เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2879 เฉลิมฉลอง / ตอนที่ 2880 ย้อนกลับมา
ตอนที่ 2879 เฉลิมฉลอง
พวกเฟิ่งจิ่วหันไปมอง เห็นเพียงบนท้องฟ้าปรากฏสายรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งขึ้น นกในป่าลึกกระพือปีกขึ้นไปบินวนรอบสายรุ้ง เปล่งเสียงร้องจิ๊บๆ หากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินท่วงทำนองแห่งค ความปีติแว่วมา
“ท่วงทำนองเซียนนี่เอง! นะ…นี่คือท่วงทำนองเซียน!”
มีคนอุทาน ก่อนจะมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอย่างเหลือเชื่อ ปรากฏการณ์เช่นนี้ แม้แต่พวกเขาที่ฝึกเซียนมาหลายปีก็ยังไม่เคยพบเห็น
ไป๋ชิงเฉิงที่หมดสติขยับเปลือกตาเล็กน้อย เสียงในหูดังก้อง แม้จะรู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้ง นางก็ยังพยายามลืมตาขึ้นมาดู
นางยันพื้นเพื่อลุกขึ้นนั่ง แม้จะรู้สึกปวดหัวมาก แต่พอเห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
“นะ…นี่ใครกำลังทะลวงขั้นกัน”
ตู้ฝานเห็นนางฟื้นแล้วก็ยิ้มก่อนตอบว่า “ตื่นแล้วหรือ นอกจากพวกเราสองคน คนอื่นล้วนกำลังทะลวงขั้นพลังอยู่ เจ้าดูสิ ท่วงทำนองเซียนดังออกมาจากชั้นเมฆเพราะพวกเขากำลังทะลวงขั นพลัง ยังมีรุ้งเจ็ดสีสายนั้นอีก”
“นอกจากพวกเราสองคนอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเฉิงตะลึง หน้าซีดไปเล็กน้อย “ข้าจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าถูกภาพลวงตาล่อลวง ทำให้เลือดลมตีกลับธาตุไฟเข้าแทรก พักสักเดี๋ยวก็หายแล้ว ไม่ต้องห่วง” เฟิ่งจิ่วหันกลับมาบอก
“นายท่าน” ไป๋ชิงเฉิงขานเรียก คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปสายรุ้งเจ็ดสีบนท้องฟ้าค่อยๆ เลือนหายไป คนแรกที่ลงมาคือเหลิ่งหวา ตามด้วยเหลิ่งซวงและคนอื่นๆ ยามลงมาถึงข้างล่าง หลัวอวี่กับฟั่นหลินเองก็ก ก้าวข้ามขีดจำกัดขั้นสุดท้าย ทะลวงขั้นพลังสำเร็จแล้วเช่นกัน
คนรอบๆ ต่างมองดูด้วยสายตาอิจฉา นี่เป็นการทะลวงขั้นพลังโดยอาศัยความสามารถของตนเอง ไม่เหมือนผู้ฝึกตนพวกนั้นที่กินยาเพื่อช่วยทะลวงขั้นพลัง จากนั้นก็หยุดอยู่แค่ระดับนั้น ไปตลอดชีวิต เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างหน้า เส้นทางแห่งการฝึกเซียนยังอีกยาวไกล
“นายท่าน เจ้าตำหนัก”
“นายท่าน ภูตหมอ”
พวกเขาขานเรียกขึ้นพร้อมกัน พวกเหลิ่งหวามักเรียกนายท่านของพวกตนก่อนเสมอ ส่วนคนที่เรียกเซวียนหยวนโม่เจ๋อก่อน คือฮุยหลางกับอิ่งอี จากนั้นจึงค่อยเรียกเฟิ่งจิ่ว
“พวกเราทะลวงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินแล้ว!” พวกเขาเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
“ยินดีด้วย” เฟิ่งจิ่วยิ้ม เห็นพวกเขาแต่ละคนตื่นเต้นดีใจ จึงแจกยาให้คนละเม็ด “ยานี้ช่วยให้พวกเจ้าปรับสมดุลจุดตันเถียนได้เร็วขึ้น”
“ขอบคุณนายท่าน” พวกเขารับไปด้วยความยินดี ก่อนรีบกินเข้าไปเพื่อปรับสมดุลร่างกาย
“ขอบคุณภูตหมอมาก” อิ่งอีกับฮุยหลางประสานมือคารวะ พวกเขานั่งลงปรับสมดุลร่างกายเช่นกัน
“ตู้ฝาน เตรียมอาหารหน่อย วันนี้พวกเราฉลองกัน” เฟิ่งจิ่วกำชับ
“ได้ ข้าจะไปล่าสัตว์ในป่าเพิ่ม” ตู้ฝานยิ้มบอก ขณะกำลังเดินไป อสูรกลืนเมฆาก็กระโดดตามเขาไปด้วย
“ข้าไปเก็บกิ่งไม้” ไป๋ชิงเฉิงเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นด้วย
“เจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือ” เฟิ่งจิ่วถาม
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” นางตอบ
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนให้เหล่าไป๋กับหงส์ไฟตามไปด้วย
พวกเขานั่งย่างเนื้อสัตว์ป่าเพื่อฉลองกันอยู่ตรงนั้น หลังปรับสมดุลพลังระดับเซียนเหินเรียบร้อยแล้ว เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็นำสุราออกมาพร้อมกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นการฉลองย่อมจะขาด สุราไปไม่ได้ ฮุยหลาง เอาสุราไปให้ทุกคน”
“ขอรับ” ฮุยหลางยิ้มรับ ก้าวไปรับสุราที่เขายื่นให้
………………………………….
ตอนที่ 2880 ย้อนกลับมา
“อยู่ที่นี่หากเมาแล้วจะทำอย่างไรเล่า” หลัวอวี่รู้สึกกลัดกลุ้ม “หายากที่จะมีความสุขเช่นวันนี้ ข้าคิดว่าจะต้องเมาแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆ อาการอย่างเจ้าเขาเรียกว่ายังไม่ทันดื่มก็เมาก่อนแล้วกระมัง กลัวเมาก็ดื่มให้น้อยหน่อย” เฟิ่งเว่ยตบไหล่ของเขา
“ไม่เป็นไร ดื่มเถอะ! ข้าเตรียมยาแก้เมามาด้วย” ฟั่นหลินบอก ก่อนจะเอาออกมาแจกจ่ายให้พวกเขาคนละเม็ด “กินยานี่เข้าไป ดื่มมากแค่ไหนก็ไม่เมา”
“ฮ่าๆ นี่ของดีนี่นา!” ตู้ฝานรีบรับไปกิน ก่อนพูดว่า “มาๆ ดื่มเหล้ากัน!”
เฟิ่งจิ่วเห็นพวกเขาดีใจกันขนาดนี้ จึงดื่มด้วย เห็นเหลิ่งซวงกับไป๋ชิงเฉิงรินเพียงเล็กน้อย จึงบอกว่า “ไม่เป็นไร ดื่มเถอะ! สุรานี้เป็นสุราวิญญาณ พลังวิญญาณสามารถหล่อเลี้ยงเส้น นชีพจรได้”
“เจ้าค่ะ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะยกขึ้นจิบหนึ่งคำ
“กินเนื้อย่างกันหน่อยเถอะ!” เหลิ่งหวาใช้มีดปาดเนื้อหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ใช้ใบไม้ห่อให้พวกเขา
พวกเขาเฉลิมฉลองกันอยู่ตรงนี้ กินเนื้อย่างดื่มสุรา ทำเอาคนรอบข้างอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ มีคนเอ่ยขึ้นว่า “กลิ่นหอมมาก! พวกเขาย่างเนื้อออกมาได้หอมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
“นั่นสิ พวกเราย่างเองไม่เห็นหอมอย่างนั้น”
“พวกเจ้าดูพวกเขาสิ มีกันแค่นั้น แต่ละคนกลับทะลวงขั้นพลังแล้ว เห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้เลยจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆ! นั่นเป็นเพราะคนอื่นเขามีพรสวรรค์และจิตใจที่แน่วแน่ เจ้าอิจฉาตาร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ย่าเอ็งเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอก ข้าก็จะขอท้าทายขึ้นบันไดสู่แดนเซียนดูสักครั้ง ไม่แน่ข้าอาจทะลวงขั้นพลังก็ได้”
เพราะถูกกระตุ้น จึงมีผู้ฝึกตนหลายคนขึ้นบันไดสู่แดนเซียน เพียงแต่ผ่านไปไม่นานก็มีคนเดินลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาว บางคนก็ถูกแรงกดดันบนบันไดสู่แดนเซียนกดทับ จนตกลงมา
ผู้ฝึกตนที่ตกลงมาเพราะแรงกดดันร่างกระแทกพื้น เส้นชีพจรในร่างกายขาดจนหมด สูญสิ้นวรยุทธ์
พวกฮุยหลางที่กำลังกินเนื้อย่างกันอยู่ เห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ดูเข้าสิ บันไดสู่แดนเซียนไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นได้จริงๆ ที่พวกเราขึ้นไปได้เกินหนึ่งร้อยขั้น เพราะได้รับการด ดูแลจากสวรรค์เป็นพิเศษจริงๆ”
“ถูกต้องแล้ว” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “ปกติแล้ว แม้จะขึ้นไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยขั้นก็ใช่ว่าจะทะลวงขั้นพลังกันได้ทุกคน พวกเจ้าทะลวงขั้นพลังได้ พูดไปแล้วก็นับว่าเป็นโชคชะตาของพวกเจ จ้าเช่นกัน”
“นายท่าน เช่นนั้นพวกเราจะไปกันเมื่อใดและจะไปกันอย่างไรหรือ” หลัวอวี่ถามด้วยความสงสัย พวกเขาขึ้นไปได้เพียงหนึ่งร้อยขั้นเท่านั้น ไม่อาจขึ้นไปได้สูงกว่านั้นแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น นายท่านจะพาพวกเขาขึ้นไปบนบันไดสู่แดนเซียนอย่างไรกันนะ?
เฟิ่งจิ่วยิ้มบางๆ “เรื่องนี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ความลับเรื่องห้วงมิติ ย่อมไม่สามารถบอกพวกเขาได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องพาพวกเขาไป พวกเขาก็ต้องอยู่ในสภาพไร้สติสัมปชัญ ญญะก่อนจึงจะพาเข้าไปในห้วงมิติ
วันนี้พวกเขากินดื่มอย่างสำราญ จากนั้นก็พักผ่อน กระทั่งเช้าวันต่อมา เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็พาพวกเขาไปจากที่นี่ มุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก
มองดูพวกเขาจากไป ผู้ฝึกตนเหล่านั้นต่างก็คิดกันไปว่าพวกเขาคงจะกลับกันแล้ว เพียงแต่นึกสงสัยว่าเหตุใดชายชุดคลุมสีดำจึงไม่ขึ้นไปเล่า? ยังมีหญิงชุดแดงคนนั้นอีก ดูจากที่นาง งขึ้นลงบันไดสู่แดนเซียนได้ตามอำเภอใจ นางน่าจะขึ้นไปได้อย่างไม่มีปัญหา เหตุใดจึงแค่เฝ้ามองคนพวกนั้นเล่า?
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา ตอนที่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง พวกเขาก็เห็นเงาร่างหนึ่งดำหนึ่งแดงเดินขึ้นไปบนบันไดสู่แดนเซียน…