เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2767 อึดอัด / ตอนที่ 2768 จากไป
ตอนที่ 2767 อึดอัด
เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างจนใจ “แม้จะพูดอย่างนี้ แต่หากไม่สืบให้รู้แน่ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่ อย่างไรข้าก็ไม่วางใจอยู่ดี”
“อย่างนั้นเจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ?”
“อย่าพูดถึงข้าเลย ศิษย์น้องของท่านนั่นมันอย่างไรกันแน่? นางจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้วถาม ดวงตาคู่งามจับจ้องไปที่เขา
“ไม่ได้บอก ข้าเองก็ไม่เคยถาม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า
เธอเอามือกอดอก ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องของท่านมาจากไหน? ตระกูลของนางอยู่ที่ไหน? หมั้นหมายหรือยัง? มาที่นี่ทำไม? ท่านไม่คิดว่าควรอธิบายเรื่องพวกนี้ก กับข้าหน่อยหรือ?”
“ตระกูลของนางอยู่นอกมหาสมุทร ตอนที่ข้ากับอาจารย์เดินทางออกนอกมหาสมุทรยังเคยไปที่ตระกูลของนางด้วย ส่วนเรื่องหมั้นหมายหรือยังนั้นข้าไม่รู้ บอกแค่ว่าอยากมาเปิดโลกกว้างที่น นี่สักหน่อย จากนั้นก็ไหว้วานให้ข้าดูแล ฉะนั้นจึงได้พักอยู่ที่นี่” เห็นท่าทางเวลาเธอหึง ดวงตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อมีประกายยิ้มพาดผ่าน “เจ้าวางใจเถอะ! นางเป็นคนมีขอบเขต”
“งั้นหรือ?”
เฟิ่งจิ่วมองเขาด้วยแววตาอธิบายยาก ตอนแรกตั้งใจว่าจะยังไม่ให้อวิ๋นเสวี่ยซินรู้เรื่องที่เธอกลับมาแล้ว แต่ดูท่าทาง เธอที่เป็นถึงเจ้าบ้านหากเอาแต่ซ่อนตัวอยู่อย่างนี้ตลอด สุดท้ ายจะดูเหมือนสู้แขกไม่ได้ด้วยซ้ำหรือเปล่านะ?
เธออยากรู้นัก อวิ๋นเสวี่ยซินคนนี้เป็นคนมีขอบเขตอย่างที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่าจริงๆ หรือไม่
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ประกอบกับสีหน้าท่าทางของเธอ เซวียนหยวนโม่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะกำชับว่า “นางเป็นศิษย์น้องของข้า แล้วก็เป็นแขกด้วย เจ้าจะทำอะไรไม่ยั้งคิดไม่ได้นะ”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหม็นกลิ่นน้ำส้มหึ่ง “แค่นี้ก็เป็นห่วงแล้วหรือ? ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านก็ถนอมบุปผากับเขาเป็นด้วย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยิ้มอย่างจนใจ “เจ้าอย่าคิดไปไกล ข้าเป็นคนรับปากว่าจะดูแลนางให้ดี” เขาย่อมรู้ดีว่าหากเฟิ่งจิ่วหมายตาใคร คนคนนั้นจะไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน เพียงแ แต่ อวิ๋นเสวี่ยซินไม่ใช่ใครอื่น เขาจะปล่อยให้เฟิ่งจิ่วทำอะไรตามใจไม่ได้
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้น ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงของอิ่งอีที่ดังมาจากลานบ้านข้างนอก
“นายท่าน”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ในห้องมองออกไปแวบหนึ่ง “เข้ามา”
อิ่งอีผลักประตูเข้ามา ในมือยังยกอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย ครั้นเห็นเฟิ่งจิ่วมองมา เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะวางของลง “แม่นางอวิ๋นสั่งคนยกขนมอบมาให้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองขนมอบชิ้นเล็กๆ บนโต๊ะ ก่อนหันไปพูดกับเฟิ่งจิ่วว่า “นี่เป็นขนมอบจากร้านที่เจ้าชอบกิน เจ้าชิมดูสิ” เขาดันไปไว้ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วปัดชายชุดกระโปรง ตอบว่า “เมื่อกี้เพิ่งกินบะหมี่ไป ขนมว่างนี้ข้าคงกินไม่ไหวแล้ว ท่านกินเองก็แล้วกัน! ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
ขณะที่เธอหมุนตัวจะเดินออกไป ก็ถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อดึงมือไว้ก่อน
เขาขมวดคิ้วมองนางเล็กน้อย “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าก็เพิ่งกลับมา จะไปไหนอีก? มีธุระอะไรพรุ่งนี้ค่อยไปจัดการไม่ได้หรือ?”
“พรุ่งนี้จะเอิกเกริกเกินไป กลางดึกสงัดอย่างนี้ถึงจะทำอะไรสะดวก” เธอหันมาตอบ ก่อนจะดึงมือออกจากพันธนาการของเขา บอกว่า “ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ! ไม่ต้องรอข้า” เอ่ยจบ ก็สาวเท้าเ เดินออกไป
เห็นเงาร่างของเธอออกจากห้องและหายลับไปจากครรลองสายตา คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่ได้คลายออกจากกันแต่อย่างใด
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย คล้ายไม่ค่อยพอใจนัก ทำให้บรรยากาศในห้องนี้ชวนอึดอัดไปด้วย อิ่งอีที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งไม่กล้าหายใจแรง ขณะกำลังจะถอยออกไป ก็ได้ยินเสียงอันเย็ นชาของนายท่านดังมา
“เอาของออกไป!”
………………………………….
ตอนที่ 2768 จากไป
อิ่งอีก้มหน้าเดินเข้ามา เอาขนมอบรวมถึงชามเปล่าสองใบนั้นเก็บไปพร้อมกัน จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน หลังจากที่เขาปิดประตูห้องให้นายท่าน ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวๆ
เหมือนว่าของสิ่งนี้จะมาไม่ถูกจังหวะเสียเลย ไม่สิ ควรบอกว่าอวิ๋นเสวี่ยซินส่งขนมอบมาไม่ถูกจังหวะเสียเลยต่างหาก
เพียงแต่ เหตุใดทูนหัวสองท่านนี้จึงดูเหมือนจะมีเรื่องไม่เข้าใจกันแล้วเล่า? บรรยากาศชวนอึดอัดข้างในนั่น ทำให้เขาไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ขณะเดียวกัน เขาก็อดสงสัยไม่ได้ด้วยว่าฮุ ยหลางถูกคนของภูตหมอจับไปโยนไว้ที่ไหนแล้ว?
หากเขาอยู่ที่นี่ เดาว่าคนที่เอาของมาให้ และเดินไปเดินมาต่อหน้าภูตหมอและนายท่านคงไม่ใช่เขาแล้ว
ในเรือนฝั่งตะวันตก อวิ๋นเสวี่ยซินในชุดสีขาวกำลังนั่งเติมน้ำมันในตะเกียงอยู่ข้างโต๊ะ ยามที่นางเห็นเปลวไฟลุกโชน เห็นแสงที่สว่างไสว ทำให้การมองเห็นในห้องชัดเจนขึ้นมา นางยิ้ มด้วยสีหน้าคาดเดาไม่ถูก ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ออกจากจวนเฟิ่งไปที่ตระกูลน่าหลัน เธอกระโดดกำแพงเข้าไป หลบเลี่ยงสายตาคนในจวน มาถึงเรือนของเขา
หลังจากเดินผ่านค่ายกลที่เขาวางไว้ด้านนอกเข้ามาถึงลานบ้าน ก็ยังไม่เห็นใคร แต่เห็นไฟในห้องสว่างอยู่ จึงถามว่า “นอนหรือยัง?”
น่าหลันโม่เฉินที่อยู่ในห้องครั้นได้ยินเสียงของเฟิ่งจิ่วก็ตะลึงเล็กน้อย เขาวางตำราในมือลงแล้วเดินออกมา เมื่อเห็นเธอในชุดสีแดงที่นั่งดื่มสุราอยู่ข้างโต๊ะในลานบ้านก็เ เดินเข้าไปหา
“กลับมาตั้งแต่เมื่อใด?”
“วันนี้” เธอหยิบถ้วยสุราออกมาอีกหนึ่งใบ ก่อนจะรินให้เขาด้วย
“ทำไมถึงได้คิดจะมาดื่มสุรากับข้าที่นี่?” เขามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนถามว่า “อารมณ์ไม่ดีหรือ?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนี่ง “ใครบอกว่าข้าอารมณ์ไม่ดี? ข้ามาดื่มสุรากับเจ้าไม่ได้หรือ?” เธอยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว ก่อนจะรินอีกครั้ง “ข้ามาถามเจ้าดู ว่าอาจารย ย์ของเจ้าให้ข้าไปทำอะไรที่เกะเซียนเฝิงไหลกันแน่?”
เธอดื่มสุราไปพลาง “ข้าไปอยู่ที่นั่นหลายเดือน เหมือนจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ”
“เจ้าทะลวงขั้นสู่ระดับเซียนสวรรค์แล้ว” น่าหลันโม่เฉินเอ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหตุใดจึงบอกว่าไม่มีอะไรพิเศษเล่า? จากที่ข้าดู กลิ่นอายรอบตัวเจ้าไม่เหมือนเดิมแล้ว คิดดูแล้วไม่ ใช่แค่วรยุทธ์ที่พัฒนาขึ้น จิตวิญญาณก็พัฒนาเช่นกัน”
“อืม ที่เจ้าพูดก็ถูก อย่างอื่นไม่รู้ แต่วรยุทธ์พัฒนาขึ้นแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์แล้ว เดิมทีนึกว่าจะหยุดอยู่ที่ระดับจักรพรรดิเซียนนานมาก กลับนึกไม่ถึง ว่ากินเม็ดบัวเม็ดหนึ่งจะทำให้พลังระเบิดออกมา สุดท้ายก็ทะลวงขั้นได้ในครั้งเดียว กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์อย่างนี้”
เธอหมุนถ้วยสุราในมือ บอกว่า “จะว่าไป การเดินทางครั้งนี้นอกจากดึงดูดความสนใจจากคนที่ต้องการบัวเขียวในตัวข้าออกไป ยังทะลวงขั้นพลังอีกด้วย อีกทั้งข้ายังได้ดอกบัวทองจาก ที่นั่นมาหนึ่งบ่อ แม้แต่บันไดสู่แดนเซียนที่เป็นตำนานลึกลับข้าก็ไปขึ้นมาแล้ว”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ปะปน ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่น ก่อนจะแหงนหน้าดื่มสุรา และเอ่ยอีกว่า “เพียงแต่ ยิ่งระดับวรยุทธ์สูง ยิ่งยืนอยู่บนที่ส สูง ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อ”
“เจ้ารู้หรือไม่? บนบันไดสู่แดนเซียนนั่น ข้าเคยเห็นผู้ฝึกตนมากมายขึ้นไป พยายามที่จะเดินไปให้ถึงขั้นสูงสุด ทว่าสุดท้ายแต่ละคนหากไม่ใช่ลงมาด้วยตนเอง ก็ถูกแรงกดดันจากข้างบนกด ลงมา สถานเบาก็บาดเจ็บสาหัส สถานหนักก็กลายเป็นคนพิการไร้ค่า”
“แต่ข้า ขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ไปถึงหน้าประตูแล้ว แต่กลับไม่เข้าไป เหอะๆ”