เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2805 มัจจุราช / ตอนที่ 2806 ดอกแสงคราม
ตอนที่ 2805 มัจจุราช
ทว่าทันทีที่เสียงของเขาเปล่งออกไป กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงร่างกายล้มกระแทกพื้น
เขาหันขวับกลับไป ก็เห็นผู้ฝึกตนชุดดำคนหนึ่งถือดาบสั้นเปื้อนเลือดไว้ในมือ กำลังปลิดชีพของผู้ฝึกตนชุดดำสิบกว่าคนที่ตามเขามา
เหล่าผู้ฝึกตนที่มีวรยุทธ์ไม่ธรรมดากลับไร้ซึ่งกำลังต่อต้าน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้คมดาบอันแหลมคมปาดไปที่ลำคอของพวกเขา…
กลิ่นคาวเลือดกระจายออกไป เมื่อได้สติ เขารีบมองไปที่เงาร่างสวมหน้ากากนั้น ก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยความตกตะลึง “เฟิ่งจิ่ว! เจ้าคือเฟิ่งจิ่ว!”
คนพวกนั้นไร้กำลังต้านทาน เพราะมีแรงกดดันอันแข็งแกร่งตรึงร่างพวกเขาไว้กับที่ นี่เป็นแรงกดดันจากผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดอย่างแน่นอน! ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเหนือกว่าพว วกเขาจึงจะสามารถทำได้ นอกจากนายท่านของพวกเขา คนเดียวที่ทำได้ ก็คือเฟิ่งจิ่ว!
พูดจบเขาก็คิดจะหนี แต่ทว่าเขาเพิ่งจะหมุนตัวกลับไป พลังกระบี่อันคมปลาบสายหนึ่งพลันพุ่งออกไป เงาร่างของคนคนนั้นชะงักค้าง ก่อนจะล้มคว่ำหน้าลงไปบนพื้น
เฟิ่งจิ่วสาวเท้าไปข้างหน้า มองดูชายหนุ่มชุดดำที่คลานอยู่บนพื้น เอ่ยว่า “น่าเสียดาย เจ้ารู้ช้าไป” เอ่ยจบ อสูรกลืนเมฆากระโจนเข้าไปกัดคอของเขาจนขาด เสียงร้องของเขาติดอยู่ท ที่ลำคอก่อนจะสิ้นใจตาย
“นายท่าน พวกเราบุกสังหารเข้าไปกันเถอะ!” เหล่าไป๋มายืนข้างกายนาง
“ไม่ต้องรีบ รออีกเดี๋ยว” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ก่อนจะเดินไปเก็บแหวนห้วงมิติและถุงฟ้าดินบนศพของผู้ฝึกตนพวกนั้น “เวลาครึ่งก้านธูป ผ่านไปอีกครึ่งก้านธูป พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องลงมือจ จัดการคนพวกนั้นด้วยตนเองแล้ว”
นางกับสัตว์ร้ายสองตัวรออยู่ที่นี่เป็นเวลาครึ่งก้านธูป กระทั่งเวลาครึ่งก้านธูปผ่านไป นางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ พาสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตสองตัวเดินกลับไป
ยามภาพผู้ฝึกตนเหล่านั้นที่กำลังนอนโอดครวญอยู่บนพื้นปรากฏสู่ครรลองสายตา นางพลันหยักยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ในเมื่อผู้ถือครองบัวดำกล้าจับนางมาที่นี่ เช่นนั้นก็สมควรได้ลิ้ม มลองความเจ็บปวดนี้
คนที่อยู่ต่อหน้านางเหล่านี้ กลิ่นอายพลังวิญญาณในตัวหายไปจนสิ้น ในร่างกายราวกับมีมดและหนอนนับหมื่นนับพันตัวกำลังชอนไช เจ็บจนยากจะหายใจ ได้แต่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
พอพวกเขาเห็นเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงสาวเท้าเดินเข้ามาช้าๆ ข้างหลังยังมีสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตสองตัวเดินตามมา ประกายตื่นตะลึงปรากฏในดวงตา
“ฟะ เฟิ่งจิ่ว ทำ..ทำไมนางยังอยู่ที่นี่!”
พวกเขาตามหาอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นึกว่านางหนีไปแล้ว แต่ใครจะรู้ นางกลับยังอยู่ที่นี่ นึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับพวกเขา กอปรกับเห็นเฟิ่งจิ่วสาวเท้าเดินเข้ามาช้าๆ พวกเขามีหรือ อจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
เฟิ่งจิ่วหยุดเดิน กวาดสายตามองผ่านคนเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็หันกลับไปกำชับสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตสองตัวที่อยู่ข้างหลัง “ฆ่าไม่เว้น!”
สิ้นเสียงคำสั่งของนาง สัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตสองตัวคำรามก่อนจะกระโจนเข้าไป ขณะเดียวกัน กระบี่ยาวพลันปรากฏขึ้นในมือเฟิ่งจิ่ว ราวกับมัจจุราชจากขุมนรกที่กำลังจะเริ่มการพิพากษา าชีวิต…
เลือดสีแดงสาดกระจาย ชิ้นส่วนแขนขากระเด็นกระดอน เสียงกรีดร้องดังไม่ขาดสาย เหตุการณ์นองเลือดนั่นทำให้เหล่าผู้ฝึกตนอดตัวสั่นไม่ได้ พวกเขาไม่กลัวตาย แต่ครั้นเห็นความตายคืบคลานเ เข้ามาทีละก้าวๆ เห็นเงาร่างสีแดงที่ราวกับมัจจุราชจากขุมนรกย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งดวง
อยากหนี แต่หนีไม่ได้ แม้แต่จะถอดดวงวิญญาณดั้งเดิมเพื่อหนีก็ยังไม่อาจทำได้ เพราะพวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย กลิ่นอายพลังวิญญาณในตัวยิ่งหายไปจนหมดสิ้นแล้ว…
………………………………….
ตอนที่ 2806 ดอกแสงคราม
เปลวไฟกองหนึ่งส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ศพบนพื้นถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับเลือดที่กระจายไปทั่ว เปลวไฟลุกโชติช่วง ควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ กลิ่นเหม็นตลบอบอวล
ไฟกองนี้ลุกไหม้ติดต่อกันนานถึงสามวันสามคืน มันแผดเผาต้นไม้และค่ายกลที่อยู่บริเวณนั้นไปด้วย เมื่อแผดเผาจนไม่มีอะไรเหลือ ก็ค่อยๆ มอดดับไป…
คืนนั้น ผู้ถือครองบัวดำเมื่อได้รับข่าวก็รีบรุดมาทันที กว่าเขาจะมาถึงก็ผ่านไปสามวันแล้ว ทันทีที่มาถึงและเห็นทุกสิ่งมอดไหม้ไปจนไม่เหลือสิ่งใดแล้ว เขาได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ไอ อสังหารรุนแรงพวยพุ่งอยู่รอบกาย เขาแหงนหน้าตะโกนใส่ท้องฟ้า “เฟิ่งจิ่ว! แม้เจ้าจะหนีไปสุดล่าฟ้าเขียว ข้าก็จะลากเจ้าออกมาสับร่างให้ละเอียดเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
เสียงนั้นดังก้องไปทั่ว พื้นดินสั่นสะเทือน แม้แต่พื้นที่ที่อยู่ไกลออกไป ก็ยังมีคนได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะและไอสังหารที่ดังก้องทั่วฟ้านั่น…
ทว่าเมื่อเทียบกับความโกรธเกรี้ยวของผู้ถือครองบัวดำ เฟิ่งจิ่วในตอนนี้กลับกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจบนต้นไม้ริมทางต้นหนึ่ง
นางออกจากที่นั่นมาสามวันแล้ว เวลาสามวันนี้ นางมั่นใจว่าแม้นางจะสวมชุดสีแดงสะดุดตาเดินเตร่ไปทั่ว คนของผู้ถือครองบัวดำก็ไม่มีทางหาร่องรอยของนางเจอ
เดิมทีตั้งใจจะใช้แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงออกไปจากพื้นที่นอกมหาสมุทรแห่งนี้ แต่คิดดูอีกทีอุตส่าห์มาถึงที่นี่ทั้งที กลับไปคราวนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้ว จึงคิดจะฉวยโอกาสนี้ สำรวจที่นี่ดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน
อย่างไรเสียหากนางใช้แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงกลับไปหาพ่อแม่ของนางตอนนี้ เดาว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็คงยังเดินทางกลับไปไม่ถึง
นางกระโดดลงมาจากต้นไม้ ก่อนขานเรียก “เหล่าไป๋”
ประกายวาบวับพาดผ่าน เหล่าไป๋พุ่งออกมาจากห้วงมิติ ปรากฏตัวต่อหน้านางในรูปร่างของม้าสีขาว ก่อนจะสะบัดหางและเอ่ยอย่างประจบว่า “นายท่าน”
เฟิ่งจิ่วกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน ก่อนจะตบหัวมันเบาๆ พร้อมเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ!”
“ได้เลย” เหล่าไป๋รับคำ ก่อนสาวเท้าพานางออกเดินทางไปข้างหน้า มันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง วิ่งราวกับโผบิน รวดเร็วจนเห็นเพียงฝุ่นตลบไปตามถนน ไม่เห็นแม้แต่เงา
ยามหัวค่ำ หนึ่งคนหนึ่งม้ามาถึงพื้นที่ชายหาด เมื่อมองดูน้ำประกายสีครามระยิบระยับบนผิวน้ำทะเล เหล่าไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า และอุทานว่า “นายท่าน ท่านดูนั่น เจ้าของสีฟ้า านั่นคือสิ่งใดหรือ”
เฟิ่งจิ่วกระโดดลงมายืนดูอยู่ริมหาด เหล่าไป๋วิ่งเข้าไปเหยียบฟองคลื่นเล่น พอมันย่ำเท้าลงไปในน้ำ วัตถุที่เปล่งแสงสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือก็หดตัว ก่อนจะมุดลงไปในน้ำลึก
“นายท่าน ของพวกนี้กินได้หรือไม่” เหล่าไป๋ถาม มันย่ำเท้าลงไปด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเหยียบเอาวัตถุที่เปล่งแสงสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือไว้ใต้เท้าหนึ่งตัว จากนั้นก็ใช้เท้าเตะสิ่งนั้น นขึ้นไปบนฝั่ง
เฟิ่งจิ่วตอบว่า “ของสิ่งนี้กินไม่ได้ มันมีพิษ”
“หา? มีพิษ?” เหล่าไป๋ที่อยู่ในน้ำก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ
เฟิ่งจิ่วมองมัน ก่อนอธิบายว่า “นี่เป็นสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล เพราะตอนมันเบ่งบานมีลักษณะคล้ายดอกไม้ ทั้งยังเปล่งแสงสีฟ้าอีก จึงถูกเรียกว่าดอกแสงคราม ในตัวของมันจะมีถุงน้ำดี อยู่ถุงหนึ่ง แสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาก็มาจากตรงนั้น หากใช้มันมาทำเป็นยา ก็จะสามารถกลั่นยาที่ทำให้คนเคลื่อนไหวช้าลงได้”
ขณะอธิบาย ดวงตาของนางมีประกายพาดผ่าน ก่อนจะยิ้มกว้าง “นี่นับว่าเป็นยาชั้นดี ถือโอกาสนี้กลั่นยาไว้ใช้ยามฉุกเฉินเลยดีกว่า”