เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2791 ความจริง / ตอนที่ 2792 คนในยามราตรี
ตอนที่ 2791 ความจริง
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หุบลง เธอมองอวิ๋นเสวี่ยซินที่นอนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าซีดขาวอ่อนแรง และกำลังฝืนต้านฤทธิ์ยาในตัวสุดชีวิต ก่อนจะถามต่อว่า “อย่างนั้น ที่เจ้าถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บ เป็นอุบัติเหตุ? หรือเจ้าวางแผนไว้?”
พอเธอถามประโยคนี้ออกไป เห็นเพียงอวิ๋นเสวี่ยซินกัดริมฝีปากจนแตก เลือดไหลออกมา เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก “แม่นางอวิ๋นอย่าฝืนต่อต้านปฏิกิริยาที่จริงที่สุดในใจตอนนี้เลย มาเถอะ บอกข้า ที่เจ้าถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ เป็นอุบัติเหตุ? หรือว่าเจ้าวางแผนไว้?”
“ปะ เป็นข้าวางแผนไว้…เฟิ่งจิ่ว! เจ้าทำอะไรข้ากันแน่!”
เสียงของนางสั่นเทา กลีบปากแตก เลือดย้อมริมฝีปากนางจนแดง ทำให้ดวงหน้าที่ซีดขาวเหมือนกระดาษของนางถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสะดุดตา
ครั้นตวาดออกไป ไม่นานนางก็กลับไปดูอ่อนแรงอีกครั้ง นางพยายามควบคุมคำพูดที่จะออกจากปาก ทำให้เผาผลาญพลังงานในร่างกายไปมาก เรี่ยวแรงในร่างกายราวกับถูกสูบออกไปจนหมด
“จิ๊ๆ!”
เฟิ่งจิ่วจ้องนาง ทำเสียงจิ๊ปาก “นึกไม่ถึงจริงๆ! เจ้าโหดเหี้ยมกับตนเองขนาดนี้เชียวหรือ? ตอนแรกที่โม่เจ๋อบอกความสงสัยของเขาให้ข้าฟัง ข้ายังไม่เชื่อเลย! นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง? นึกไม่ถึงเลย”
คำพูดของเธอทำให้อวิ๋นเสวี่ยซินตกตะลึงและเสียใจ นางมองเฟิ่งจิ่ว กัดริมฝีปากทำท่าจะถามหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถามไม่ออก
ศิษย์พี่สงสัยนางหรือ? นางทำได้แยบยลไร้ที่ติขนาดนี้ ศิษย์พี่กลับสงสัยนางอย่างนั้นหรือ? ทำไมกัน? ทำไมถึงสงสัยนาง? หากไม่ใช่เฟิ่งจิ่วใช้ลูกไม้สกปรกกับนาง ไม่มีทางที่จะมีคนรู้เรื่องที่นางทำแน่นอน แต่ศิษย์พี่เขา เหตุใดจึงสงสัยนาง?
“เจ้าเองก็นับว่าไม่ใช่คนโง่ เหตุใดจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้? เจ้าคิดวาหากเจ้าได้รับบาดเจ็บ จะทำให้โม่เจ๋อสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มหยัน เธอลุกขึ้นกอดอกมองอวิ๋นเสวี่ยซินที่นอนขยับตัวไม่ได้อยู่บนเตียง ก่อนเอ่ยว่า “ข้าไม่ค่อยชอบคนที่ชอบใช้อุบายนักหรอกนะ แม้เจ้าจะบาดเจ็บ แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่เจ้าทำขึ้นเอง อย่างนั้นก็โทษข้าไม่ได้”
“ยานั่นของเจ้ามีปัญหา!” นางกัดปาก เอ่ยอย่างเจ็บใจ
“เหลวไหล ไม่มีปัญหาแล้วจะให้เจ้ากินหรือ? เจ้าคิดว่ายาของข้าใครก็กินได้รึ?” เธอแค่นเสียง ชำเลืองมองนางด้วยหางตาจากจุดที่สูงกว่า
อวิ๋นเสวี่ยซินโกรธอย่างมาก เฟิ่งจิ่ว! ไม่นึกเลยว่าจะทำอย่างนี้กับนาง!
“ทำไม? ไม่ยินยอมหรือ?” เฟิ่งจิ่วยิ้มเยาะ “ไม่ยอมก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเล่นสกปรกหรือเล่นแบบใสสะอาด เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้”
เฟิ่งจิ่วละสายตาออกไป หันไปพูดกับเหลิ่งซวงว่า “เจ้าอยู่เฝ้านางต่อ ข้าจะให้เหลิ่งหวาไปจัดการเรื่องส่งตัวผู้หญิงคนนี้ออกจากจวน” หากเป็นอุบัติเหตุก็เรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อนางวางแผนไว้เอง เช่นนั้นก็อย่าโทษเธอที่จะให้บทเรียนนางบ้าง
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ ขณะกำลังจะเดินไปส่งเฟิ่งจิ่ว ก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นเสวี่ยซินดังมาจากข้างหลัง
“เจ้าคิดว่าหากเจ้าบอกศิษย์พี่แล้วเขาจะเชื่อหรือ?”
เฟิ่งจิ่วที่กำลังจะไปหยุดเดิน เธอไม่ได้เดินกลับไป แต่ยืนมองนางจากตรงนั้น รอให้นางพูดต่อ
“ผู้ชายล้วนมากรักทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างข้า เจ้าคิดว่าศิษย์พี่จะปล่อยให้เจ้าไล่ข้าออกไปหรือ? เจ้าคิดว่าคำพูดเหล่านั้นเมื่อครู่ ศิษย์พี่จะเชื่ออย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นเสวี่ยซินจ้องเธอ พยายามยุแยงพวกเขาให้แตกกัน
“ข้าจะบอกเจ้า ข้าเคยช่วยชีวิตศิษย์พี่ครั้งหนึ่ง สำหรับเขา ข้าต่างจากคนอื่น!”
………………………………….
ตอนที่ 2792 คนในยามราตรี
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองนางพร้อมกับยิ้มหยัน “เจ้านี่ก็ช่างหลงตัวเองจริงๆ เพียงแต่ เจ้าไม่รู้จักผู้ชายของข้า และไม่รู้จักข้าเลย” เอ่ยจบ เธอก็คร้านจะสนใจนางอีก เพียงเดินออกไป พลางหันไปกำชับเหลิ่งหวาว่า “หาเรือนที่พักให้นาง แล้วส่งนางออกจากจวนเสีย”
“ขอรับ”
อวิ๋นเสวี่ยวินได้ยินเสียงข้างนอก นางขบกรามอย่างโกรธเกรี้ยว นางทะนงตัวเกินไป หากนางรู้ว่าเฟิ่งจิ่วมียาที่โรคจิตอย่างนั้นอยู่ในมือ นางไม่มีทางยอมเสียข้าวสารหนึ่งกำมือแล้วยังขโมยไก่ไม่สำเร็จ[1]อย่างนี้แน่นอน!
เหลิ่งหวาทำงานมีประสิทธิภาพสูง ยังไม่ทันถึงเที่ยงวันก็หาเรือนที่พักได้แล้ว หลังได้รับการอนุญาตจากเฟิ่งจิ่ว ก็ส่งตัวอวิ๋นเสวี่ยซินออกจากจวนเฟิ่ง ย้ายไปอยู่ที่เรือนข้างนอก
เฟิ่งจิ่วเพียงกำชับให้บ่าวรับใช้ไปดูแลบ้าง จากนั้นก็ไม่ได้สนใจนางอีก กระทั่งยามพลบค่ำ ตอนที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับมา เฟิ่งจิ่วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
“ฉะนั้นข้าจึงใช้ยาสัจจะทำให้นางสารภาพออกมาจนหมด” เฟิ่งจิ่วยักไหล่ “นึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องของท่านจะโหดเหี้ยมกับตนเองขนาดนี้ หากเป็นข้า ข้าทำตัวเองไม่ลงหรอกนะ”
ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อสีหน้าไม่ดีนัก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “หลังจากนางพักฟื้นจนหายดีแล้ว ข้าจะบอกนางให้นางกลับไปเสีย”
“เอาล่ะ ไม่พูดถึงนางแล้ว อาการบาดเจ็บของนางพักฟื้นสักสิบวันถึงครึ่งเดือนก็น่าจะหายดีแล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ก่อนถามเขาว่า “พวกเราจะกลับไปเมื่อไรกันดี? ไปหาท่านพ่อของท่านก่อน? หรือว่าไปหาพวกท่านปู่ของข้าก่อน?”
เธอถาม ก่อนจะครุ่นคิดแล้วเอ่ยอีกอว่า “พวกท่านพี่ของข้ากลับไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไร? หากพวกเราจะไป คงต้องบอกเขาก่อนสักหน่อย”
“อืม เจ้าก็สะสางเรื่องทางนี้แล้วเตรียมตัวไว้ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จให้เร็วที่สุดก็ออกเดินทางได้เลย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า
ทั้งสองพูดคุยกัน ปรึกษาเรื่องต่างๆ กัน คืนวันนั้น ในเรือนเล็กๆ ที่อวิ๋นเสวี่ยซินอยู่ เงาร่างหนึ่งหลบสายตาองครักษ์สองคนที่เฟิ่งจิ่วส่งมา เข้ามาในห้อง
“ถูกจับได้แล้วหรือ?” เงาร่างหนึ่งเดินมาในห้องนาง ถามอวิ๋นเสวี่ยซินที่นอนอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาสวมผ้าคลุมสีดำ ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า ทำให้มองรูปร่างและโฉมหน้าที่แท้จริงไม่ออก
ได้ยินเสียงนั้น อวิ๋นเสวี่ยซินที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้น เอียงหัวไปมองผู้มา คิ้วงามขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ข้ามาบอกเจ้าว่าอย่าลืมเรื่องสำคัญ แต่ดูจากสภาพเจ้าตอนนี้ ดูท่าทางแม้แต่จะเข้าใกล้เฟิ่งจิ่วก็คงทำไม่ได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาโอกาสลงมือได้เลย”
เสียงของชายชุดดำเย็นชาขึ้น จ้องนางด้วยนัยน์ตายะเยือก “ข้าเคยเตือนเจ้าแต่แรกแล้ว อย่าเสียสมาธิไปกับเรื่องอื่น หากเรื่องนี้ทำไม่สำเร็จ กลับไปต้องถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ”
“ข้าไม่นึกว่านางจะกลับมากะทันหันอย่างนี้ การปรากฏตัวของนางทำให้แผนของข้าวุ่นวายไปหมด” อวิ๋นเสวี่ยซินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แผน? เหอะ!” ชายคนนั้นหัวเราะหยัน “นายท่านไม่ได้สั่งให้เจ้ามายั่วยวนเซวียนหยวนโม่เจ๋อนะ”
ได้ยินคำว่ายั่วยวน อวิ๋นเสวี่ยซินจากหน้าซีดกลายเป็นหน้าแดง จากนั้นก็กลับไปซีดขาวอีกครั้ง นางที่เป็นถึงบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ ฐานะสูงส่ง จะใช้คำว่ายั่วยวนกับนางได้อย่างไรกัน?
“ข้าไม่ได้ยั่วยวนศิษย์พี่” นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เรื่องที่เจ้าทำพวกนั้น ต่างจากการยั่วยวนตรงไหน? เจ้าคิดว่าเปลือยกายนอนบนเตียงจึงจะเรียกว่ายั่วยวนหรืออย่างไร?” ครั้นชายชุดดำพูดจบ ก็ได้ยินเสียงนางแผดเสียงกรีดร้อง
………………………………….
[1] เป็นสำนวนหมายถึง ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก