เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2775 ทนดูไม่ได้ / ตอนที่ 2776 ยังอีกยาวไกล
ตอนที่ 2775 ทนดูไม่ได้
เหลิ่งซวงตามหลังทั้งสอง นางเดินและพูดคุยไปกับพวกเขาสองคน ในดวงตาสีรอยยิ้มพาดผ่าน ที่จริงลึกๆ ข้างในนางก็หวังว่านายท่านกับเจ้าตำหนักรีบแต่งงานและมีลูกเร็วๆ ถึงตอนนั้น นางก็ช่วยพวกเขาเลี้ยงลูกได้
เพียงแต่ ดูท่าทางนายท่านแล้ว ไม่รู้ทั้งสองจะได้แต่งงานกันเมื่อใด เมื่อใดจะมีนายท่านน้อยให้นางได้เลี้ยงอีกสังสองคนนะ?
ทั้งสองเดินออกมานอกประตูจวน รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วอุ้มเด็กขึ้นไปในรถม้า เหลิ่งซวงกับคนขับรถม้านั่งอยู่ข้างนอก
“นายท่าน จะไปไหนหรือ?” คนขับรถม้าถาม
“ไปหอร้อยรสก็แล้วกัน!” เฟิ่งจิ่วตอบ เธอนั่งหยอกล้อกับเด็กอยู่ในรถ พลางบอกว่า “เพื่อไม่ให้คนพวกนั้นรู้ว่าข้ากลับมา ข้าตั้งใจเรียนวิชาหุ่นเชิด แบ่งหุ่นเชิดไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขา แต่ดูท่าทางข้าคงลำบากเสียเปล่าแล้ว”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่เป็นไร แม้จะมีอันตราย ข้าก็จะปกป้องเจ้าเอง”
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะยื่นเด็กในอ้อมแขนให้เขา “ท่านบอกว่าช่วงนี้ท่านเลี้ยงลูกอยู่ อย่างนั้นท่านก็อุ้มเถอะ!”
ใครจะรู้ โม่เจ๋อยื่นมือออกมารับเด็กไป เด็กก็อ้าปากร้องไห้เสียงดัง มือคู่น้อยๆ กำหมัดส่ายไปส่ายมาตรงหน้า เสียงร้องไห้ก้องและชัดเจนมาก ไม่ว่าโม่เจ๋อจะกล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมหยุดร้อง ทำเอาเขารู้สึกอิหลักอิเหลื่อ
“หิวแล้วหรือเปล่านะ?” โม่เจ๋อหันไปถามเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ เป็นเชิงบอกว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
เหลิ่งซวงได้ยินเสียงก็ชะโงกหน้าเข้ามา “เจ้าตำหนัก นายท่านน้อยน่าจะฉี่แล้ว”
นางไม่พูดยังไม่ดี ครั้นพูดออกมา เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็รู้สึกอุ่นร้อนที่ฝ่ามือขึ้นมา เขารีบยื่นเด็กออกไปห่างจากตัว เลี่ยงไม่ให้ฉี่ของเขาเปียกตัว พลางตะโกนว่า “เหลิ่งซวง เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ แต่กลับได้ยินเสียงเฟิ่งจิ่วพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องแล้ว เอากางเกงของห้าวเอ๋อณืมาให้ก็พอ ข้าจะเปลี่ยนให้เขาเอง!” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะอุ้มเด็กมาจากมือของโม่เจ๋อ วางเด็กลงบนหน้าตักตนเอง จากนั้นก็แกะผ้าที่ห่อตัวของเขาไว้ และถอดกางเกงออก
เธอเป็นคนสั่งให้เหลิ่งซวงตัดกางเกงตามขนาดตัวของเด็ก ใส่และถอดได้ง่าย หลังจากถอดกางเกงและผ้าอ้อมที่เปียกฉี่ของเด็กออกแล้ว เฟิ่งจิ่วหยิบกางเกงตัวเล็กที่เหลิ่งซวงยื่นให้มาเตรียมจะใส่ให้เขา แต่ทว่า ครั้นเห็นต้นขาด้านในของเด็กน้อยบวมแดงเพราะอ้วนเกินไป ก็อดแปลกใจไม่ได้
“ทำไมจึงแดงเล่า? ห่อตัวเยอะเกินไปจนทำให้อับชื้นหรือเปล่า?” เธอพึมพำ สำรวจจุดที่บวมแดงตรงต้นขาของเด็กน้อย ทว่ากลับไม่สังเกตเลยว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังถลึงตาจ้องเด็กน้อยที่กำหลังกระพริบตาถี่และกัดกำปั้นของตัวเองอยู่
ยิ่งเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วยื่นมือไปลูบต้นขาที่บวมแดงของเด็กน้อย ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ข้าทำเอง! เจ้าจะใส่ยาให้เขาใช่หรือไม่? ข้าเอง”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ “ข้าทำเอง ท่านอุ้มเดี๋ยวก็ร้องไห้อีก อีกอย่างก็แค่ทายานิดเดียว อีกเดี๋ยวข้ายังต้องใส่กางเกงให้เขาอีกนะ!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋ออ้าปากค้าง แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร จะให้พูดว่าข้าทนดูเจ้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ ทนดูกาน้ำชาน้อยๆ ของเจ้าเด็กนี่แกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าเจ้าไม่ได้กระมัง?
เฟิ่งจิ่วไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากที่ทายาเสร็จ ก็ใส่กางเกงให้เด็กน้อย ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาหอมหนึ่งฟอด “เสี่ยวห้าวเอ๋อร์ แม่จะทำกางเกงในให้เจ้าตัวหนึ่งก็แล้วกัน!”
………………………………….
ตอนที่ 2776 ยังอีกยาวไกล
เธอยิ้มตาหยีมองเด็กน้อยที่ยิ้มอย่างชอบใจอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าน่ารักขนาดนี้ ซ้ำยังอ้วนจ้ำม่ำ หากใส่กางเกงในจะต้องน่ารักมากแน่”
“อืม ตัดสินใจแล้ว กลับไปข้าจะลองหาดูว่ามีผ้าดีๆ อยู่หรือไม่ ให้เหลิ่งซวงทำให้เจ้าสักสองผืน”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองดูเธออุ้มเด็กและพูดเองเออเองอยู่ตรงนั้น อดมุมปากกระตุกไม่ได้ “เขายังเด็กขนาดนั้น เจ้าพูดไปเขาก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี”
เฟิ่งจิ่วมองเขา ก่อนค้านว่า “ไม่รู้เรื่องอะไรกัน? ท่านดุเขาหนึ่งที เขาก็จะร้องไห้ทันที เชื่อหรือไม่?”
“นี่ก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือ?” อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่ยังทนรับการตะคอกจากเขาไม่ได้
ผ่านไปไม่นาน รถม้าก็จอด คนขับบอกว่า “นายท่าน เจ้าตำหนัก ถึงหอร้อยรสแล้วขอรับ”
“อืม” โม่เจ๋อรับคำ เขาลงจากรถก่อน ยืนเปิดผ้าม่านรถม้าให้เฟิ่งจิ่วอยู่ด้านหนึ่ง พลางถามว่า “ให้ข้าอุ้มลูกไว้หรือไม่?”
“ไม่เป็นไร ข้าอุ้มเอง” เฟิ่งจิ่วตอบ เธอเดินลงจากรถม้า และเข้าไปในหอพร้อมกับเขา
รถม้าถูกขับไปจอดไว้ด้านหนึ่ง เหลิ่งซวงตามพวกเขาขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอร้อยรส
นึกถึงว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ข้างนอกคงไม่ได้ค่อยได้กินของดีๆ ด้วยเหตุนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงสั่งอาหารที่เธอชอบกินมาเต็มโต๊ะ “กินเยอะๆ หน่อย”
เฟิ่งจิ่วยื่นเด็กให้เหลิ่งซวง ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา บอกว่า “พอแล้ว ไม่ต้องคีบให้ข้าแล้ว”
พวกเขาสองคนคนหนึ่งกิน คนหนึ่งคีบให้ ส่วนมากเป็นเฟิ่งจิ่วที่กิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อเป็นฝ่ายคีบ พอเห็นเฟิ่งจิ่วกินอิ่มพอประมาณแล้ว เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงถามว่า “เมื่อคืนเจ้าไปหาโม่เฉินมาหรือ?”
“อืม ข้าเอาเมล็ดบัวไปถามเขามา เขาบอกว่าเมล็ดบัวไม่ใช่บัวทองโบราณ แต่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัวทองโบราณ บอกว่าเป็นของที่ดีมากเหมือนกัน”
เฟิ่งจิ่วกินไปพูดไป “ข้ายังให้เขาไปหนึ่งเม็ดด้วย”
“ยังค้างที่นั่นคืนหนึ่งด้วย?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เหม็นกลิ่นน้ำส้มหึ่ง
“ใช่น่ะสิ! ใครใช้ให้ท่านทำข้าโกรธล่ะ” เฟิ่งจิ่วมองเขาด้วยหางตา ก่อนวางตะเกียบลงแล้วดื่มสุรา “ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลับมาเช้าขนาดนี้ ใครจะรู้เขาเอาแต่ไล่ข้า นอนในห้องรับแขกในเรือนของเขาหนึ่งคืน ไม่รู้ทำไม พลิกตัวไปมานอนไม่หลับทั้งคืนเลย”
เขายิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววหยอกเย้า “คืนนี้ข้านอนกับเจ้า แขนของเจ้าให้เจ้าใช้หนุนแทนหมอน เจ้าจะต้องนอนหลับสนิทแน่นอน”
เฟิ่งจิ่วกลั้นยิ้ม ก่อนถอนหายใจบอกว่า “เฮ้อ ที่ผ่านมาอยู่คนข้างนอกคนเดียว เคยชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว จู่ๆ รู้สึกว่าหากบนเตียงมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน คงจะนอนไม่ค่อยหลับ”
เธอมองเขา ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อีกอย่าง พวกเราก็ยังไม่ได้แต่งงาน การนอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับท่านส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของข้าจริงๆ ข้าคิดว่าพวกเราแยกกันอยู่จะดีกว่า อย่างไรเสียจวนหลิงของท่านก็อยู่ติดกับจวนเฟิ่งของข้าอยู่แล้ว”
“ไม่ดี” เซวียนหยวนโม่เจ๋อทำหน้าบึ้ง บอกว่า “พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว เหลือก็แค่ไหว้ฟ้าดินและร่วมหอกันเท่านั้น”
“ก็ใช่อย่างไรเล่า! ข้าคิดว่าถึงเราจะหมั้นหมายกันแล้ว แต่ไม่รู้จะจัดงานแต่งเมื่อไรนี่นา!” เธอแย้ง มองเขาและถามว่า “ท่านคิดว่า พวกเราจะแต่งงานกันเมื่อไร?”
“ขอแค่เจ้าอยาก เมื่อไรล้วนได้ทั้งนั้น” ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายรอเธอมาตลอดแท้ๆ แต่ใครจะรู้เรื่องแต่งงานนี้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก
เวลานี้ เขาเองก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน หรืองานแต่งของพวกเขาสองคนจะยังอีกยาวไกลจริงๆ?
………………………………….