เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2869 มีหนาม / ตอนที่ 2870 ยังอยู่
“พวกท่านยังมีธุระใดอีกหรือ” เฟิ่งจิ่วหันไปมองผู้อาวุโสเซียนพวกนั้นแวบหนึ่ง
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็ชะงักไปก่อนรีบตอบว่า “ไม่มีแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอลา” ไม่รู้ว่าอยู่ต่อแล้วจะพูดอะไร ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงคารวะแล้วหมุนตัวเดินจากไป
หลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วก็สั่งให้จัดการศพบนพื้น ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายไปพักผ่อนในจุดที่สะอาดกว่า
ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน เซวียนหยวนโม่เจ๋อสั่งให้ฮุยหลางและอิ่งอีล่วงหน้าไปสำรวจที่บันไดสู่แดนเซียนก่อน เฟิ่งจิ่วห่วงว่าพวกเขาจะเจอเข้ากับผู้แข็งแกร่งจึงสั่งให้หงส์ไฟตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ สองคนหนึ่งสัตว์ร้ายก็ถือโอกาสใช้เวลาตอนกลางคืนล่วงหน้าไปก่อน
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องไห้ของห้าวเอ๋อร์ นางก้มมองเด็กน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขน ยื่นมือไปลูบก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น จึงขานเรียก “เหลิ่งซวง เป ปลี่ยนเสื้อผ้าให้ห้าวเอ๋อร์หน่อย”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงเข้ามาอุ้มเด็กออกไป
เฟิ่งจิ่วหันไปมองรอบๆ ไม่เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จึงหันไปถามเหลิ่งหวา “คนเล่า”
“เจ้าตำหนักไปล้างหน้า ด้านหน้าไม่ไกลมีตาน้ำอยู่จุดหนึ่ง เขาอยู่ที่นั่น” เหลิ่งหวาตอบ
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นจัดเผ้าผมเล็กน้อย อ้าปากหาว ก่อนบอกว่า “วันนี้พวกเราไม่เดินทางแล้ว อยู่ที่นี่รอพวกฮุยหลางกลับมาก็แล้วกัน!”
“ขอรับ” ทุกคนรับคำ ครั้นเห็นว่าตื่นกันหมดแล้วจึงเริ่มเตรียมอาหาร บางคนต้มข้าวต้ม บางคนใช้ก้อนหินมาทำเป็นเตาแล้วผัดผักสองสามจาน
ในห้วงมิติของพวกเขามีอาหารและอุปกรณ์อยู่มากมาย ขอแค่ก่อกองไฟ อยากกินอะไรก็เอาออกมาทำ ไม่เหมือนกับอยู่ในป่าสักนิด ตรงกันข้ามยังสะดวกสบายราวกับอยู่ลานหลังบ้านอย่างไรอย่างน นั้น
เฟิ่งจิ่วเดินไปที่ตาน้ำแห่งนั้น ตั้งใจจะล้างหน้าล้างง่ายๆ พอเดินไปถึงที่นั่น ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้ามาหา
“ท่านล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วหรือ” เฟิ่งจิ่วถาม เหมือนเขาถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ นางจึงชะโงกหน้าไปดู
“เป็นผลซานเหมย เมื่อครู่ข้าเห็นมันขึ้นข้างหน้านั่นเยอะมาก จึงเด็ดมาให้เจ้ากินสักหน่อย” เขายื่นใบไม้ห่อซานเหมยมาให้ “กินได้เลย ข้าล้างแล้ว”
“เอ๊ะ? มีของอย่างนี้ด้วยหรือ ซานเหมยนี่เปรี้ยวอมหวาน อร่อยมาก” เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น ก็ยิ้มจนตาหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยว นางรับไปอย่างดีใจ “ขอบคุณ”
“เด็กโง่ ยังจะมาขอบคุณอะไรข้าอีก” เขาส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างรักใคร่
“เด็ดมาจากที่ใดกัน มีอีกหรือไม่ พวกเราไปเด็ดกันอีกเถอะ” เฟิ่งจิ่วบอก นางหยิบขึ้นมากินหนึ่งพวงพลางป้อนเขาไปด้วย
เซวียนหยวนโม่เจ๋ออ้าปากกิน ก่อนจะตอบว่า “ทางนั้นมีเยอะเลย เจ้าอยากกินพวกเราไปเด็ดอีกก็ได้”
“ดี ข้าไปล้างหน้าก่อน”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินไปที่ตาน้ำพร้อมกับนาง พอนางล้างหน้าเสร็จ ก็พานางไปที่ที่มีซานเหมยขึ้น “ที่นี่แหละ เจ้าดู มีอยู่เยอะมาก”
“ว้าว! มีเยอะมากจริงๆ ด้วย” นางมองซานเหมยสีแดงมากมายที่ห้อยอยู่ตรงนั้น ก่อนยิ้มจนตาหยี “ซานเหมยพวกนี้หากเอามาทำผลไม้กวนกับน้ำผลไม้ จะต้องอร่อยมากแน่ๆ ไม่ได้การ ข้าต้อ องฉวยโอกาสตอนที่พวกฮุยหลางยังไม่กลับมาเด็ดพวกนี้ออกมาให้หมด”
นางหยิบภาชนะออกมา หมายจะเดินเข้าไป แต่กลับถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อรั้งไว้ก่อน นางหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง ถามว่า “ทำไมหรือ”
“ซานเหมยพวกนี้มีหนาม เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ก็พอ ข้าเด็ดให้เจ้าเอง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก ก่อนจะม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าไป
………………………………….
ตอนที่ 2870 ยังอยู่
เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเข้าไป “ไม่เป็นไร หนามแค่นี้เอง ทำข้าเจ็บไม่ได้หรอก”
ทั้งสองเด็ดซานเหมยอยู่ทางนี้ ขณะที่พวกเหลิ่งหวากำลังเตรียมอาหารอยู่อีกด้านหนึ่ง เห็นพวกเขาไม่กลับมาเสียที จึงตามมาดู พอเห็นพวกเขากำลังเด็ดผลไม้ป่าอยู่ จึงเข้าไปช่วยด้วย
ผ่านไปไม่นาน ผลซานเหมยที่ขึ้นเป็นแถบกว้างก็ถูกพวกเขาเด็ดจนหมด ตู้ฝานมองผลไม้เหล่านั้น ก่อนถามว่า “นายท่าน ผลไม้นี่จะกินทั้งอย่างนี้เลยหรือ”
“อืม จะกินอย่างนี้ก็ได้ จะทำเป็นน้ำจิ้มก็ได้ มีสารอาหารสูงมากเชียวล่ะ” เฟิ่งจิ่วตอบ ก่อนจะยื่นผลไม้ป่าอ่างใหญ่ให้เขา “เจ้าเอาไปล้างที่ตาน้ำหน่อย ระวังอย่าให้ช้ำเสียเล่า”
“ได้” ตู้ฝานรับคำ ก่อนพูดขึ้นอีกว่า “ทางเหลิ่งหวาเตรียมอาหารพร้อมแล้ว นายท่าน เจ้าตำหนัก พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ!”
“อืม” เฟิ่งจิ่วเอาน้ำออกมาให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อล้างมือ ก่อนจะล้างมือตัวเองด้วย จากนั้นก็เดินกลับไป
กระทั่งผ่านยามเที่ยงไป ฮุยหลางกับอิ่งอีและหงส์ไฟก็กลับมา
“นายท่าน ภูตหมอ” พวกเขาก้าวเข้ามาพร้อมกับขานเรียก
“กลับมาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม
“นายท่าน บันไดสู่แดนเซียนยังอยู่ที่นั่น อีกทั้งมีผู้ฝึกตนมากมายอยู่ด้วย พวกข้าถามดูแล้ว บันไดสู่แดนเซียนที่ปรากฏในปีนี้อยู่ที่นั่นมาตลอด แต่ได้ยินมาว่า ผ่านมานานขนาดนี้ เพิ่งจะมีคนขึ้นไปได้เพียงคนเดียวเมื่อไม่นานนี้”
“อ้อ ยังอยู่ที่นั่นอย่างนั้นหรือ น่าแปลกจริงๆ” เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ อย่างไรเสียจากข้อมูลที่นางได้มา บันไดสู่แดนเซียนปรากฏเพียงปีละครั้ง ครั้งหนึ่งอย่างมากปรากฏเพียงครึ่งเดือน ก็หายไปแล้ว และตั้งแต่ครั้งก่อนที่นางมาก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าแล้ว
“นอกจากนี้ จากที่ถามคนพวกนั้นมา ข้าคิดว่าคนที่ขึ้นไปน่าจะเป็นคุณชายโม่เฉิน” ฮุยหลางพูดอย่างตื่นเต้น “ตอนนั้นคุณชายโม่เฉินบอกว่าจะไปจวนเฟิ่งกับพวกเรา! แต่นายท่านไม่ให้ไปด้ วย นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงที่นี่ก่อน แล้วยังขึ้นบันไดสู่แดนเซียนไม่ลงมาอีก”
เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “หากเป็นเขา ก็ไม่แปลกที่จะขึ้นไปได้” นางหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “นึกไม่ถึงว่าบันไดสู่แดนเซียนนั่นยังอยู่ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเราร รีบเร่งเดินทางกันดีกว่า!”
“อืม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้า ในสมองกำลังครุ่นคิดว่าโม่เฉินไปถึงทางนั้นแล้วไปไหนต่อ? ที่นั่น มีอะไรรอพวกเขาอยู่กันนะ?
“พวกเจ้าพักผ่อนก่อน แม้ต้องเดินทางทว่าก็ไม่ได้รีบเร่งขนาดนั้น วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “เนื้อย่างเพิ่งย่างเส สร็จ ยังมีอาหารอย่างอื่นอีก พวกเจ้ากินเยอะๆ”
“ขอบคุณภูตหมอ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะเดินไปด้านหนึ่ง ส่วนหงส์ไฟกระพือปีกลงมาข้างกายนาง
พวกเขาพักผ่อนเอาแรงที่นี่ กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมาพวกเขาก็ขี่กระบี่บินมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง ในป่า อสูรกลืนเมฆากับเหล่าไป๋วิ่งฝ่าดงหญ้าอยู่บนพื้น ตามพวกเขามาจนถึงบันไดส สู่แดนเซียน…
ยามหัวค่ำ เมื่อเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ผ่อนความเร็วในการเดินทาง เฟิ่งจิ่วจูงมือเซวียนหยวนโม่เจ๋อ หันกลับไปมองทุกคนที่อยู่ข้างหลัง “บันไดสู่แดนเซียนต้องมี พลังสูงระดับหนึ่งจึงจะขึ้นไปได้ พลังของพวกเจ้าในตอนนี้ยังขึ้นไมได้ แต่พอไปถึงที่นั่น หากไม่ลองดูหน่อยก็น่าเสียดาย”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! พอตกดึก พวกเจ้าไปดูเส้นทางเซียนที่เชื่อมต่อกับโลกอีกใบหนึ่งบนบันไดสู่แดนเซียนก็แล้วกัน”