เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2769 อารมณ์ไม่ดี / ตอนที่ 2770 ส่งมอบเม็ดบัว
ตอนที่ 2769 อารมณ์ไม่ดี
ฟังเธอพูดอยู่ตรงนั้น แล้วยังเห็นเธอดื่มสุราถ้วยแล้วถ้วยเล่า หัวใจของเขาสั่นไหว ถามเสียงเบาว่า “แล้วเหตุใดเจ้าไปถึงหน้าประตูแล้วไม่เข้าไปเล่า? ที่แห่งนั้น ข้าเคยได้ยินท ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ในโลกใบนั้น มีผู้แข็งแกร่งที่ระดับสูงกว่าเซียนสวรรค์อีก”
“ใช่! ประตูที่เปิดออกบานนั้นเป็นที่ที่เชื่อมต่อไปยังโลกอีกใบหนึ่ง ที่นั่นมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า บางที อาจเหมาะให้ผู้ฝึกเซียนอาศัยอยู่มากกว่าด้วย”
เธอเอ่ยอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนจะรินสุราดื่มอีกหนึ่งถ้วย หลังจากดื่มสุราในถ้วยจนหมด ก็กระแทกถ้วยสุราลงบนโต๊ะแรงๆ มองหน้าโม่เฉิน “แต่แล้วอย่างไรเล่า? ครอบครัวและสหาย ยของข้า คนที่ข้ารัก คนที่ข้าใส่ใจล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด เจ้าว่า ข้าไปที่นั่นเพียงลำพังแล้วจะมีความหมายอะไร? หรือจะให้ข้าฝึกแต่วรยุทธ์แล้วตัดขาดจากกิเลศทางโลกทั้งหมด?”
ได้ฟังอย่างนั้น โม่เฉินสายตาไหวระริก เขาก้มหน้าเก็บสายตา ยกถ้วยสุราด้านหน้าขึ้นมาจิบคำหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร เพียงนั่งฟังเฟิ่งจิ่วพูดอยู่เงียบๆ กระทั่ง เฟิ่งจิ่วที่พูดอยู่จู ๆ ก็หยุดแล้วมองหน้าเขา
“ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย?”
โม่เฉินชะงัก ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้ากำลังตั้งใจฟัง เจ้าพูดจบแล้วหรือ? พูดแล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วมองเขา ไม่ได้พูดอะไร
“เป็นเพราะหญิงแซ่อวิ๋นที่อาศัยอยู่ในจวนของเจ้าหรือ? เจ้าเลยอารมณ์ไม่ดี?” โม่เฉินยิ้มถาม มองเธอ ก่อนเอ่ยว่า “นี่ไม่เหมือนเจ้าในยามปกติ และไม่เหมือนนิสัยของเจ้าด้วย”
“ที่ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นเสียหน่อย” เฟิ่งจิ่วว่า ขณะกำลังจะรินสุราอีกครั้ง ก็ถูกโม่เฉินห้ามไว้ก่อน
“เอาล่ะ อย่าดื่มอีกเลย ดื่มแต่สุราไม่ดีต่อร่างกาย” เขาเตือน ก่อนมองหน้าเธอแล้วถามว่า “ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น อย่างนั้นโม่เจ๋อทำให้เจ้าโกรธหรือ? เขาทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ? ?”
เฟิ่งจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ข้าโกรธหรอก ข้าแค่อารมณ์ไม่ค่อยดี” เธอแอบกลับมาเงียบๆ เพราะคิดถึงและอยากเจอคนที่อยู่ในใจมาตลอด เพียงแต่นึกไม่ถ ถึงว่าเจอนั้นได้เจอแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นศิษย์น้องของเขา ทว่าแต่ก่อนเขาไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงคนอื่นขนาดนั้น อีกเรื่องก็คือทั้งที่พวกเขาสองคนเจอกันแล้ว เขากลับจำเธอไม่ได้ หลังจากกลับมาที่จ จวน เขายังพูดจาปกป้องผู้หญิงคนนั้นอีก ราวกับกลัวว่าเธอจะทำอะไรผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ปาน
นี่ทำให้เธอที่กลับมาพร้อมกับความดีใจในตอนแรกรู้สึกผิดหวังและหดหู่ แต่พวกเขาสองคนกลับไม่ได้ทะเลาะกันด้วยซ้ำ ความอัดอั้นตันใจนี้ ยากจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
โม่เฉินยิ้มๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พักนี้ข้าเองก็ไปจวนเฟิ่งมาหลายครั้ง เคยเจอหญิงแซ่อวิ๋นสองครั้ง ผู้หญิงคนนั้นนอกจากรูปร่างหน้าตาโดดเด่นแล้ว ยังไม่ใช่คนโง่ด้วย ไม่อย ย่างนั้นโม่เจ๋อคงไม่ให้นางอยู่ที่จวนเฟิ่ง
ผู้อยู่ในเหตุการณ์มักมองเห็นสถานการณ์ได้ไม่ชัดเท่าคนนอก ข้ากลับรู้สึกว่าไม่มีทางที่นางจะไม่รู้สึกอะไรกับโม่เจ๋อ เพียงแต่นางปิดบังได้แนบเนียนมากเท่านั้น โม่เจ๋อไม่รู้สึก บา างทีอาจเพราะเห็นนางต่างจากคนอื่นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เจ้าวางใจได้ จากที่ข้าดู หัวใจของโม่เจ๋อมีแค่เจ้าคนเดียว แม้จะปฏิบัติกับหญิงผู้นั้นต่างจากคนอื่น ก็น่าจะเป็นเพราะนางเป็ นศิษย์น้องของเขาเท่านั้นกระมัง!”
เฟิ่งจิ่วถลึงตา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครที่ไหนพูดปลอบใจคนอื่นอย่างเจ้าบ้าง?”
“ฮะๆ ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้น” โม่เฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยอีกว่า “แต่หากเจ้าไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เจ้าให้นางออกจากจวนเฟิ่งไปอาศัยที่จวนหลิงก็ได้ ไม่ใช่หรอื?”
………………………………….
ตอนที่ 2770 ส่งมอบเม็ดบัว
“ข้ายังไม่เคยประมือกับนางเลย! จะปล่อยให้นางออกจากจวนของข้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร?” เฟิ่งจิ่วแค่นเสียง “วันนี้ก็แค่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากันตรงๆ แต่ข้าได้ยินมาว่า นางอยู่ในจวน ข้าทำตัวตามสบายมากทีเดียว”
เธอหมุนถ้วยสุราในมือเล่น ก่อนเอ่ยว่า “เดิมทีที่ข้ากลับมาเงียบๆ ก็เพราะไม่อยากทำให้คนที่หมายตาบัวเขียวในตัวข้ารู้ตัว แต่ดูท่าทางแล้ว ไม่นานคนพวกนั้นก็คงตามมาถึงที่อ อยู่ดี”
“ด้วยวรยุทธ์ระดับเซียนสวรรค์ของเจ้า ไม่ต้องกลัวพวกนั้นแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องกลับมาอย่างเงียบๆ” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าเป็นห่วงคนรอบกายของเจ้ากระมัง?”
เฟิ่งจิ่วไม่พูดอะไร เท่ากับว่ายอมรับแล้ว
“ที่จริง คนรอบกายเจ้าล้วนมีวรยุทธ์แข็งแกร่งแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง มองหน้าเธอแล้วบอกว่า “วันนี้เจ้าเพิ่งกลับมา เดาว่ายังไม่ได้พักผ่อนดีๆ อย่า าดื่มเหล้าอีกเลย รีบกลับไปเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วมองเขาตาขวาง “จะไล่ข้าไปหรือ? ข้าไม่ได้มาหาเจ้าเพื่อดื่มเหล้าระบายอารมณ์นะ”
เธอเอ่ย ก่อนจะเอาเมล็ดบัวออกมา “ข้าเจอเมล็ดบัวของบัวทองที่เกาะเซียนเฝิงไหล แล้วก็ทะลวงขั้นพลังเพราะกินมันเข้าไปเม็ดหนึ่ง เจ้าว่า นี่จะใช่บัวทองโบราณที่ว่านั่นหรือเปล่า า?”
อย่างไรเสียเธอก็ดูไม่ออก แต่ตอนที่เธอกินเมล็ดบัวเขียว รูปร่างของมันเหมือนจะไม่ต่างกันมาก เอ่อ ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เหมือนจะต่างจากเมล็ดบัวทั่วไปอยู่บ้าง
โม่เฉินเพียงมองแวบเดียวก็ส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่บัวทองโบราณ แต่เมล็ดบัวนี้มีกลิ่นอายของมันอยู่ ข้าคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่”
“มีกลิ่นอายของบัวทองโบราณ?” เธอมองโม่เฉินอย่างประหลาดใจ “ทำไมข้าไม่รู้สึกอะไรเลย?”
โม่เฉินยิ้มๆ เขาไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด เพียงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าควรกลับได้แล้ว โม่เจ๋อคงรอเจ้าอยู่”
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น หันไปมองที่ลานบ้าน บอกว่า “เรือนเจ้ายังมีห้องอยู่ไม่ใช่หรือ? คืนนี้ข้าจะนอนที่นี่ ไม่กลับแล้ว” เธอเอ่ย ก่อนหันตัวเดินไปที่ห้องด้านข้าง หลังจากเข้าไปก็ปิด ดประตูเสียงดังปัง
โม่เฉินอึ้งงัน มองประตูที่ปิดสนิทแล้วอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยได้สติ ส่ายหน้าพลางหัวเราะอย่างเอือมระอา เขามองเมล็ดบัวในมือ ก่อนขานเรียกว่า “เจ้ายังไม่ได้เอาเมล็ดบัวคืนไปเลย นะ!”
“อันนั้นให้เจ้า” เสียงของเฟิ่งจิ่วดังออกมาจากในห้อง
โม่เฉินชะงักเล็กน้อย มองเมล็ดบัวในมือ ก่อนจะเอ่ยว่า “ขอบใจ แต่ข้าไม่มีของขวัญตอบแทนนะ” ครั้นได้ยินเสียงตอบรับจากในห้อง เขายิ้มแล้วลุกขึ้น ถือเมล็ดบัวเดินกลับห้องตนเอง
ประตูห้องปิดลง เขามองเมล็ดบัวในมือ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ สุดท้าย เขาก็เอาถุงผ้าต่วนประณีตใบหนึ่งออกมา ใส่เมล็ดบัวเข้าไป จากนั้นก็ผูกติดเอวเอาไว้
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ในจวนเฟิ่งรออยู่โดยไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วกลับมา เขาเดินออกมา เอามือไขว้หลังเดินไปทางประตูใหญ่ ทว่า ขณะเดินผ่านภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ก็เห็นอวิ๋นเสวี่ยซินนั่งกินมื้อเช้าอยู่ในศาลา
“ศิษย์พี่? เหตุใดวันนี้จึงตื่นเช้านัก?” อวิ๋นเสวี่ยซินเห็นเขาก็แสร้งทำเหมือนแปลกใจ
“ตั้งใจว่าจะออกไปเดินเล่นหน่อย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก ก่อนสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก
“ศิษย์พี่ รอเดี๋ยวเจ้าค่ะ” อวิ๋นเสวี่ยซินตะโกนเรียก หยิบผลไม้บนโต๊ะแล้วเดินไปยื่นให้เขา “เช้าขนาดนี้ศิษย์พี่คงยังไม่ได้กินอะไรกระมัง? ข้ามีแค่ข้าวต้มชามเดียว คงไม่ให้ศิษย ย์พี่แล้ว ศิษย์พี่กินผลไม้นี่ก็แล้วกัน!”
ทว่า สายตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับมองไปข้างหน้า เงาร่างสีแดงที่ปรากฏในครรลองสายตา…