เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2765 โกรธ / ตอนที่ 2766 ไม่กลัว
ตอนที่ 2765 โกรธ
เฟิ่งจิ่วสั่ง ก่อนครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วบอกว่า “ผนึกกลิ่นอายพลังวิญญาณของเขาไว้ และหาคนคอยจับตาดูเขาลับๆ ด้วย”
องครักษ์ที่อยู่ในมุมมืดชะงักงันเล็กน้อย ก่อนจะรับคำ “ขอรับ” จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในเรือน ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องครวญคราง จากนั้นฮุยหลางก็ถูกจับใส่กระสอบหามออกไป
ตอนที่อิ่งอีซึ่งตามออกมาข้างหลังเห็นเฟิ่งจิ่ว เขาจะลึงงัน ก่อนจะรีบเข้ามาคารวะ “ภูตหมอ” สายตาเหลือบมองฮุยหลางที่ถูกหามออกไป ลอบคิดในใจว่า ‘หรือว่าฮุยหลางไปทำอะไรให้ภูต หมอไม่พอใจตอนไหน?’
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยว่า “เรื่องที่ข้ากลับมาแล้ว อย่าเพิ่งให้แขกที่เรือนตะวันตกรู้”
อิ่งอีเงยหน้ามอง ก็เห็นฟิ่งจิ่วยกอาหารเข้าไปในเรือนแล้ว แขกที่เรือนตะวันตก? หมายถึงอวิ๋นเสวี่ยซินกระมัง? ภูตหมอนาง…กลับมาเมื่อใดกัน? ทำไมถึงรู้เรื่องแขกที่มาพักในเรือนตะ ะวันตกแล้ว?
เฟิ่งจิ่วเข้ามาในลานสวน เห็นไฟในห้องยังสว่างอยู่ เธอผลักประตูเข้าไป ก็เห็นโม่เจ๋อแสร้งทำทีเป็นอ่านตำราอยู่ข้างโต๊ะ ได้ยินเสียงผลักประตูก็ไม่เงยหน้าขึ้นมา เพียงพลิกตำรา าไปยังหน้าต่อไป
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้มๆ “ไม่ได้เห็นท่านอ่านตำรากลับด้านมานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านจะฝึกท่าไม้ตายนี้อีกครั้งแล้ว?”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อชะงักงัน ก้มมองตำราในมือ ก่อนจะวางลงแล้วดันไปไว้ข้างๆ หันไปมองคนที่ยกอาหารเข้ามา
“ไม่ใช่ว่าจะซ่อนตัวหรือ? ทำไมจึงวิ่งมาหาข้าที่นี่แล้วเล่า?” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำมีเสน่ห์ หากฟังดีๆ จะพบว่าในน้ำเสียงมีแววไม่พอใจปนอยู่เล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าตั้งใจหลบท่านเสียหน่อย ข้าแค่คิดว่าไม่ได้เข้าครัวทำอาหารนานแล้ว อยากไปทำบะหมี่ให้ท่านสักชามแล้วค่อยมาหาต่างหากเล่า”
เธออธิบาย พลางยกบะหมี่สองชามเดินไปวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกชามหนึ่งไปไว้ตรงหน้าเขา “ชิมดู ข้าตั้งใจทำเลยนะ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอ ก่อนถามขึ้นว่า “ขอทานที่เจอวันนี้เป็นเจ้าหรือ? เพราะข้าจำเจ้าไม่ได้ เจ้าเลยจะไม่ยอมพบข้า? ตั้งใจจะซ่อนตัวไม่ยอมพบข้าใช่หรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่ได้จะซ่อนตัวไม่พบท่าน นี่ข้าก็มาแล้วไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง ข้าไม่ทำเรื่องน่าละอายอะไรสักหน่อย ทำไมต้องหลบท่านด้วย?”
เห็นเขาจ้องหน้าเธอไม่วางตา คล้ายว่าหากไม่มีคำอธิบายดีๆ ก็จะไม่ยอมจับตะเกียบ เธอจึงถอนหายใจอย่างระอาเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงอย่างเรียบร้อย บอกว่า “ที่จริงนั้น! ข้าก็เพิ่งกลับมา าวันนี้เอง ข้าใช้แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงที่ตาเฒ่าให้กลับมาที่นี่ แต่ก็กลัวว่าหากคนพวกนั้นรู้ว่าข้ากลับมาที่นี่ จะหมายหัวข้าและทำให้พวกท่านเดือดร้อนไปด้วย ฉะนั้นจึงได้แต่แ แอบกลับมาเงียบๆ”
เธออธิบาย ครั้นเห็นสีหน้าของเขาอ่อนลง จึงพูดต่อว่า “ข้าก็คิดถึงท่านเหมือนกัน ถึงได้คิดจะกลับมาหาท่าน แต่ใครจะรู้พอกลับมาก็เห็นท่านนั่งอยู่กับหญิงคนหนึ่งในหอสุรา หนำซ้ ำพอเห็นข้าแล้วก็ยังจำข้าไม่ได้อีก ตอนนั้น ข้าก็เลย ก็เลยรู้สึกหึงขึ้นมาชั่วขณะ ฉะนั้นจึงอยากสืบให้รู้ก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแล้วค่อยกลับมา”
แววตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋ออ่อนโยนลง มองหน้าเธอแล้วถอนหายใจ “ถึงแม้จะหึงเจ้าก็ไม่ควรหลบข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ารอเจ้ากลับมาอยู่ตลอด?”
“ข้ารู้สิ! ฉะนั้นจึงได้เสี่ยงอันตรายกลับมา ทั้งที่กลัวว่าคนพวกนั้นจะรู้ตัวและกลับมาไล่ล่าอย่างนี้” เธอยิ้มอย่างเอาใจ ย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเขา “ตอนนี้กินบะหมี่ได้แล้วหรือยั ง?”
………………………………….
ตอนที่ 2766 ไม่กลัว
เขาอดปวดใจไม่ได้ ถามว่า “คนพวกนั้นไล่ล่าเจ้าตลอดทางเลยหรือ? เจ้าไปเกาะเซียนเฝิงไหลครั้งนี้ ระหว่างทางเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดไม่ส่งข่าวกลับมาเลย?”
“ใช่! คนพวกนั้นไล่ล่าไปถึงเกาะเซียนเฝิงไหลเลยล่ะ พวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่คิดจะเล่นงานข้าก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพียงแต่ข้าไม่อยากให้พวกท่านเป็นห่วง จึงไม่ได้ส่งข่าวกลับมาเท ท่านั้น”
“วรยุทธ์ของเจ้าทะลวงขั้นแล้วหรือ?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของเธอไม่เหมือนเดิม ดูท่าน่าจะทะลวงขั้นถึงระดับเซียนสวรรค์แล้ว
เธอพยักหน้ายิ้มๆ “อืม ข้าคิดว่าน่าจะอยู่ในระดับเซียนสวรรค์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือจิตวิญญาณล้วนพัฒนาขึ้น อีกทั้งยังได้บัวทองมาอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วย บางทีที่ผู้เฒ่า เทียนจีให้ข้าไปที่เกาะเซียเฝิงไหล อาจเป็นเพราะดอกบัวทองนี่หรือเปล่านะ?”
“บันไดสู่แดนเซียนเจ้าได้ขึ้นไปหรือยัง?”
“ขึ้นไปแล้ว แต่ไม่ได้ข้ามไป ได้ยินว่านั่นเป็นประตูที่เชื่อมต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง ข้าไปถึงข้างบนก็ลงมาเลย ฉะนั้นพอได้ดอกบัวทองมา ทะลวงขั้นพลัง จากนั้นก็สลัดคนพวกนั้นที่ไล ล่ล่าข้าจนหลุด ข้าก็เลยแอบกลับมาเงียบๆ” เธอเล่า ก่อนจะยิ้มบอกว่า “จะว่าไป ข้ายังต้องไปถามโม่เฉินเรื่องดอกบัวทองนี่สักหน่อย”
เธอเอาเม็ดบัวออกมาจากห้วงมิติหนึ่งอัน “ข้ากินเม็ดบัวเข้าไปหนึ่งเม็ดจึงได้ทะลวงขั้นพลัง ประสิทธิภาพของเม็ดบัวนี้แข็งแกร่งมาก ท่านลองกินดูหนึ่งเม็ด”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าเพิ่งทะลวงขั้นพลังสู่ระดับเซียนสวรรค์ ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะทะลวงขั้นอีกครั้ง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย ก่อนดันกลับไป “เจ้าเก็บไว้เถอะ!”
เฟิ่งจิ่วจึงเอาขวดเล็กๆ มาใส่เม็ดบัวก่อนจะยื่นให้เขา “อย่างนั้นท่านเก็บไว้เถอะ! เอาไว้ใช้ภายหน้า”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับเม็ดบัวมาเก็บ เขามองบะหมี่ตรงหน้า ก่อนเอ่ยว่า “กินกันเถอะ! เดี๋ยวเย็นหมด” ขณะเอ่ย ยังคีบไข่ที่อยู่ด้านบนบะหมี่ให้เฟิ่งจิ่วด้วย “กินเยอะๆ หน่อย”
เฟิ่งจิ่วมองชามที่เต็มไปด้วยเนื้อ อดชะงักไม่ได้ “ข้าก็มีนะ!”
“กินเยอะๆ หน่อย เจ้าผอมลงแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า ก่อนจะคีบเนื้อในชามตนเองให้เฟิ่งจิ่วจนหมด
“อย่างนั้นไข่นี่ให้ท่าน” เธอคีบไข่ให้เขา บอกว่า “เอาล่ะ อย่าเอาแต่คีบอยู่เลย รีบกินกันเถอะ! อีกเดี๋ยวข้ายังมีเรื่องจะคุยกับท่านอีก!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงเริ่มกิน บะหมี่ธรรมดาถ้วยหนึ่ง กลับทำให้เขารู้สึกว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่เขากินในพักนี้ นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเฟิ่งจิ่วเป็นคนทำบะหมี่ถ้วยนี้ แต่เ เป็นเพราะมีเฟิ่งจิ่วอยู่ข้างๆ เขาด้วย
หลังจากที่ทั้งสองกินเสร็จ ก็ดันชามไปไว้ข้างๆ เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองหน้าเธอ ก่อนถามว่า “มีอะไรจะพูดงั้นหรือ?”
“ที่จริงคืออย่างนี้ ข้ามีความคิดหนึ่ง อยากลองคุยกับท่านดู”
เธอบอกว่า “คนพวกนั้นต้องการบัวเขียวในตัวข้า แต่กลับเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด แต่พวกเราอยู่ในที่แจ้งตลอด กระทั่งตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกั นแน่ ฉะนั้นข้าก็เลยคิดว่าจะหาโอกาสแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกนั้น หากทำอย่างนั้นก็จะสะดวกต่อการสืบและทำลายล้าง…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเขาตัดบทก่อนแล้ว
“ไม่ได้!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้วมองหน้าเธอ “อันตรายเกินไป ข้าไม่เห็นด้วย”
เฟิ่งจิ่วแย้ง “แต่ว่าหากไม่ทำอย่างนั้น ปล่อยไว้แบบนี้ก็ยิ่งอันตรายนะ”
“แต่อย่างไรก็ทำอย่างนั้นไม่ได้” เขามองเธอ เกลี้ยกล่อมว่า “หากพวกนั้นมาอีก ก็เผชิญหน้าตรงๆ ไปเลย ด้วยวรยุทธ์ระดับเซียนสวรรค์ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกนั้นเลยสักนิด!”