เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2871 ลองขึ้น / ตอนที่ 2872 เหนือคาด
“ขอบคุณนายท่าน”
พวกเขารับคำ รู้ว่าพลังของตนเองไม่สามารถที่จะขึ้นไปได้ เพราะพลังแรงกดดันที่แข็งแกร่งเกินไป จะทำให้พวกเขารับไม่ไหว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพอถึงตอนนั้นนายท่านจะใช้วิธีไหนพาพวกเขาข ขึ้นไป
ตกดึก พวกหลัวอวี่มาถึงบันไดสู่แดนเซียน พวกเขามองดูบันไดเมฆที่ราวกับทอดยาวลงมาจากเส้นขอบฟ้า อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
นี่ก็คือบันไดสู่แดนเซียนอย่างนั้นหรือ? ได้ยินว่ามีทั้งหมดเก้าหมื่นเก้าพันก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น เดินขึ้นไปจากตรงนี้ก็สามารถไปยังโลกอีกใบหนึ่งได้เช่นนั้นหรือ? นึกมาถึง งตรงนี้ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“อยากลองขึ้นไปสักครั้งจริงๆ” หลัวอวี่เอ่ยขึ้น ดวงตาจับจ้องไปที่บันไดสู่แดนเซียน
“ระดับวรยุทธ์อย่างพวกเจ้าขึ้นไปไม่ได้หรอก หนำซ้ำหากโชคไม่ดีอาจสูญเสียวรยุทธ์ทั้งหมดไปด้วย” ชายชราคนหนึ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิลูบหนวดและเอ่ยขึ้น
โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะตอบรับหรือไม่ เขานั่งอยู่ตรงนั้นและพูดต่ออีกว่า “หากขึ้นกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้น คงไม่มีใครทยอยไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วหรอก”
“ข้าจะขึ้นไปกับพวกเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน! ดูว่าพวกเจ้าจะขึ้นไปได้ถึงขั้นที่เท่าไร” เสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาจากข้างหลัง
พวกเขาหันกลับไปมอง เห็นเพียงเฟิ่งจิ่วเดินมากับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ข้างหลังยังมีเหลิ่งซวงที่กำลังอุ้มเด็กทารกและไป๋ชิงเฉิงที่กำลังเดินตามมา
“นายท่าน” พวกเขาขานเรียก
“ไปกันเถอะ! ภายในหนึ่งร้อยขั้น ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะพอไหว พยายามเต็มที่ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืน แม้จะขึ้นไปไม่ถึง แต่ก็ทำให้จิตใจของพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น นับเป็นการฝึกฝนที่ ไม่เสียเปล่า” นางกล่าว ก่อนจะให้พวกเขาเดินไปที่บันไดสู่แดนเซียน
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขารีบรับคำทันที “ขอรับ” พวกเขาสาวเท้าไปข้างหน้า หลังจากสูดหายใจลึกๆ ก็ก้าวขึ้นบันไดสู่แดนเซียน
เฟิ่งจิ่วหันมาพูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ “ข้าจะขึ้นไปกับพวกเขาสักรอบ พวกท่านนั่งพักตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้า ก่อนจะพาเหลิ่งซวงและไป๋ชิงเฉิงรวมถึงฮุยหลางกับอิ่งอีนั่งพักที่ด้านหนึ่ง
ตอนนี้ล่วงเข้าสู่กลางคืนแล้ว เดิมถึงเวลาที่ทุกคนต้องพักผ่อนแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะยังมีคนฉวยโอกาสตอนกลางคืนขึ้นบันไดสู่แดนเซียนอีก ในตอนนั้นเอง เหล่าผู้ฝึกตนที่ตอนแรกกำลัง งนอนก็ลุกขึ้นนั่ง ทั้งหมดต่างก็จ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังจะขึ้นบันไดสู่แดนเซียน
กลุ่มนั้นมีผู้ชายสี่คน ดูแล้วล้วนยังหนุ่มแน่น อีกทั้งเรียกได้ว่าวรยุทธ์ต่ำกว่าพวกเขาที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ส่วนสตรีชุดสีแดงที่เดินตามหลังพวกเขานั้น ฝีเท้าเบาหวิว ชายเสื้อส สีแดงปลิวไหว ชายกระโปรงสะบัดสูงเล็กน้อย ดูน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะยิ่งเมื่อสตรีชุดแดงเดินตามหลังสี่คนนั้นด้วยท่าทางราวกับกำลังคอยคุ้มกัน ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง เหตุใดจึงได้ดูมั่นใจถึงเพียงนั้นกันนะ ?
“เอ๊ะ? สตรีนางนี้หน้าคุ้นมาก เหมือนเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง คนที่ขึ้นไปบนบันไดสู่แดนเซียนแล้วกลับลงมาในตอนสุดท้าย” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งพูดขึ้น เขาจ้องสตรีชุดแดงขณะพูด ก่อนจะพึ มพำอีกว่า “ครั้งที่แล้วนางแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่ใบหน้านั้น ดูแล้ว…คล้ายคนเดียวกันมาก”
“ดูสิ ขึ้นไปแล้วจริงๆ ด้วย” มีคนตะโกนขึ้นมา ก่อนชี้ไปทางกลุ่มคนที่ขึ้นบันไดสู่แดนเซียน
พวกเขาอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นใครขึ้นไปตอนกลางคืนเลย ไม่รู้ว่ากลางวันกับกลางคืนมีอะไรต่างกัน
ขณะเดียวกัน พวกเหลิ่งหวาที่กำลังขึ้นบันไดสู่แดนเซียน เพียงก้าวเท้าขึ้นไปก็รู้สึกเพียงว่ากำลังตกลงไปในความว่างเปล่า ในตอนนั้นเอง เสียงของนายท่านก็ดังขึ้นข้างหูของพวกเข ขา
“ต้องปรับพลังวิญญาณให้สมดุลกัน อาศัยพลังในการก้าวเดิน” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะยืนมองอยู่ข้างหลังพวกเขา
………………………………….
ตอนที่ 2872 เหนือคาด
พอได้ยินคำแนะนำของนาง พวกเขาก็ทำตามทันที หลังจากปรับสมดุลกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายแล้วก็ก้าวเดินต่อไป พวกเขาเดินไปด้วย ฟังเสียงของนายท่านที่ดังไล่หลังไปด้วย
“ปิดกั้นความคิดฟุ้งซ่าน ยึดมั่นในความเชื่อ ก้าวเท้าออกไปอย่าได้ลังเล”
เฟิ่งจิ่วเดินตามหลังพวกเขา มองพวกเขาสี่คนก้าวเท้าเหยียบขั้นบันไดเมฆขึ้นไปทีละก้าวๆ
เหลิ่งหวารู้สึกราวกับก้าวลงบนพื้นราบ เขาสาวเท้าขึ้นไปทีละก้าวๆ ไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ เลยจนกระทั่งเดินไปได้ประมาณห้าสิบขั้น ในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่ง ที่กระจายลงมาจากข้างบน
เขาปรับลมหายใจ ก่อนจะก้าวเดินต่อไป พยายามปล่อยใจให้สงบ ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
หลัวอวี่ ฟั่นหลินและตู้ฝาน เดิมทีพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ขั้น ทว่าหลังจากขึ้นมาได้ประมาณห้าสิบขั้น เห็นได้ชัดว่าความเร็วค่อยๆ ลดลง พวกเขามองไปข้างหน้า แต่กลับพบว่าสิ งที่เห็นที่นี่ต่างไปจากที่เห็นข้างล่าง
เมื่อมองจากข้างล่าง ข้างบนนี้ดูมืดสนิท แต่พอมาถึงข้างบน กลับพบว่าบันไดสู่แดนเซียนในตอนนี้ราวกับเวลากลางวัน บันไดเมฆก่อตัวอยู่ใต้เท้าของพวกเขา นอกจากมองไม่เห็นรอบข้าง นอกนั้ นก็ถือว่าสว่างมากทีเดียว
ทั้งที่อยู่ในโลกใบเดียวกัน แต่สิ่งที่มองเห็นกลับต่างกัน นั่นทำให้พวกเขาอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
เฟิ่งจิ่วเดินตามอยู่ข้างหลัง มองพวกเขาก้าวขึ้นไปข้างบน เห็นว่าพอถึงขั้นที่แปดสิบกว่า ฟั่นหลินกับหลัวอวี่รวมถึงตู้ฝานเริ่มมีเหงื่อออกมาบริเวณหน้าผาก สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ย แต่กลับยังคงกัดฟันพยายามเดินขึ้นต่อไป
ยามเห็นพวกเขายกเท้าพยายามก้าวขึ้นไป แต่กลับไม่อาจทำได้ เสียงของเฟิ่งจิ่วก็ดังขึ้นในหัว
“แปดสิบแปดขั้น ไม่เลวแล้ว พวกเจ้าลงไปก่อนเถอะ! ให้เหลิ่งซวงกับชิงเฉิง แล้วก็ฮุยหลางกับอิ่งอี่ขึ้นมา”
พวกเขาตั้งจิตมั่น พอได้ยินคำสั่งของนางจึงเงยหน้ามองข้างบน พอเห็นภาพตรงหน้าก็อดตะลึงไม่ได้ นึกไม่ถึงเหลิ่งหวากลับเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขา หนำซ้ำเขายังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ ๆ อีกด้วย
พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงหันไปคารวะเฟิ่งจิ่ว จากนั้นก็เดินกลับลงไป
เฟิ่งจิ่วมองดูพวกเขาเดินลงไป ก่อนจะหันไปมองเหลิ่งหวา จากนั้นก็ก้าวตามขึ้นไป
เหลิ่งหวาเดินขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ ทางข้างหน้าขาวโพลนไปทั้งแถบ เขาไม่รู้ว่าตนเองเดินขึ้นมากี่ขั้นแล้ว รู้เพียงว่าหากก้าวเพิ่มได้หนึ่งขั้นเขาก็จะก้าวต่อไปเรื่อยๆ เขาต่าง งจากคนอื่น ร่างกายของเขาอ่อนแอตั้งแต่เด็ก สามารถติดตามนายท่านนับเป็นบุญของเขา เขาพยายามมาโดยตลอด หวังว่าตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นมาและปกป้องนายท่านได้
เขาคิดว่า หลัวอวี่ ตู้ฝานและฟั่นหลินมีวรยุทธ์สูงกว่าเขา จะต้องอยู่ข้างหน้าแน่ๆ แม้ไม่รู้ว่าพวกเขานำตนไปกี่ขั้นแล้ว แต่อย่างไรเขาก็ต้องพยายามไม่ให้ถูกทิ้งห่างมากนัก
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ ความยึดมั่นในความเชื่อ ทำให้เขาก้าวเท้าออกไปได้อย่างไม่ลังเลแม้สักนิด เขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง รู้สึกเพียงว่ารอบกายเงียบสงัด แม้แต่นาย ท่านก็ไม่เห็นแล้ว
ทว่าเขารู้ แม้มองไม่เห็นว่านายท่านอยู่ที่ใด แต่นายท่านจะต้องคอยเฝ้ามองเขาอยู่แน่ๆ ด้วยเหตุนี้ เขาจะทำให้นายท่านผิดหวังไม่ได้
เฟิ่งจิ่วเดินตามหลังและคอยเฝ้าดู นางเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเหลิ่งหวาซึ่งเป็นคนที่มีวรยุทธ์ต่ำที่สุดในสี่คนกลับเป็นคนที่เดินมาได้ไกลขนาดนี้ นางมองดูเขา าก้าวเท้าออกไปอย่างไร้ความลังเล อดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม
นางรู้ว่าเหลิ่งหวาเป็นคนมุ่งมั่น แต่นึกไม่ถึงว่าจะมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ แม้แต่พวกตู้ฝานก็ยังเทียบไม่ได้ เวลานี้ นางอดที่จะสงสัยไม่ได้ เหลิ่งหวาจะเดินไปได้ไกลขนาดไหนกันน นะ?