “ไม่รู้สึกจริงๆ ข้าแค่รู้สึกว่าเส้นทางนี้ยาวเกินไป เดินขึ้นมาจนเหนื่อยแล้ว” ขณะเอ่ย เธอเอาผลไม้ สองลูกออกจากห้วงมิติมากิน ยื่นหนึ่งในนั้นให้ชายชรา “เอ้า กินผลไม้ให้ชุ่มคอสักหน่อยเถอะ”
ชายชราขยับกลีบปาก แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายก็รับผลไม้ไป เอ่ยขอบคุณคำหนึ่ง ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
เฟิ่งจิ่วกินผลไม้ไปพลาง สาวเดินขึ้นบันไดไปพลาง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ด้านหน้าไม่มีคนให้เห็นแล้ว…
………………………………….
ตอนที่ 2744 จุดสูงสุด
เธอหันไปมองข้างหลัง เห็นเพียงหมอกควันสีขาว ไม่เห็นชายชราและคนอื่นๆ อีกแล้ว หรือว่าหลงเข้ามาในดินแดนแห่งภาพลวงตาแล้ว? เธอครุ่นคิดในใจ แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ ที่ที่เธอ ยืนอยู่ในตอนนี้น่าจะเป็นช่วงหลังของบันไดสู่แดนเซียนแล้ว คนที่มาถึงที่นี่เดาว่าคงมีไม่กี่คนเท่านั้น ชายชราคนนั้นคงกลับลงไปนานแล้วกระมัง?
เธอเดินขึ้นไปข้างบน พลางคิดในใจว่า ‘จากที่ได้ยินมา บันไดสู่แดนเซียนนี้เชื่อมต่อกับอีกสถานที่หนึ่ง หากเธอขึ้นไปจริงๆ นั่นก็เท่ากับว่า…’
นึกมาถึงตรงนี้ หัวใจอดสั่นไหวไม่ได้ บอกตามตรง สหายและคนในครอบครัวล้วนไม่ได้อยู่ที่นี่ หากจะให้เธอจากไปอยู่ที่อื่นเพียงลำพัง เธอไม่อยากไป
เพียงแต่ ผู้เฒ่าเทียนจีให้เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่นะ? บันไดสู่แดนเซียนก็ขึ้นมาแล้ว ดอกบัวสีทองนั่นก็…เดี๋ยวนะ นั่นคือดอกบัวทองนี่! ดอกบัวทองที่อยู่ในบ่อในห้วงมิติของเ เธอ จะมีดอกบัวเทวะโบราณที่โม่เฉินพูดถึงรวมอยู่ด้วยหรือไม่นะ?
ฝีเท้าของเธอสะดุดเล็กน้อย ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เรื่องสำคัญที่สุดในการมาที่บันไดสู่แดนเซียนแห่งนี้คงเป็นดอกบัวทองนี้กระมัง? แม้จะให้เธอมาขึ้นบันไดสู่แดนเซียนจริง งๆ ตอนนี้เธอก็ขึ้นมาแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าข้างบนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแปลกใหม่แต่อย่างใด
ทอดมองไปข้างหน้า บันไดสู่แดนเซียนทอดยาวไร้จุดสิ้นสุด เธอสาวเท้าเดินหน้าต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเธอมาถึงจุดสิ้นสุดของบันได มอง งบันไดขั้นสุดท้ายและบานประตูที่ว่างเปล่าราวกับไม่มีอยู่จริงตรงหน้านั่น เธอกลับหยุดเดิน ไม่ได้ยกเท้าเพื่อก้าวข้ามขั้นสุดท้ายไป
“นี่ก็คือจุดสูงสุดของบันไดสู่แดนเซียนแล้วหรือ? ก็เท่านี้เอง” เธอพึมพำเบาๆ มองประตูที่ว่างเปล่าตรงหน้าแวบหนึ่ง เพียงเสียดายที่มันว่างเปล่าจนมองไม่เห็นอะไรเลย
เธอในตอนนี้ไม่รู้เลยว่า ด้านหลังของประตูที่ว่างเปล่านั่น ในสถานที่ที่เธอมองไม่เห็นแห่งนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆและจ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่วที่กำลังยืนอยู่อีก กฟากของประตู
ชายชราหนึ่งในนั้นลูบหนวดด้วยท่าทางยินดีอย่างปิดไม่มิด “นึกไม่ถึงเลยจริงว่าปีนี้จะมีคนขึ้นบันไดสู่แดนเซียนได้สำเร็จ หนำซ้ำยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง ช่างเหนือควา ามคาดหมายจริงๆ”
“เจ้าน่ะแก่แล้วสายตาพร่าเลือนจริงๆ นั่นเด็กผู้หญิงชัดๆ ใช่เด็กหนุ่มเสียที่ไหน?”
ผู้ฝึกตนข้างๆ ที่ดูเหมือนอายุเพียงหกสิบเจ็ดสิบคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แม้เขาจะดูเหมือนเด็ก แต่กลับมีอายุมากที่สุดในกลุ่ม เพียงแต่ยิ่งวรยุทธ์สูง ก็สามารถทำให้ตนเองหยุดอยู่ในช่วงอา ายุที่ต้องการได้ตามต้องการ ด้วยเหตุนี้เขาจึงดูเหมือนเด็กคนหนึ่ง
“ผู้หญิงหรือ?”
หญิงสาวหน้าตางดงามที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น จ้องพิจารณาเด็กหนุ่มชุดแดงที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างละเอียด สุดท้ายก็ตะลึงงัน ยิ้มบอกว่า “เป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ ด้วย ดูท่า คนที่ขึ้นมาใ ในปีนี้ สุดท้ายคงได้เข้าสำนักของข้าเป็นแน่”
“ฮ่าๆๆๆ กี่ปีมาแล้วที่ไม่มีผู้ฝึกตนหน้าตางดงามขึ้นมาข้างบนนี้? ตอนนี้อุตส่าห์มีมาคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ อย่างไรเสีย คนคนนี้ก็ต้องมาอยู่สำนักข้ า”
“เจ้าอย่ามาแย่งกับข้าเลย เด็กผู้หญิงคนนี้ข้าจะเอา”
“ไม่ได้ๆ ข้าเอา ข้าจะเอา”
“ได้อย่างไรกัน ข้าพูดก่อนนะ”
“แต่ข้าเป็นคนดูออกก่อนว่านางเป็นผู้หญิง หากจะเข้าสำนักเซียน ก็ควรเข้าสำนักของข้า”
พวกเขาถกเถียงกันอยู่ตรงนั้น แต่ทว่า หนึ่งในนั้นกลับตาดีและร้องตะโกนขึ้นมา “อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย เด็กผู้หญิงคนนั้นทำไมถึงหันกลับไปแล้วเล่า?”