เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2761 กลับจวน / ตอนที่ 2762 ร้องไห้
ตอนที่ 2761 กลับจวน
เธอหมุนถ้วยชาในมือเล่นอย่างไม่ยี่หระ ก่อนเอ่ยต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าเทียนจีก็แค่บอกให้ข้าไปขึ้นบันไดสู่แดนเซียนสักครั้ง เดาว่าเขาเองก็คงไม่คิดว่าข้าจะข้ามประตูบ บานนั้นไปได้กระมัง! หนำซ้ำ เรื่องที่สำคัญที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ข้าคิดว่าไม่ใช่การเปิดประตูอีกบานที่อยู่บนจุดสูงสุดของบันไดสู่แดนเซียน แต่เป็นสิ่งที่ได้รับจากการเดิน นทางครั้งนี้ต่างหาก”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอหยักยิ้มมุมปาก “เอาล่ะ พวกเจ้าก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปทำงานต่อเถอะ!” เธอโบกมือสั่งให้พวกเขาออกไปก่อน
“ขอรับ” ทั้งสองรับคำ คารวะแล้วเดินออกไป
เฟิ่งจิ่วนั่งในห้องใต้หลังคาครู่หนึ่ง แหงนหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ฉวยโอกาสตอนกลางคืนแฝงตัวในความมืดเข้าไปในจวนเฟิ่งอย่างเงียบงัน การคุ้มกันในจวนเฟิ่งเข้มงวดมาก เธอเพิ่งจะกระโดดข้ามกำแพงได้ไม่นาน ก็เห็นองครักษ์ลับคนหนึ่งปรากฏตัวทันที ขณะกำลังจะตะคอก เธอยกมือส่งสัญญาณให้เงียบ
“ข้าเอง” เธอเอ่ย มองหน้าองครักษ์ลับที่กำลังตะลึงงันคนนั้น เธอยิ้มบอกว่า “อย่าทำให้คนอื่นแตกตื่น”
“ขอรับ นายท่าน”
องครักษ์ลับคนนั้นรับคำ ก่อนจะถอยออกไปเงียบๆ ขณะเดียวกันก็กำชับองครักษ์ลับคนอื่นๆ ด้วย ด้วยประการฉะนี้ เฟิ่งจิ่วจึงตรงไปที่เรือนของเหลิ่งซวงโดยหลบเลี่ยงบ่าวรับใช้ในจวน แต่ไ ไม่ได้หลบเลี่ยงองครักษ์ลับพวกนั้น เธอตั้งใจว่าจะไปดูลูกก่อน
องครักษ์ลับที่อยู่ในที่มืดเห็นเฟิ่งจิ่วเข้าไปในเรือนของเหลิ่งซวง อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “ทำไมนายท่านชอบแต่งตัวเป็นขอทานเช่นนั้น? เจ้าดูสิ แม้แต่หน้าก็แปลงโฉมด้วย หากไม่ ใช่เสียงและท่าทางการเคลื่อนไหวนั่น ข้าก็จำนางไม่ได้จริงๆ”
“นายท่านทำอะไรจำเป็นต้องบอกพวกเราด้วยหรือ? นางทำอย่างนี้จะต้องมีเหตุผลแน่” องครักษ์ลับอีกคนเอ่ย
“แต่เหตุใดนายท่านกลับมาเร็วเช่นนี้? ดูท่าทางนายท่านน่าจะกลับมาอย่างเงียบๆ ด้วย ไม่รู้ว่าทางหอยาสวรรค์จะรู้เรื่องหรือยัง?”
“นายท่านไม่ได้พูด พวกเราก็อย่าถาม นายท่านบอกแล้ว อย่ากระโตกกระตาก นอกจากพวกเราองครักษ์ลับ คนอื่นรู้หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราควรยุ่ง หากนายท่านอยากให้พวกเขารู้ พวกเขาย ย่อมรู้เอง”
ในห้อง ประตูเรือนถูกผลักออก เหลิ่งซวงที่กำลังฝึกวรยุทธ์ลืมตาทันที “ใครน่ะ!”
“ข้าเอง” เฟิ่งจิ่วพูดขึ้น สาวเท้าเดินเข้าไป
ครั้นเห็นนายท่านในชุดขอทาน เหลิ่งซวงตะลึงงัน “นายท่าน? ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
“วันนี้เพิ่งเข้าเมืองมา ข้าไปหอยาสวรรค์มาแล้วจึงค่อยกลับมา” เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไป หันไปมองเด็กน้อยที่กำลังหลับสนิท ยิ้มบอกว่า “เจ้าตัวเล็กพักนี้ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนี่นา!”
เธอตั้งใจจะอุ้มลูกขึ้นมา แต่พอเห็นสภาพมอมแมมของตนเองก็หดมือกลับ
“นายท่าน ข้าจะสั่งให้คนเตรียมน้ำให้ท่านอาบก็แล้วกัน!” เหลิ่งซวงกล่าว
“ข้าจะอาบในห้องเจ้านี่แหละ! อย่าให้คนในจวนรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว โดยเฉพาะแขกในเรือนฝั่นตะวันตกนั่น” เฟิ่งจิ่วกำชับ เธอบิดขี้เกียจ ก่อนหันไปสังเกตห้องของเหลิ่งซวง
เหลิ่งซวงสีหน้าไหวระริก รอยยิ้มพาดผ่านดวงตาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรับคำทันที “เจ้าค่ะ” เธอออกไปข้างนอกเพื่อกำชับให้คนเตรียมน้ำอาบ และยกอาหารเข้ามาให้
ไม่นานบ่าวรับใช้ก็ยกข้าวต้มและกับแกล้มจำนวนหนึ่งมาถึง ขณะกำลังจะเข้าห้อง ก็เห็นเหลิ่งซวงเดินออกมา “ข้าเอง!” เหลิ่งซวงเอ่ย รับของไปก่อนจะสั่งให้สาวรับใช้ถอยออกไป ส่วนตนเ เองก็ยกอาหารเข้าไปในห้อง
“นายท่าน ตอนหัวค่ำข้าสั่งห้องครัวให้ต้มข้าวต้มไว้ นายท่านกลับมาได้กินพอดี” นางวางอาหารบนโต๊ะ พลางเอ่ยว่า “รอนายท่านอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยกินก็แล้วกัน!”
………………………………….
ตอนที่ 2762 ร้องไห้
หลังจากเตรียมน้ำอาบเสร็จ เฟิ่งจิ่วไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆ ผ่านไปไม่นาน เธอที่เปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงสีแดงเช็ดผมให้แห้ง หยิบปิ่นปักผมสีเขียวมรกตขึ้นมารวบผมหนึ่งมัด ส่วนที่เหลือก ก็ปล่อยสยายกลางหลัง การแต่งตัวแบบง่ายๆ ทำให้เธอดูผ่อนคลายสบายตา
“นายท่าน นายท่านน้อยตื่นแล้ว” เหลิ่งซวงบอก ยืนมองเด็กน้อยที่ตื่นและกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง
“ตื่นแล้วหรือ ข้าอุ้มหน่อย” เฟิ่งจิ่วบอก เธอเดินมาหยุดข้างเตียงในห้องด้านใน มองเด็กน้อยที่กำลังยกมือยกเท้าสะเปะสะปะอยู่บนเตียง ก่อนจะเหลือบเห็นกลองไม้เขย่า อดยิ้มไม่ได้ “เจ้าซื้อให้เขาหรือ?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เจ้าตำหนักซื้อมาให้นายท่านน้อยตอนกลับมาวันนี้”
เหลิ่งซวงบอกอีกว่า “เจ้าตำหนักกลับมาก็ให้ข้าอุ้มนายท่านน้อยไปที่ห้องโถงใหญ่ เขาอุ้มนายท่านน้อยเล่นอยู่ในห้องโถงใหญ่ครู่หนึ่ง ยังป้อนข้าวให้นายท่านน้อยด้วย จนนายท่าน นน้อยหลับแล้วถึงค่อยให้ข้าอุ้มกลับมา”
เฟิ่งจิ่วฟังแล้วก็ประหลาดใจ ยิ้มถามว่า “เขาเล่นกับเด็กเป็นด้วยหรือ? ไม่นึกเลยว่าจะซื้อกลองไม้เขย่าให้ห้าวเอ๋อร์เป็นด้วย?”
“นายท่าน เจ้าตำหนักดีกับนายท่านน้อยมาก” เหลิ่งซวงบอก
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ พลางหยอกเด็กน้อยบนเตียงเล่นไปด้วย “อย่างไรเสียนี่ก็เป็นลูกคนแรกของเรา จะไม่ดีด้วยได้หรือ? เสี่ยวห้าวเอ๋อร์ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
“เอิ้กๆๆ…”
เด็กน้อยยกมือยกเท้าสะเปะสะปะและหัวเราะเสียงดังเอิ้กๆ ใบหน้าจ้ำม่ำ ดวงตาหยักโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว ตัวเล็กกระจิดริดนั่นช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก เฟิ่งจิ่วอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปหอ อมแก้มขาวเนียนของเขาหนึ่งที
“มาๆ ท่านแม่หอมหนึ่งที” เธอยิ้มหวานขณะเอ่ย อุ้มเด็กขึ้นมาแล้วหอมแก้มเขาหนักๆ หนึ่งฟอด เจ้าตัวน้อยตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ จะแหกปากร้องไห้ขึ้นมา
เฟิ่งจิ่วตะลึง มองเจ้าตัวน้อยที่จู่ๆ ก็ร้องไห้อย่างตกใจ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้สติ ก่อนเอ่ยอย่างขบขันว่า “เจ้าตัวน้อย ข้าเป็นแม่ของเจ้า แม่หอมเจ้าหนึ่งทีจะเป็นไรไป? เกินไปตรงไห หนหรือ? เจ้ากลับรังเกียจข้าเสียนี่? ยังร้องไห้ใหข้าดูอีกใช่หรือไม่?”
“แง้ๆๆ…”
เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังมาก โดยเฉพาะในยามวิกาลเช่นนี้ แม้แต่เรือนอื่นๆ ก็ยังได้ยินรางๆ ตอนที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อซึ่งกำลังสะสางงานอยู่ในห้องหนังสือได้ยินเสียงลูกร้องไห้ เขา าชะงักเล็กน้อย วางของในมือลงแล้วเดินออกไป
“นายท่าน” ฮุยหลางที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเดินเข้ามาหา
“ให้ห้องครัวเตรียมข้าวให้ห้าวเอ๋อร์กิน ข้าจะไปดูหน่อยว่าเขาหิวแล้วใช่หรือไม่” เซวียนหยวนโม่เจ๋อสั่ง ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไป
ขณะเดียวกัน อวิ๋นเสวี่ยซินที่ได้ยินเสียงเด็กร้องก็ออกจากห้องมาเช่นกัน นางไปที่ห้องครัวก่อน ยกข้าวต้มถ้วยหนึ่งไปที่เรือนของเหลิ่งซวงด้วยตนเอง ระหว่างทางก็เจอเซวียนหยวนโม่เ เจ๋อ จึงยิ้มและขานเรียก “ศิษย์พี่”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยุดเดินแล้วหันไปมองนางแวบหนึ่ง สายตาจับต้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือนาง
เห็นสายตาของเขาที่มองมา อวิ๋นเสวี่ยซินจึงอธิบายว่า “ข้าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ คิดว่าน่าจะหิวข่าว จึงสั่งครัวให้ต้มข้าวต้มเละถ้วยหนึ่ง ตั้งใจจะยกไปให้เหลิ่งซวง ให้นางป้อ อนเด็ก”
“เรื่องพวกนี้บ่าวรับใช้ทำเองได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า
อวิ๋นเสวี่ยซินยิ้มๆ “ศิษย์พี่พูดอะไรอย่างนั้น ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่ ได้รับการดูแลจากศิษย์พี่และคนของจวนเฟิ่ง หากมีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้ ข้าย่อมไม่บ่ายเบี่ยง ยิ่งไม่ต้องพู ดถึงแค่ยกข้าวต้มมาให้ถ้วยเดียวอย่างนี้”