เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2745 อีกฝั่งหนึ่งของประตูเซียน / ตอนที่ 2746 วรยุทธ์สูงพอ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2745 อีกฝั่งหนึ่งของประตูเซียน / ตอนที่ 2746 วรยุทธ์สูงพอ
ตอนที่ 2745 อีกฝั่งหนึ่งของประตูเซียน
ครั้นได้ยินคนที่เหลือตะลึงงัน รีบหันไปดูอีกฟากของประตูบานนั้น กลับเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่หลังจากหันมองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่งก็หันตัวและเดินกลับลงไปทั้งอย่างนั้น
“นะ นี่นางจะไปเลยหรือ? นางขึ้นมาบนบันไดสู่แดนเซียนแล้ว แต่กลับไม่ขึ้นมาบนนี้?” ชายชราอีกคนเบิกตากว้าง ถึงขนาดพูดติดอ่าง
“นางคงไม่รู้กระมังว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบใด? ผู้ฝึกเซียนทุกคนน่าจะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านสถานที่แห่งนี้ไปให้ได้ ทำไมนางถึงได้ไปแล้วเล่า? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เขาเฝ้าอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้ฝึกตนขึ้นมาถึงบนนี้แต่กลับทำหน้าเฉยเมย หนำซ้ำยังยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ตรงนั้นไม่นานก็หันตัวเดินกลับไปเฉยๆ อย่างนี้
ชั่วขณะ ตาเฒ่าพวกนี้ถึงกับตะลึงตาค้าง ลืมการตอบสนองทุกอย่างไปเสียสนิท ได้แต่มองเงาร่างนั้นหายลับไปจากอีกฟากของประตูทั้งอย่างนั้น
“ปะ ไปแล้วหรือ?”
พวกเขามองหน้ากันไปมา ไม่เคยพบเจอสถานการณ์อย่างนี้มาก่อน ตาเฒ่าที่อยู่ในร่างเด็กปล่อยดวงจิตออกไป น้ำเสียงที่สะท้อนแรงกดดันอันทรงพลังดังตามออกไปด้วย
“แม่หนู เจ้าไม่ขึ้นมาหรือ?”
เฟิ่งจิ่วที่กำลังเดินลงพอได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจเล็กน้อย หันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง แต่กลับไม่เห็นอะไร ฉะนั้นจึงเดินลงต่อไป
“แม่หนู ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ! ทำไมเจ้าไม่ขึ้นมา?” เสียงของตาเฒ่าฟังดูลนลานร้อนใจ
ครั้งนี้เฟิ่งจิ่วมั่นใจแล้วว่ากำลังพูดกับเธออยู่ เพียงแต่ เธอกลับไม่เห็นตัวคนพูด ฉะนั้นจึงหันไปมองประตูบานนั้นแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าแค่ขึ้นมาดูเฉยๆ ไม่ได้อยากข้ามไป”
ครั้นได้ยินคำตอบ ตาเฒ่าในร่างเด็กถลึงตา แม้แต่คนอื่นๆ ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเช่นกัน พวกเขาทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“อย่างนั้นเจ้ามาทำไม! แกล้งพวกข้าเล่นหรืออย่างไร?” ตาเฒ่าถามอย่างไม่พอใจ
เฟิ่งจิ่วฉายแววตาประหลาดใจ พวกข้า? เห็นได้ชัดว่าด้านหลังประตูบานนั้นไม่ได้มีตาเฒ่าที่มีวรยุทธ์ลึกล้ำอยู่แค่คนเดียว! ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตอบว่า “เมื่อกี้ข้าก็บอกแล้วอย่างไรเล่า า ข้าแค่ขึ้นมาดูเฉยๆ แล้วข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกท่านอยู่ข้างหลังประตูบานนั้น ฉะนั้นจะบอกว่าข้าแกล้งพวกท่านไม่ได้”
ตาเฒ่าเหล่านั้นไร้คำโต้แย้งไปชั่วขณะ พวกเขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าสมองของแม่หนูนั่นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
สุดท้าย หนึ่งในนั้นถามขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าชื่ออะไร?”
“เฟิ่งจิ่ว” เธอตอบอย่างไม่ปิดบัง
“เฟิ่งจิ่ว? อื่ม พวกข้าจำไว้แล้ว”
เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะเอ่ยอีกว่า “ขอลา” เอ่ยจบ ก็เดินลงบันไดไปต่อ
เห็นเธอค่อยๆ เดินลงไปอย่างไม่คิดรีรอ พวกเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ กระทั้งสุดท้าย หนึ่งในนั้นจึงโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “ดีใจเก้อเลย”
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่มีความทะเยอทะยาน นางจะกลับมาอีกครั้ง” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนพูดอีกว่า “พวกเจ้าจะมาแย่งกับข้าไม่ได้ เฟิ่งจิ่วผู้นี้ ข้าจองแล้ว”
“เจ้าจองแล้วอะไร? ข้าเป็นคนหมายตาก่อนแท้ๆ”
“ข้ามองออกเป็นคนแรกว่านางเป็นหญิงที่แต่งกายเป็นชาย ฉะนั้นนางควรเป็นของข้า”
“แย่งอะไรกัน? อายุปูนนี้แล้วไม่ขายหน้าบ้างหรือ แม่หนูนั่นตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาร่างแล้วด้วยซ้ำ ยังมีอะไรให้แย่งกันอีก? หากจะแย่งกัน ภายหน้าหากนางมาอีกครั้ง ก็ให้นางเลือ อกเองไม่ดีกว่าหรือ?” ตาเฒ่าในร่างเด็กพูดแทรกขึ้น เขาหันไปมองประตูบานนั้น เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “ปีนี้ดูท่าคงต้องจบทั้งอย่างนี้แล้วล่ะ”
เฟิ่งจิ่วไม่รับรู้เลยว่าพวกเขากำลังเถียงอะไรกันอยู่ ตอนที่เธอลงมาถึงข้างล่าง เห็นเพียงชายชราคนนั้นนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
………………………………….
ตอนที่ 2746 วรยุทธ์สูงพอ
บรรยากาศรอบข้างดูไม่ค่อยปกติ ผู้ฝึกตนจำนวนหนึ่งยืนล้อมคนในตระกูลของชายชรา และในนั้น คนของเหอซูกำลังยืนคุ้มกันรอบตัวชายชรา บรรยากาศดูตึงเครียดเหมือนพร้อมจะปะทุได้ทุกเม มื่อ
นอกจากคนพวกนั้นที่ยืนล้อมชายชราและพวกเหอซู ยังมีบางคนที่เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็รีบจากไป ส่วนพวกเซี่ยเหยียนกับผู้เฒ่าเซี่ยกลับยืนดูอยู่ไม่ไกล ครั้นเห็นเธอลงมาก็เดินเข้า ามาหาอย่างดีใจ
เธอละสายตาที่กำลังสำรวจบรรยากาศรอบข้างกลับมาอย่างเงียบๆ สาวเท้าเดินไปทางชายชราที่กำลังหายใจรวยริน แล้วก็ค้นพบว่าคนในตระกูลของชายชราหันดาบคมกระบี่แหลมใส่ คล้ายต้องการฉว วยโอกาสตอนที่ชายชราบาดเจ็บเพื่อเอาชีวิตเขา
“เขาตกลงมาหรือ?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว ขณะหันไปถามเหอซู
“คุณชายเฟิ่ง ท่านลงมาแล้วหรือ?” เหอซูเห็นเขาก็ดีใจมาก “ข้ายังกังวลว่าเจ้าจะตกลงมาด้วยหรือไม่ แต่เห็นเจ้าปลอดภัยลงมาข้าก็วางใจแล้ว”
เขาเอ่ย จากนั้นก็นึกถึงคำถามของเฟิ่งจิ่วขึ้นมาได้ จึงรีบตอว่า “ผู้อาวุโสตกลงมา เพียงแต่ ตอนที่เขาตกลงมา คนในตระกูลของเขากลับขัดแย้งกันเอง คนกลุ่มหนึ่งจะไปรับตัวเขา อีก กลุ่มหนึ่งกลับพยายามขัดขวาง ข้าทนดูไม่ได้จึงยื่นมือเข้าไปช่วย นึกไม่ถึงคนพวกนี้กลับหันมาเล่นงานพวกเราด้วย”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ที่แท้ก็อย่างนี้เอง
“เสี่ยวจิ่ว” ผู้เฒ่าเซี่ยกับเซี่ยเหยียนพาคนเดินมาหา หยุดยืนอยู่ข้างกายเธอ
“ทำไมพวกท่านยังไม่กลับไปอีก?”
เฟิ่งจิ่วถาม เพราะหากคนที่นี่ต่อสู้กัน เกรงว่าจะต้องมีลูกหลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลที่คาดเดาเรื่องนี้ได้ต่างก็จากไปแต่เนิ่นๆ แล้ว พวกเขากลับยังคงอยู่
“พวกข้าอยากรอให้เจ้าลงมาอย่างปลอดภัยแล้วค่อยไป” เซี่ยเหยียนตอบ เขามองเฟิ่งจิ่ว พลางถามอย่างเป็นห่วง “เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ?”
เฟิ่งจิ่วมองชายชราที่ลมหายใจรวยริน ตอบว่า “นับว่ารู้จักกระมัง!” เธอกวาดสายตามองผู้ฝึกตนที่ยืนล้อมอยู่พวกนั้น เชิดคิ้วสูงขณะถาม “พวกเจ้าไม่ไปหรือ?”
ขณะที่เห็นเด็กหนุ่มชุดแดงคนนี้ถามออกมาด้วยท่าทางเฉยชา ผู้ฝึกตนพวกนั้นรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับหากเพียงพวกเขาเลือกผิด สิ่งที่พวกเขาต้องเจอก็คือไปสังห หารอันน่าอกสั่นขวัญหาย กลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้นมาก เข้มข้นจนหัวใจของพวกเขาเกร็งขึ้นมาเพราะคำถามของเด็กหนุ่ม ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาเกิดลังเลใจขึ้นมา
“เจ้าหนู เจ้าอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง…อึก!”
ชายคนหนึ่งในตระกูลของชายชราตวาดเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ทว่า เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นประกายเยือกเย็นสายหนึ่งพุ่งเข้ามา พริบตาเดียวเขาก็ล้มลงไปบนพื้น ภาพนั้นเกิดข ขึ้นในชั่วเวลาไม่ถึงพริบตาด้วยซ้ำ แล้วชีวิตของผู้ฝึกตนระดับเซียนขั้นสูงสุดก็จบลงเช่นนั้น
รอบข้างเงียบสงัดในพริบตา ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่เงียบกริบ และมองภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว โดยเฉพาะผู้ฝึกตนที่ยืนล้อมอยู่พวกนั้น พวกเขาพากันถอยหลังอย่างเงียบๆ ก่อนจะรีบหนีไ ไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้ากลับมานะ!” ชายคนหนึ่งในตระกูลของชายชราเห็นดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขาอดถอยหลังไปไม่ได้เช่นกัน ขณะเดียวกันก็จ้องเฟิ่งจิ่วอย่างตกตะลึงหวาดกลัว
ชายชราที่กำลังหายใจรวยรินเห็นเฟิ่งจิ่วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “สะ สหายน้อย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัว ไม่จำเป็นเลย!” เขากับเด็กหนุ่มไม่ใช่มิตรหรือศัตรู เหตุ ใดเขาต้องหากเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ด้วย?
เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก “หากมีวรยุทธ์ไม่สูงพอ ข้าย่อมไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ในเมื่อมีวรยุทธ์สูงพอ และข้าก็มีกำลังพอที่จะช่วยชีวิตท่านได้ เหตุใดข้าต้องยืนดูเฉยๆ ด้วยเล่า? ?”