เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2873 ทะลวงขั้น / ตอนที่ 2874 ใครไปได้ไกลกว่า
ตอนที่ 2873 ทะลวงขั้น
ด้านล่าง พวกตู้ฝานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนกล่าวว่า “เจ้าตำหนัก นายท่านบอกว่าให้พวกฮุยหลางกับเหลิ่งซวงขึ้นไปให้หมดขอรับ”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ขึ้นไปเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก หลังจากรับห้าวเอ๋อร์ไปอุ้ม เขาก็เดินไปหาที่นั่ง
“ขอรับ / เจ้าค่ะ” ทั้งสี่คนรับคำ ก่อนจะสาวเท้าไปข้างหน้า ตู้ฝานเห็นอย่างนั้นก็รีบบอกสิ่งที่เฟิ่งจิ่วพูดกับพวกเขาตอนอยู่ข้างบน จากนั้นก็มองดูพวกเขาเดินขึ้นบันไดสู่แดนเซียน
เห็นพวกเขาลงมานานขนาดนั้นแล้ว เหลิ่งหวากลับยังไม่ลงมาอีก ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ดูไม่ออกเลยว่าเหลิ่งหวากลับเดินไปได้ไกลกว่าพวกเราเสียอีก”
ฟั่นหลินมองขึ้นไปข้างบน บอกว่า “เขาติดตามนายท่านมานานที่สุด แล้วก็เป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนจากนายท่าน ไม่แปลกที่จะขึ้นไปได้ไกลกว่าพวกเรา”
“พูดอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่พอคิดว่าเขาเป็นคนที่วรยุทธ์ต่ำที่สุดในหมู่พวกเรา แต่กลับเดินขึ้นไปได้ไกลที่สุด ก็ให้รู้สึกว่าตนเองนั้นใช้ไม่ได้เอาเสียเลย” หลัวอวี่กล่าว เขา ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิด้านหนึ่ง
“ไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปถึงไหน” ตู้ฝานกล่าว เขาเงยหน้ามองขึ้นไปยังเงาร่างที่อยู่บนบันไดสู่แดนเซียน สูงขึ้นไปประมาณร้อยขั้น พวกเขายังคงมองเห็นอีกฝ่ายอยู่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงม มองออกว่าเหลิ่งหวาเดินช้าลงเรื่อยๆ แล้ว และนายท่านของพวกเขาก็กำลังเดินตามหลังไปช้าๆ
“พวกเจ้าว่าพวกฮุยหลางขึ้นไป ใครจะขึ้นไปได้ไกลที่สุด” หลัวอวี่หันไปมองสี่คนที่กำลังเดินขึ้นไป
“ข้าคิดว่าไป๋ชิงเฉิงกับฮุยหลางจะลงมาก่อน จากนั้นก็เหลิ่งซวง คนที่ขึ้นไปได้สูงที่สุดน่าจะเป็นอิ่งอี” ตู้ฝานคาดเดา
ฟั่นหลินส่ายหน้า “ไม่แน่หรอก”
“ไม่แน่?” พวกเขาหันไปมองคนพูด
“อืม ไม่แน่เหลิ่งซวงอาจมีจิตที่แน่วแน่กว่าอิ่งอี” ฟั่นหลินเอ่ย ขณะเดียวกันก็หันไปมองพวกเขา ก่อนมองไปที่เหลิ่งหวา “พวกเจ้าก็รู้ ก่อนที่จะเจอนายท่าน เหลิ่งซวงปกป้องเหลิ งหวาและมีชีวิตอยู่มาอย่างไร จิตใจของนาง จะต้องแข็งแกร่งกว่าเหลิ่งหวาอย่างแน่นอน แม้แต่อิ่งอีก็เกรงว่ายากจะเทียบได้”
พอได้ฟังอย่างนั้น พวกเขาก็เงียบไป บางทีอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งฟังพวกเขาคุยกัน เขาหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหยอกเล่นกับห้าวเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนต่อไป ไม่ได้เอ่ยอะไร
เวลานี้เอง สายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงมาจากชั้นเมฆดังเปรี้ยง ทำเอาหัวใจของคนที่อยู่ข้างล่างสะท้านสะเทือน ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป แล้วก็เห็นเหลิ่งหวากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนบันไดขั้ นที่ร้อย รับสายฟ้าที่ฟาดลงมา
“ขะ เขาทะลวงขั้นหรือ?” หลัวอวี่มองเหลิ่งหวาอย่างนึกอิจฉา เดินขึ้นบันไดสู่แดนเซียนครั้งเดียวก็ทะลวงขั้นได้เลยหรือ?
“ทะลวงขั้นแล้ว นายท่านเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าก่อนร้อยก้าวฝึกจิต หลังร้อยก้าวหากมีโชค ก็จะสามารถทะลวงขั้นได้” ตู้ฝานอธิบาย ก่อนอุทาน “เจ้าหนูเหลิ่งหวานี่ ไม่เพียงมีจิต แน่วแน่ ยังดวงดีไม่น้อยด้วยนะเนี่ย!”
“เขา” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยขึ้น นัยน์ตาลึกล้ำดำขลับจับจ้องมาที่พวกเขา ก่อนเอ่ยอีกว่า “หากพวกเจ้าก้าวขึ้นไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยขั้น โอกาสที่จะทะลวงขั้นก็สูงมากเช่นกัน”
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็อดเสียดายไม่ได้ พวกเขาคิดแค่ว่า นายท่านบอกว่าพยายามให้ดีที่สุดก็พอ อย่าฝืนตนเอง พอรู้สึกว่าตนเองไม่ไหวแล้วจึงลงมา ด้วยเหตุนี้ ในใจของพวกเขาจึงไ ไม่มีความคิดที่ว่าตนเองยังสามารถทำได้ ยังขึ้นไปได้อีก กระทั่งตอนนี้เมื่อเห็นเหลิ่งหวารับสายฟ้าอยู่บนบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย จึงถึงเพิ่งตระหนักได้
………………………………….
ตอนที่ 2874 ใครไปได้ไกลกว่า
ที่แท้ขอเพียงพวกเขามีจิตแน่วแน่ ไม่ถูกสิ่งเร้าภายนอกรบกวน ยึดมั่นในความเชื่อก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองไปได้ แต่พวกเขากลับปล่อยโอกาสเช่นนั้นไปเสียแล้ว
เหลิ่งหวาเดิมทีเพิ่งเข้าสู่การเป็นผู้ฝึกตนระดับวิญญาณต้น เทียบกับผู้ฝึกตนระดับวิญญาณต้นขั้นสูงสุดอย่างพวกเขา ยังคงอ่อนด้อยกว่า แต่ตอนนี้ พอทะลวงขั้นแล้วเขาก็ข้ามขั้นไป ปยังระดับปราชญ์เซียนเลย วรยุทธ์สูงกว่าพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
นึกมาถึงตรงนี้ พวกเขาอดคิดอยากลองอีกครั้งไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพราะพวกเขาอิจฉาที่เหลิ่งหวามีวรยุทธ์สูงกว่าพวกเขา แต่เพราะพวกเขาต้องการทะลวงขั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิ นด้วยความสามารถของตนเอง ภายหน้าพอไปถึงโลกอีกใบหนึ่ง จะได้กลายเป็นเรี่ยวแรงให้นายท่านได้
ครั้นคิดได้เช่นนั้น พวกเขาหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง ก่อนถามว่า “เจ้าตำหนัก พวกข้าขอลองอีกสักครั้งได้หรือไม่”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหันไปมองพวกเขา “ไม่ควรแล้ว หากพวกเจ้าขึ้นไปอีก ถ้าไม่ทะลวงขั้นเหมือนเหลิ่งหวา ก็จะถูกแรงกดดันดีดลงมา”
“แต่ว่า…” หลัวอวี่ยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่ถูกตู้ฝานตัดบทก่อน
“พวกข้าเข้าใจแล้ว”
ตู้ฝานบอก เขากดไหล่หลัวอวี่ก่อนอธิบายเสริมว่า “ไม่ควรแล้วจริงๆ ก่อนหนึ่งร้อยขั้นคือการฝึกฝนจิต พวกเราพลาดโอกาสไปแล้ว ขึ้นไปอีกในเวลาสั้นๆ ไม่ได้ หนำซ้ำหากเอาแต่อยากจะเป ป็นเหมือนเหลิ่งหวา เกรงว่าพวกเราอาจจะบาดเจ็บได้ ถึงตอนนั้นจะกลายเป็นภาระให้นายท่าน”
ได้ฟังดังนั้น หลัวอวี่จึงล้มเลิกความตั้งใจ ไม่พูดอะไรต่ออีก พวกเขาไม่ใช่เหลิ่งหวา เรื่องที่เหลิ่งหวาทำได้ พวกเขาไม่แน่ว่าจะทำได้ แม้ว่าเหลิ่งหวาจะดูไม่มีอะไรสะดุดตามาโดยตล ลอด แต่พวกเขากลับจำต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายยอดเยี่ยมกว่าพวกเขาจริงๆ
ในเวลานี้เอง สายฟ้าสายที่สองผ่าลงมาจากท้องฟ้า เฟิ่งจิ่วถอยไปดูอยู่ด้านหนึ่ง คอยมองดูเหลิ่งหวารับสายฟ้าสายที่สอง มองดูเขาพยายามเข้าสู่ระดับเซียนเหินอยู่ตรงนั้น นางเผยรอ อยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ
ไม่เสียแรงที่นางเล็งเห็นเขา จิตใจที่แน่วแน่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ต้องบอกว่าพัฒนาการในการฝึกวรยุทธ์ของเหลิ่งหวานั้นค่อนข้างช้ากว่าคนอื่น แต่ก่อนเขาฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ พัฒนาการของเขากลับเร็วกว่าคนอื่น
นางมองดูเขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ควบคุมกลิ่นอายพลังวิญญาณที่ขับเคลื่อนอยู่ที่จุดตันเถียน รอรับสายฟ้าสายที่สาม ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินมาหยุดยืนข้างกายพวกเหลิ่งซวง
ไม่รู้ว่าเหลิ่งหวาต้องใช้เวลาในการทะลวงขั้นอีกนานแค่ไหน นางจึงลงไปดูพวกเหลิ่งซวงก่อนว่าจะขึ้นมาได้สูงเพียงใด
นางมาหยุดอยู่ข้างกายพวกเขา จากนั้นก็คอยเดินสำรวจข้างหลังพวกเขาอย่างช้าๆ ดูว่าขีดจำกัดของพวกเขาอยู่ตรงไหน
และด้านล่างของบันไดสู่แดนเซียน ผู้ฝึกตนพวกนั้นอดทึ่งไม่ได้ “แรงกดดันบนบันไดสู่แดนเซียนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน สตรีชุดแดงนางนั้นเดินขึ้นเดินลงอย่างสบายใจเช่นนั้นได้อย่างไรก กัน”
ผู้ฝึกตนที่เคยเจอเฟิ่งจิ่วกระซิบบอกว่า “พวกเจ้ายังไม่รู้ล่ะสิ ครั้งก่อนสตรีนางนี้เคยมาที่นี่แล้ว อีกทั้งเหมือนจะเดินขึ้นไปจนถึงขั้นสูงสุดแล้วด้วย แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายถึงไ ได้กลับลงมา พวกเจ้าอย่าเห็นเพียงว่านางเป็นสตรี วรยุทธ์ของนางลึกล้ำยากคาดเดาเชียวล่ะ เดาว่าพวกเราทุกคนที่นี่ยังสู้นางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ฝึกตนเหล่านั้นต่างพากันประหลาดใจ อดวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาไม่ได้ สายตาจับจ้องไปยังบันไดสู่แดนเซียนที่อยู่ข้างบน ครั้งนี้คนที่ขึ้นไปมีบุรุษสอง สตรีสอง สตรี สองนางนั้นรูปร่างหน้าตางดงามมาก ดูแล้ววรยุทธ์ไม่ได้สูงนัก ไม่รู้ว่าจะสามารถขึ้นไปได้ถึงขั้นไหนกัน?
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ปะทะเข้ามา ตอนแรกทั้งสี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งเมื่อขึ้นไปสูงเรื่อยๆ…