เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2811 อาหาร / ตอนที่ 2812 เข้าเมือง
ตอนที่ 2811 อาหาร
เหล่าผู้เฒ่ากับเด็กๆ เมื่อดังนั้นเห็นต่างก็ตกตะลึง หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าพริบตาต่อมา พวกเขากลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงอีกครั้ง
เห็นเพียงผู้ฝึกเซียนชุดแดงเหยียบอยู่บนหัวของสัตว์ประหลาดทะเล นางโบกมือ ประกายเยือกเย็นสายหนึ่งพวยพุ่งออกไปฟันสัตว์ประหลาดทะเลที่พุ่งขึ้นมาจนขาดเป็นสองท่อนในพริบตา ได้ยิ นเสียงกรีดร้องโหยหวน ก่อนจะเห็นเลือดย้อมน้ำทะเลจนกลายเป็นสีแดงทั้งแถบ จากนั้นจึงค่อยๆ จางหายไป
“เหล่าไป๋” เฟิ่งจิ่วขานเรียก
“มาแล้ว!” เหล่าไป๋รับคำ เงาร่างพวยพุ่งไปข้างหน้า ประกายแสงวาบผ่าน จากม้ากลายเป็นมังกรขาวบินถลาออกไป ก่อนจะมุดเข้าไปในน้ำ และเหวี่ยงสัตว์ประหลาดทะเลตัวมหึมานั่นขึ้นมาบนฝั่ง
“มัง..มังกร?” ผู้เฒ่าทั้งหลายเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าม้าที่พูดได้ตัวนั้นกลับเป็นมังกรขาว?
“โครม!”
ร่างขนาดมหึมาของสัตว์ประหลาดทะเลถูกเหวี่ยงขึ้นมา ร่วงอยู่ตรงหน้าของพวกเขา พวกเขาตกใจจนผงะถอยหลัง
เฟิ่งจิ่วกลับไปที่ชายฝั่ง มองดูอาหารที่จับขึ้นมา ก่อนเอ่ยว่า “ของพวกนี้มากพอให้กินได้ระยะหนึ่งแล้ว” นางยิ้มๆ ก่อนเอ่ยกับเหล่าผู้เฒ่าว่า “เก็บของพวกนี้กลับไปกันเถอะ!”
“สองชิ้นใหญ่นี้ข้าเอากลับเอง” เหล่าไป๋เสนอตัว ก่อนจะเอาลำตัวรัดส่วนหางของสัตว์ประหลาดทะเลแล้วพุ่งตัวไปทางหมู่บ้าน
ที่จริงแล้วนี่คือสัตว์ประหลาดทะเล นอกจากร่างกายอันมหึมาและฟันแหลมคมสองซี่แล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เพียงแต่มันได้กลายเป็นสัตว์ร้ายไปแล้ว ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านธรรมดาพ พวกนี้จะสามารถต่อกรได้
เหล่าผู้เฒ่าเริ่มได้สติ รีบเก็บอาหารทะเลกลับไป เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด อาหารกองใหญ่ก็ถูกวางไว้ตรงหน้าบ้านของชายชราที่เฟิ่งจิ่วพักอยู่
“วันนี้พวกเรามาทำอะไรกินกันหน่อย ที่เหลือพวกท่านเอาไปแบ่งกันเถอะ! กุ้งปลาพวกนี้สามารถเอาไปตากแห้งหรือรมควัน เก็บเอาไว้กินนานๆ ได้” เฟิ่งจิ่วบอก นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า าสัตว์ประหลาดปลาที่ถูกหั่นเป็นสองท่อน ก่อนจะหั่นมันออกเป็นสิบกว่าชิ้น
“นี่เป็นเนื้อของสัตว์ร้ายใต้ท้องทะเล เนื้อของมันมีพลังวิญญาณ คนทั่วไปกินแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ตรงนี้มีอยู่สิบกว่าชิ้น เอากลับไปกินกันบ้านละชิ้นก็แล้วกัน” เฟิ่งจิ่วบอก ก ก่อนจะให้พวกเขาหยิบเนื้อของสัตว์ประหลาดปลาที่หั่นเป็นชิ้นๆ ไว้แล้วกลับไป
แต่ทว่า ทุกคนกลับยืนนิ่งไม่กล้าเดินเข้ามา “ท่านผู้ฝึกเซียน ทะ..ทั้งหมดนี้ท่านผู้ฝึกเซียนเป็นคนจับมา จะให้พวกข้าได้อย่างไรกัน”
“ข้าก็กินเยอะขนาดนี้ไม่ไหว อีกอย่างของพวกนี้หากจะกินก็มีให้กินตลอด พวกท่านรับไว้เถอะ!” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! พวกท่านหาหม้อใหญ่ๆ มาให้ข้าหนึ่งใบ ข ข้าจะทำมื้อเย็นของวันนี้เอง”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนจึงรีบไปหาหม้อใบใหญ่ ก่อนจะเริ่มช่วยจัดการทำความสะอาดกุ้งปลาเหล่านั้น
เหล่าผู้เฒ่าทั้งหมดพากันยกโต๊ะในบ้านตนเองมาวางต่อกัน บ้างก็ใหญ่บ้างก็เล็ก บ้างก็สูงบ้างก็ต่ำ ดูแล้วประหลาดตานัก ทว่ากลับทำให้ทุกคนตั้งตารอกันอย่างตื่นเต้น
ทุกคนแบ่งหน้าที่กัน ทั้งหุงข้าว เด็ดผักป่า จัดวางถ้วยชาม แม้แต่เด็กๆ เองก็นั่งลงอย่างเรียบร้อย ไม่ได้วิ่งไปทั่วสร้างความวุ่นวาย
พวกเขาใช้ก้อนหินมาวางเป็นขาเตา ก่อนวางหม้อใหญ่ไว้ด้านบน หม้อหนึ่งต้มน้ำแกงปลา หม้อหนึ่งนึ่งปลา หม้อหนึ่งผัดกุ้ง อาหารง่ายๆ เหล่านี้เฟิ่งจิ่วเป็นคนทำเองทั้งหมด เหล่าผู้ เฒ่าคอยยืนเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ โดยตักอาหารใส่ถ้วยแล้วนำไปวางบนโต๊ะ
กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกไป พวกเด็กๆ อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ สีหน้าตะกละตะกลาม อาหารจานสุดท้ายเป็นหมูป่าที่เหล่าไป๋ไปล่ามา หมูป่าที่ย่างเสร็จแล้วมีหนังสีเหลืองทองและหอมกรอบ ทำใ ให้ทุกคนที่ไม่ค่อยได้กินเนื้อต่างมองด้วยดวงตาเป็นประกาย
………………………………….
ตอนที่ 2812 เข้าเมือง
คืนนี้ ทั้งคนแก่และเด็กต่างกินอย่างมีความสุข พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ฝึกเซียนที่สูงส่งอย่างนั้นจะลงมือทำอาหารเลิศรสเช่นนี้ด้วยตนเอง
แต่ละคนกินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญ พวกเขาไม่ได้กินอิ่มอย่างนี้มานานแล้ว โดยเฉพาะหลังจากกินอิ่มแล้วยังสามารถนำอาหารเหล่านั้นกลับบ้านเพื่อกินเป็นมื้อต่อไปได้อีกด้วย
ตอนกินข้าว เฟิ่งจิ่วพูดคุยกับพวกเขา จึงได้รู้ว่าคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านถูกเจ้าเมืองจับไปทำงานใช้แรงงานหมดแล้ว เหลือก็แต่คนแก่อย่างพวกเขาคอยเฝ้าหมู่บ้านแห่งนี้
เมื่อเริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งจิ่วขอกลับไปพักผ่อนก่อน ส่วนเหล่าไป๋นอนหมอบอยู่หน้าบ้าน กระทั่งเช้าตรู่ของวันใหม่มาเยือน
“พวกท่านไม่ต้องมาส่งแล้ว” เฟิ่งจิ่วมองดูเหล่าผู้เฒ่าที่เดินมาส่งไกลมากแล้ว พร้อมเอ่ยว่า “กลับไปเถอะ!”
“ท่านผู้ฝึกเซียน รักษาตัวด้วย” ชายชราเอ่ย ก่อนจะโบกมือให้นาง
เฟิ่งจิ่วยิ้มก่อนจะกระโดดขึ้นหลังเหล่าไป๋ จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่พวกผู้เฒ่าชี้ทางให้…
เที่ยงวัน เฟิ่งจิ่วมาถึงหน้าประตูเมือง นางมองดูคนที่ต่อแถวเข้าเมือง รวมถึงทหารเฝ้าประตูเมืองที่กำลังตรวจคนเข้าเมือง นัยน์ตาของนางไหวระริก ยักคิ้วสูงขึ้นเล็กน้อย
ไม่นึกเลยว่านางจะเห็นภาพที่ทหารเฝ้าประตูเมืองพวกนั้นใช้มือลูบคลำบนตัวหญิงสาวขณะตรวจคนเข้าเมือง อ้างว่าตรวจสอบ แท้จริงแล้วทำเพื่อเอารัดเอาเปรียบ
ผู้หญิงเหล่านั้นทำได้เพียงก้มหน้าก้มตา บางคนหน้าแดงก่ำ รู้สึกโกรธแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก เหล่าคนหนุ่มที่อยู่ข้างหลังก็ทำราวกับเคยชินกับเรื่องอย่างนี้เสียแล้ว เพียงยืนมอง ไม่ได้ เอ่ยอะไร
ทว่าเมื่อถึงคราวผู้ฝึกตนหญิงเข้าเมือง ทหารเฝ้าประตูพวกนั้นกลับไม่กล้าล่วงเกิน ได้แต่ตรวจสอบด้วยสายตาแล้วปล่อยผ่านไป ดูท่าคงจะมีการเลือกปฏิบัติอยู่ด้วย
นางที่สวมชุดสีแดงสะดุดตาทั้งยังขี่ม้าขาว ย่อมดูโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ นางยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ทหารเฝ้าประตูเหล่านั้นก็หันมามองสำรวจนางก่อนแล้ว นางไม่ได้สนใจ จและไม่ได้ลงจากม้า แต่กลับขี่ม้าเข้าประตูเมืองไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง ทหารพวกนั้นย่อมไม่กล้าขวางทาง ไม่กล้าแม้กระทั่งบอกให้นางลงจากม้า
นางขี่ม้าเข้าไปในเมืองอย่างสบายใจ ไม่นานก็มีคนข้างหลังวิ่งไปรายงานที่จวนเจ้าเมือง อย่างไรเสียผู้ฝึกตนหญิงชุดแดงคนนั้นก็งามเกินไปแล้ว รูปโฉมอย่างนั้นเรียกได้ว่างามล่มเมื อง คนงามเช่นนี้จะต้องมาจากที่อื่นแน่ พวกเขาย่อมต้องไปรายงานให้เจ้าเมืองทราบ
“แม่นางคนนี้ เจ้ามาคนเดียวหรือ” ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าเหล่าไป๋ ขวางทางเฟิ่งจิ่วเอาไว้
เฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่บนหลังเหล่าไป๋มองผู้ฝึกตนหล่านั้นจากมุมสูง ถามว่า “ข้ามาคนเดียวแล้วอย่างไร”
“หึๆ หากแม่นางมาคนเดียว สามารถร่วมเดินทางไปกับพวกเราได้ พวกเราล้วนเป็นผู้ฝึกตนไร้สำนัก หากอยู่กับพวกเรา แม่นางจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย” ชายคนหนึ่งเอ่ย ดวงตาห หรี่เล็กจ้องสำรวจเรือนร่างของเฟิ่งจิ่ว แววตานั้นมีประกายความตะลึงลานในความงามพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบไม่สังเกตเห็น
“ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวสะดวกกว่า” เฟิ่งจิ่วตอบ ก่อนจะสั่งให้เหล่าไป๋เดินหน้าต่อ
เมื่อเห็นเช่นนั้น หนึ่งในผู้ฝึกตนก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “แม่นางรู้หรือไม่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผีบ้าผู้หญิง ด้วยรูปโฉมและเรือนร่างของแม่นาง หากไม่มีคนร่ว วมเดินทางด้วย เกรงว่าเข้าเมืองได้ แต่หากจะออกไปคงไม่ง่าย”
เฟิ่งจิ่วละสายตาออกมาอย่างเรียบเฉย ไม่สนใจพวกเขา เพียงสั่งให้เหล่าไป๋เดินหน้าต่อไป เดินผ่านคนเหล่านั้นไปโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย