เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2889 อย่าพูดจาเหลวไหล / ตอนที่ 2890 พบหวันเหยียนเชียนหวาอีกครั้ง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2889 อย่าพูดจาเหลวไหล / ตอนที่ 2890 พบหวันเหยียนเชียนหวาอีกครั้ง
ตอนที่ 2889 อย่าพูดจาเหลวไหล
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจเขา เพียงหันไปพูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “พวกเราไปกันเถอะ! ที่นี่ไม่ค่อยดีนัก”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็สูดหายใจ ที่นี่ไม่ค่อยดี? ที่นี่เป็นสำนักเซียนเชียวนะ ผู้ฝึกตนมากมายต่างก็แย่งชิงกันเพื่อจะเข้ามา แต่พวกเขากลับบอกว่าไม่ค่อยดี?
“นี่ๆ อย่าเพิ่งไปสิ!” ผู้อาวุโสหลิงมู่เข้าไปขวางทาง “ไปกับข้า ไปที่เขาของข้า หากไปที่นั่นจะไม่มีใครกล้าไม่เคารพพวกเจ้า ดีหรือไม่? ไปกันเถอะ”
เฟิ่งจิ่วมองเด็กน้อยที่สูงเท่าเอวของนางพูดจาเช่นนี้ ก็ได้แต่รู้สึกแปลกๆ แม้จะรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นตาเฒ่าที่อายุร้อยปีกว่าแล้ว แต่สิ่งที่มองเห็นก็ยังทำให้นางรู้สึกว่านี่ เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ผู้อาวุโสหลิงมู่ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วๆ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะจำชื่อข้าได้ด้วย” เห็นได้ชัดว่าเขาดีใจมาก มองเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตายิ้มแย้ม
“คืออย่างนี้ ข้าไม่ได้คิดจะกราบเป็นศิษย์ของใคร ฉะนั้นจึงจะไม่รั้งอยู่ที่นี่นาน อีกอย่างข้ารู้สึกไม่ดีกับที่นี่” นางเอ่ยยิ้มๆ ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา
ได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสหลิงมู่รู้ทันทีว่าการที่เซียนทั้งหลายไม่ยอมเข้าไปห้ามปรามทำให้นางโกรธ เขาลอบทอดถอนใจ เด็กคนนี้แค่ก้าวเดียวก็สามารถก้าวข้ามประตูแสงนิลได้แล้ว แต่ ก็ไม่ยอมข้ามมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ
และเพราะเข้าใจจุดนี้ พวกเขาจึงอยากจะรับมาเป็นศิษย์ของตนเอง แต่ใครจะรู้ วันนี้พวกเขามาถึงตอนงานประลองประจำปีของสี่สำนักใหญ่พอดี ยามนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ดูท่าพวก กเขาคงรั้งคนคนนี้เอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ เขาพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนี้ ก็ได้! ข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้าแล้ว”
ผู้อาวุโสที่เป็นหญิงงามเห็นสถานการณ์จึงเอ่ยว่า “ข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้าเหมือนกัน แต่เฟิ่งจิ่ว ที่เขาของข้าดีมากจริงๆ นะ เจ้าจะไม่พิจารณาอีกหน่อยจริงๆ หรือ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส ไม่จำเป็นต้องพิจารณาแล้ว” นางส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่างนั้นก็ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะส่งพวกเจ้าลงเขาเอง!” ผู้อาวุโสหญิงงามเสนอตัว ขณะกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ช้าก่อน!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้น เดินเอามือไพล่หลังเข้ามา ก่อนเอ่ยว่า “หากปล่อยคนที่ทำร้ายผู้อาวุโสในสำนักของเราไปง่ายๆ เช่นนี้ สำนักของเราจะไม่กลายเป็นตัวตลกหรือ!”
“ทำไม? คิดจะรั้งพวกข้าไว้ไม่ให้ไปเช่นนั้นหรือ พวกท่านเป็นผู้อาวุโสของสำนักเซียนจริงหรือ” เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองด้วยหางตา ก่อนจะหันไปมองชายวัยกลางคนด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ ม
“ง่ายมาก ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเอาชนะผู้อาวุโสคนหนึ่งได้แล้ว ขอเพียงรับคำท้าและเอาชนะพวกข้าอีกสองคนได้ อย่างนั้นพวกเจ้าย่อมไปได้ พวกเราจะไม่ขัดขวางอีก แต่ว่า หากแพ้แล้ว…”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างแฝงความหมาย “หากแพ้ พวกเจ้าสองคนต้องคารวะข้าเป็นอาจารย์! และเป็นศิษย์ในสำนักของพวกข้า”
ผู้อาวุโสหลิงมู่ได้ยินก็กระทืบเท้า “เจ้าซื่อเชวียตัวดี! เจ้าคิดจะแย่งคนของข้ารึ! ข้าพูดแล้วพูดอีกพวกเขาก็ยังไม่ยอมคารวะข้าเป็นอาจารย์ เจ้ากลับใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ให้พวกเ เขาประลองกับตาเฒ่าอย่างพวกเจ้าสองคนเนี่ยนะ? เจ้าลองพูดด้วยหนังหน้าหนาๆ ของเจ้าดูสิ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไรแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่เดินเอามือไพล่หลังได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขากระแอมเบาๆ ก่อนตำหนิว่า “หลิงมู่ เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
………………………………….
ตอนที่ 2890 พบหวันเหยียนเชียนหวาอีกครั้ง
“ใช่แล้ว หลิงมู่ อย่าพูดจาเหลวไหล!” ชายวัยกลางคนอีกคนเอ่ยตำหนิผู้อาวุโสหลิงมู่ด้วย ทั้งสองเป็นศิษย์พี่ของเขา มีศักดิ์สูงกว่าเขา ย่อมสามารถตำหนิเขาได้
ผู้อาวุโสหลิงมู่ถูกพวกเขาสองคนตะคอกตำหนิเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่ำ ก่อนเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ก็ได้ๆ แล้วแต่พวกท่านเถอะ ข้าจะดูอยู่เฉยๆ!”
ผู้อาวุโสหญิงงามเห็นดังนั้นก็ยกมือปิดปากยิ้มๆ “ศิษย์พี่ซื่อเชวีย นี่ดูจะไม่ค่อยยุติธรรมกระมัง! ใครบ้างไม่รู้ว่าวรยุทธ์ของท่านกับศิษย์พี่มู่ซินสูงที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสรุ่ นเรา? พวกท่านสู้กับพวกเขาสองคน อย่างไรก็ชนะแน่ไม่ใช่หรือ”
“อาจารย์ของข้าพูดถูก นี่เท่ากับใช้ความอาวุโสบีบบังคับไม่ใช่หรือ ข้าอยู่ในสำนักมาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าผู้อาวุโสซื่อเชวียเป็นคนอย่างนี้!”
น้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มหนึ่งดังขึ้น ครั้นได้ยินเสียงนั้น บรรดาศิษย์ที่อยู่ข้างล่างต่างก็ลิงโลด “อาจารย์อาหวันเหยียน!”
“อาจารย์อาหวันเหยียนมาแล้ว! นึกไม่ถึงว่านางจะมาด้วย!”
“ว่ากันว่าอาจารย์อาหวันเหยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ ปกติไม่ค่อยปรากฏตัว ไม่นึกเลยว่าวันนี้นางจะมาด้วย”
“ดีเหลือเกิน ข้าอยากเจออาจารย์อาหวันเหยียนมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็จะได้เชยชมใบหน้าอันงดงามของอาจารย์อาหวันเหยียนแล้ว!”
เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ข้างล่างต่างก็แตกตื่นฮือฮา สถานการณ์ที่ตอนแรกเงียบงันแปรเปลี่ยนเป็นคึกคัก แต่ละคนหันไปมองทางต้นเสียง
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินเสียงนั้นก็ให้รู้สึกคุ้นหู ขณะกำลังครุ่นคิด ก็เห็นเงาร่างสีแดงขี่หงส์เซียนเข้ามา ชายกระโปรงสีแดงปลิวสะบัดตามแรงลม เส้นผมสี หมึกสยายเบาๆ มองแวบแรก เฟิ่งจิ่วก็พลันตื่นเต้นดีใจ รีบโบกมือเรียกผู้มาใหม่ทันที
“พี่สาว!”
ผู้มากลับเป็นหวันเหยียนเชียนหวา คนที่นางร่วมสาบานเป็นพี่น้องด้วย! มิน่าเล่านางถึงไม่เคยได้ยินข่าวคราวของอีกฝ่ายเลย ที่แท้นางก็มาที่นี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนึกไม่ถึงเลยว่า จะมาเจอกันที่นี่
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วจึงหันไปมองหญิงคนนั้น หวันเหยียนเชียนหวา อาจิ่วเคยเล่าให้เขาฟังว่านางเป็นพี่สาวร่วมสาบาน เพียงแต่แม้เวลาผันผ่านก็ยังไม่มีวาสนา าได้พบกัน นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันที่นี่
แต่ก่อนอาจิ่วเล่าให้ฟังว่าหวันเหยียนเชียนหวาเป็นคนดีมาก ยามนี้เมื่อเพ่งมอง หญิงสาวในชุดสีแดงบนหลังหงส์เซียนนั้นนับเป็นหญิงงามที่หาตัวจับยากจริงๆ แม้นางจะใส่ชุดสีแดงเ เหมือนกับอาจิ่ว แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
หวันเหยียนเชียนหวาที่นั่งอยู่บนหลังหงส์ฟ้ามองเห็นเงาร่างสีแดงสะดุดตาที่ยืนอยู่บนเวทีตั้งแต่แวบแรก ดวงหน้างดงามนั้นยังคงดูคุ้นเคย กลีบปากของนางแย้มยกเผยเป็นรอยยิ้ม น นางตบหัวหงส์เซียนเบาๆ ก่อนที่มันจะบินลงไปบนเวที
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
หวันเหยียนเชียนหวาเห็นนางก็รีบเข้ามากอด ทว่าพอหน้าอกนิ่มๆ ของนางสัมผัสถูกหน้าอกแบนราบและแข็งของเฟิ่งจิ่ว นางก็ก้มหน้าลงด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปลูบคลำ ดู “เอ๊ะ? หน้าอกของเจ้าเล่า เวรกรรมจริงๆ! เจ้ารัดมันจนแบนราบเลยหรือ อึดอัดแย่เลยนะ”
เฟิ่งจิ่วหน้าดำทะมึนไปทันที นางยังไม่ทันตั้งตัว พี่สาวของนางกลับจับหน้าอกของนางต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ ทำเอานางไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่บนเวทีต่างก็มุมปากกระตุก พวกเขาเบนสายตาออกไปอย่างประดักประเดิด ก่อนจะกระแอมเบาๆ ลอบคิดในใจว่า ‘คนจากเขาหิมะหยกไม่มีใครปกติสักคนเลยจริงๆ’