เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2875 ไม่เหมือนกัน / ตอนที่ 2876 องครักษ์เฟิ่งกู้โม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2875 ไม่เหมือนกัน / ตอนที่ 2876 องครักษ์เฟิ่งกู้โม่
ไม่นานก็รู้สึกได้ว่าแรงกดดันนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับภูเขากดทับลงมาทั้งลูก กดทับจนพวกเขาหายใจไม่ออก ถึงขนาดที่ไม่อาจก้าวขาต่อไปได้
ไป๋ชิงเฉิงยิ่งเดิน หน้าก็ยิ่งซีด จู่ๆ นางก็ชักกระบี่คาดเอวออกมาตวัดไปรอบๆ “ข้าจะฆ่าพวกเจ้า! ฆ่าพวกเจ้า!”
นางกรีดร้องเสียงแหลม ตาแดงก่ำราวกับกลายเป็นมารไปแล้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเจ็บปวด เวลานี้ นางเห็นภาพลวงตาปรากฏขึ้นด้านหน้าบนบันไดสู่แดนเซียน นางเห็นตระกูลของนาง งถูกโค่นล้มและฆ่าล้าง คนชุดดำเหล่านั้นตวัดกระบี่สังหารคนในตระกูลของนาง นางเห็นพ่อแม่ของนางนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นกับตา…
“กรี๊ด!”
นางพุ่งเข้าไป ใช้มือตวัดกระบี่ฟันไปมั่วๆ พยายามฆ่าคนชุดดำพวกนั้น
พอเฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหลังเห็นนางตวัดกระบี่ฟันออกไปมั่วๆ ก็รู้ทันทีว่านางถูกภาพลวงตาเล่นงานเข้าแล้ว นางมองไปยังคนที่อยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นพวกเขาไม่ได้โดนลูกหลง จึงพุ่งเ เข้าไปตีที่ท้ายทอยของนางก่อนจะส่งตัวลงไป
“รับไว้” เฟิ่งจิ่วส่งตัวไป๋ชิงเฉิงลงจากบันไดสู่แดนเซียนด้วยตนเอง ก่อนจะสั่งให้พวกหลัวอวี่รับตัวอีกฝ่ายไว้
หลัวอวี่กับตู้ฝานเข้าไปรับตัวไป๋ชิงเฉิงที่หมดสติเอาไว้ ก่อนพามาหาฟั่นหลินทันที “รีบดูเร็ว นางเป็นอย่างไรบ้าง”
ฟั่นหลินสำรวจดูครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจ “จิตใจสับสน เลือดลมแปรปรวน โชคดีที่ถูกนายท่านส่งตัวลงมา ไม่เช่นนั้นคงเคราะห์ร้ายแน่แล้ว”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของทั้งสองพลันแปรเปลี่ยน ร้ายแรงถึงเพียงนี้เลยหรือ? หากตอนนั้นพวกเขาไม่ลงมา ก็จะเป็นเหมือนกันกับนางตอนนี้ใช่หรือไม่?
บนบันไดสู่แดนเซียน เหลิ่งซวงกับฮุยหลางรวมถึงอิ่งอีอยู่ห่างกันออกไปเพียงไม่กี่ขั้น ตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงขั้นที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว พวกหลัวอวี่ที่ดูอยู่ข้างล่างอดที่จะถลึงต ตาไม่ได้
“เจ้าพวกนั้น…เหตุใดแต่ละคนล้วนแกร่งกว่าพวกเราถึงเพียงนั้น?” จำต้องยอมรับว่าพอเฝ้าดูมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาเริ่มที่จะกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว ในฐานะหัวหน้าองครักษ์เฟิ่ง ไม่ต้องบอ อกก็รู้ว่ามีวรยุทธ์ที่ไม่เลว แต่พอเอาเข้าจริงกลับเทียบสองพี่น้องเหลิ่งซวงเหลิ่งหวาไม่ได้หรือนี่?
มิหนำซ้ำ แม้แต่ฮุยหลางที่ปกติไม่ค่อยเอาจริงเอาจังยังมีจิตที่แน่วแน่กว่าพวกเขาอีก นะ…นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว
ฟั่นหลินมองพวกเขาที่อยู่บนบันไดสู่แดนเซียน ก่อนบอกว่า “เหลิ่งซวงติดตามนายท่าน คงไม่ต้องพูดอะไรมาก อิ่งอีเป็นหัวหน้าองรักษ์ของเจ้าตำหนัก ย่อมมีจิตแน่วแน่ไม่ธรรมดา ที่น่ าแปลกใจคือฮุยหลาง ปกติดูเขาไม่ค่อยเอาไหน นึกไม่ถึงว่าจะมีจิตที่มุ่งมั่นขนาดนี้”
“พวกเราสามคน ฟั่นหลินเจ้าถนัดการกลั่นยา วรยุทธ์ต่ำหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ข้ากับหลัวอวี่หากอ่อนแอ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรแล้ว ดูท่าภายหน้าคงต้องตั้งใจฝึกวรยุทธ์ให้มากขึ้น นแล้ว” ตู้ฝานถอนหายใจ
“อืม ใช่แล้ว จะต้องตั้งใจฝึกให้มากขึ้นกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังแน่ๆ” หลัวอวี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในเวลานี้เอง ทั้งสามเดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่เก้าสิบแปดพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาหยุดเดิน พลางรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งกำลังขับเคลื่อนอยู่ในร่างกาย หลังจ จากตั้งสติแล้วจึงหันไปมองข้างหลัง เห็นเฟิ่งจิ่วคอยตามมาอยู่ไม่ไกล
“นายท่าน ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะทะลวงขั้นแล้ว” เหลิ่งซวงบอก น้ำเสียงราบเรียบมีแววตื่นเต้นแฝงอยู่
“เหมือนว่าข้าจะทะลวงขั้นแล้วเหมือนกัน กระแสพลังที่จุดตันเถียนของข้ากำลังขับเคลื่อน” ฮุยหลางเองก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน เขาเอามือไปแตะที่จุดตันเถียนของตนเอง
อิ่งอีไม่พูดอะไร เพียงยกเท้าก้าวไปข้างหน้า เขาก้าวข้ามบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย จนกระทั่ง…
………………………………….
ตอนที่ 2876 องครักษ์เฟิ่งกู้โม่
หลังจากเดินไปได้เพียงห้าก้าว ก็ไม่อาจยกเท้าขึ้นอีก เขาหยุดเดิน แต่เวลานี้เองกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างก็ปะทุขึ้น กลิ่นอายพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งพุ่งไปรวมกันที่จุดตันเถียน น
“รีบนั่งลงนำทางกลิ่นอายพลังวิญญาณเร็วเข้า!”
เสียงของเฟิ่งจิ่วถูกส่งตรงเข้าสู่สมองของเขา ทำให้เขาตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ แทบจะโดยสัญชาตญาณ เขาทำตามที่นางแนะนำทันที
ขณะเดียวกัน เหลิ่งซวงกับฮุยหลางก็นั่งลง ขัดสมาธิเพื่อเตรียมพร้อมทะลวงขั้นเช่นกัน พอเห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วสูดหายใจและผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะถอยไปดูพวกเขาอยู่ข้างๆ
“ซี๊ด! พวกนั้นจะทะลวงขั้นแล้วอย่างนั้นหรือ”
“พวกนั้นมันวิปริตชัดๆ ดูวรยุทธ์แล้วไม่นับว่าสูง แต่กลับเดินขึ้นไปได้เกินหนึ่งร้อยขั้น?”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างล่างต่างเบิกตากว้าง ตั้งแต่บันไดขั้นที่หนึ่งร้อยพวกเขาก็มองไม่เห็นเงาร่างของคนเหล่านั้นแล้ว แต่เพราะไม่เห็นคนเหล่านั้นลงมา ทั้งยังเห็นปรากฏการณ์ที่ แปลกไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็รู้แล้วว่าคนเหล่านั้นกำลังจะทะลวงขั้นแล้วอย่างแน่นอน!
เหตุการณ์ข้างบนทำให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อหันไปมองที่จุดๆ หนึ่ง เขาหันไปพูดกับหลัวอวี่และตู้ฝาน “พวกเจ้าไปเปลี่ยนตัวกับเว่ยเฟิ่งและกู้โม่มา”
พอได้ยินเช่นนั้น พวกเขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเหมือนจะไม่เห็นสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ด้วยเหตุนี้หลัวอวี่จึงถามว่า “เจ้าตำหนัก พวกเขาสองคนไปทำอะไรตรงนั้นหรือ”
“อาจิ่วให้พวกเขาต้มข้าวต้มให้ห้าวเอ๋อร์กิน คำนวณเวลาแล้วน่าจะสุกแล้วล่ะ พวกเจ้าไปดูหน่อย หากต้มสุกแล้วก็ตักมาถ้วยหนึ่ง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำชับ
“ได้” ทั้งสองรับคำก่อนจะเดินไปทางนั้น แถวๆ นี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง แต่พวกเขาไม่ได้อยู่บนพื้นที่โล่งกว้าง ทว่าพักอยู่ใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
พอไปถึงตรงนั้น หลัวอวี่กับตู้ฝานเห็นพวกเขาทั้งสองกำลังยืนดูเหตุการณ์บนบันไดสู่แดนเซียนอยู่ใต้ต้นไม้ ครั้นเห็นพวกเขา ก็เผยรอยยิ้มออกมา
“พวกเจ้ามาแล้วหรือ นายท่านน้อยหิวแล้วกระมัง ข้าวต้มสุกแล้ว” เว่ยเฟิ่งเอ่ย ก่อนหันไปเติมฟืน
“เว่ยเฟิ่ง กู้โม่ พวกเจ้าก็เห็นแล้วใช่หรือไม่” หลัวอวี่ถาม ดวงตารุ่มร้อนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เห็นแล้ว เจ้ากับฟั่นหลินแล้วก็ตู้ฝานเดินขึ้นไปถึงขั้นที่เจ็ดสิบกว่าก็ลงมาแล้ว” ทั้งสองเอ่ยอย่างล้อเลียน
“พวกข้า เฮ้อ ตอนนี้พวกข้าเสียดายจะแย่แล้ว รู้อย่างนี้คงกัดฟันเดินขึ้นไปให้ถึงขั้นที่หนึ่งร้อย พวกเจ้าดูสิ พวกเขาแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเรา เห็นแล้วก็อยากลองขึ้นไปอีกค ครั้ง แต่เจ้าตำหนักบอกว่าถึงพวกเราขึ้นไปอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ หลัวอวี่ก็ถอนหายใจก่อนเอ่ยอีกว่า “ใช่แล้ว เจ้าตำหนักให้พวกเจ้าไปทางนั้น เดาว่าคงอยากให้พวกเจ้าลองดู พวกเจ้าฟังพวกข้าให้ดี นายท่านบอกว่าแม้จะเดินโดยใช้พลั ง แต่ตอนเดินขึ้นไป จะให้ดีอย่าคิดว่าตนเองถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่เช่นนั้นจะเหมือนพวกเราได้”
ทั้งสองยิ้มรับ “พวกข้าเข้าใจแล้ว”
“อีกอย่าง ตอนขึ้นบันไดสู่แดนเซียนต้อง…” พวกเขาบอกสิ่งที่เฟิ่งจิ่วบอกพวกเขามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายว่า “พวกเจ้าไปเถอะ! พวกเราดูไฟเอง”
“ได้” ทั้งสองพยักหน้า ก่อนเดินไป
เมื่อมาถึง พวกเขาคารวะเซวียนหยวนโม่เจ๋อพลางเรียก “เจ้าตำหนัก”
“อืม พวกเจ้าก็ลองขึ้นไปสักครั้งเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย ก่อนจะสั่งให้พวกเขาลองขึ้นบันไดสู่แดนเซียนดูสักครั้ง
“ขอรับ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะเดินไปทางบันไดสู่แดนเซียน