เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2893 สองต่อสอง / ตอนที่ 2894 เป็นไปได้อย่างไร
ตอนที่ 2893 สองต่อสอง
เวลานี้ พวกเขาสองคนนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วกำลังขุดหลุมพรางสำหรับพวกเขาอยู่ เพราะพวกเขาไม่คิดจริงๆ ว่าวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิงจิ่วจะแข็งแกร่งไปกว่าพวกเขา แม้เป็นผู้ฝึ กตนระดับเซียนสวรรค์เหมือนกัน แต่สองคนนั้นไม่มีทางสู้พวกเขาได้แน่นอน
หวันเหยียนเชียนหวาเห็นดังนั้น นางหันไปมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง เห็นเฟิ่งจิ่วยิ้มให้นางจึงวางใจ จากที่นางรู้จักเฟิ่งจิ่วมา อีกฝ่ายจะไม่มีทางทำเรื่องที่ตนเองไม่มั่นใจ ในเมื่อ อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน!
เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่มีคำถามต่อคำพูดของเฟิ่งจิ่ว สายตาของเขาจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสทั้งสอง เห็นพวกเขาลังเลจึงถามว่า “ทำไมเล่า พวกท่านไม่กล้าหรือ”
“เหลวไหล! พวกข้าจะไม่กล้าได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสมู่ซินแค่นเสียงขึ้นจมูก จ้องเซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เอ่ยว่า “ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ต่อหน้าฟ้าดินเป็นพยาน วันนี หากข้ามู่ซินพ่ายแพ้จะคารวะผู้ชนะเป็นอาจารย์! หากข้าผิดคำพูด ขอให้ฟ้าดินลงโทษ!”
ซื่อเชวียเองก็พูดตาม “ข้าซื่อเชวียเองก็เช่นกัน หากว่าพ่ายแพ้จะคารวะผู้ชนะเป็นอาจารย์ หากผิดคำพูดขอให้ฟ้าดินลงโทษ!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วมองหน้ากันยิ้มๆ ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “ข้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เฟิ่งจิ่ว หากพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้จะคารวะผู้ชนะเป็นอาจารย์ หากผิดคำพูดขอใ ให้ฟ้าดินลงโทษ!”
“ดี!” ซื่อเชวียกับมู่ซินตะโกนขึ้นพร้อมกัน ก่อนเอ่ยว่า “จำคำพูดของพวกเจ้าไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”
“แน่นอน” ทั้งสองรับคำ
ทว่าเซียนทั้งสี่ท่านและเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ กลับตะลึงตาค้างไปแล้ว ผ่านไปนานก็ยังตั้งสติไม่ได้ อยู่ดีๆ ก็สาบานต่อหน้าฟ้าดินเสียอย่างนั้น? เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?
บรรดาศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ข้างล่างก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทำไมจู่ๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างนี้? แต่พวกเขากลับรู้ดีว่าสุดท้ายผู้อาวุโสจากสำนักจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ด้วยเ เหตุนี้ทุกคนจึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเพราะคำสาบานต่อหน้าฟ้าดินนี้ พวกเขาโห่ร้องให้รีบเริ่มการประลอง
เห็นผู้คนเบื้องล่างตื่นเต้นฮือฮา เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก ก่อนหันไปเอ่ยกับหวันเหยียนเชียนหวาว่า “พี่สาว ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
หวันเหยียนเชียนหวาเดินเลี่ยงมากับนางที่ด้านหนึ่ง ก่อนถามว่า “มีอะไรหรือ”
“พี่สาว โอกาสดีขนาดนี้ เรามาพนันกันเถอะ!” เฟิ่งจิ่วมองนางด้วยดวงตาเป็นประกาย แฝงแววตื่นเต้น “ข้าเห็นศิษย์พวกนี้ล้วนมีเงิน บนกายน่าจะมีสมบัติล้ำค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวกศิ ลาดาราหรืออะไรทำนองนั้น ล้วนเอามาวางเดิมพันได้”
ได้ยินอย่างนั้น หวันเหยียนเชียนหวาก็ตะลึงไป ก่อนจะยิ้มบอกว่า “ได้ เจ้าระวังตัวหน่อย เรื่องหลังจากนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าก็แล้วกัน” นางเอ่ย ก่อนจะตบหลังมือเฟิ่งจิ่วเบาๆ แล้ วเดินไปที่ด้านหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วเดินมาหยุดยืนข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อ มองซื่อเชวียกับมู่ซิน พลางถามว่า “พวกท่านอยากจะสู้อย่างไร หนึ่งต่อหนึ่ง หรือสองต่อสอง”
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าช่างใจกล้าไม่เบา ไม่นึกว่าจะให้สิทธิ์ในการเลือกเป็นของพวกข้า” ผู้อาวุโสซื่อเชวียหันไปมองเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองมู่ซินที่อยู่ ข้างๆ ก่อนถามว่า “เจ้าว่าอย่างไร”
“ได้ทั้งนั้น สองต่อสองก็ได้ ถึงตอนนั้นพวกเราเลือกกันคนละคนให้พวกเขาคารวะพวกเราเป็นอาจารย์ก็พอ” มู่ซินกล่าว เห็นได้ชัดถึงความมั่นใจในชัยชนะ ไม่ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อหรือเฟิ่งจ จิ่ว พวกเขาล้วนต้องยอมรับว่าสองคนนี้โดดเด่นมาก
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ก็ดีนะ! อย่างนั้นสองต่อสองก็แล้วกัน! จะได้จบเร็วๆ”
เมื่อนางพูดจบ เวทีสูงก็ลอยขึ้นมา
………………………………….
ตอนที่ 2894 เป็นไปได้อย่างไร
ผู้ฝึกตนสองคนนั้นที่ถอยไปยืนข้างเวทีในตอนแรก ก็กระโดดลงจากเวที ไปยืนดูอยู่ด้านหนึ่ง
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นอย่างนั้นในดวงตาก็พลันปรากฏเป็นแววตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกัน หวันเหยียนเชียนหวาก็เอ่ยขึ้น “ข้าจะเปิดการเดิมพัน พนันว่าพวกเขาสองฝ่ายใครจะเป็นผู้ชนะ ใครสนใจก็มาร่วมเดิมพันได้”
เหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนเวทีสูงเห็นแล้วต่างก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “หวันเหยียนเชียนหวาผู้นี้ช่าง…”
“ช่างอะไรหรือ ศิษย์ของข้าไม่เคยทำให้ข้าเป็นห่วง ก็แค่การเดิมพันเล็กๆ ครั้งหนึ่ง ทำไมเล่า พวกท่านมีความเห็นอย่างอื่นหรือ” ผ้อาวุโสเสวี่ยอวี้ชำเลืองมองคนที่พูดขึ้น ทำท่าทา างเหมือนว่าหากอีกฝ่ายยังพูดต่อไป นางก็จะสู้กับเขาให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
ผู้อาวุโสคนนั้นเห็นท่าทางของนาง จึงไม่พูดอะไรอีก มีใครบ้างไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้คนนี้เป็นผู้ที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย ทั้งยังแค้นฝังหุ่นมาก หากถูกนางหมายหัว ใครจะกล้ ารับประกันได้บ้างว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เฟิ่งจิ่วเห็นหวันเหยียนเชียนหวาเปิดพื้นที่ว่างข้างล่าง จากนั้นก็เขียนชื่อของผู้ประลองทั้งสองฝ่ายให้คนมาลงเดิมพัน เห็นจุดที่เขียนชื่อของผู้อาวุโสสองคนนั้นมีสมบัติกองขน นาดเท่าภูเขาย่อมๆ นางอดหรี่ตาไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “คนที่นี่ร่ำรวยกันจริงๆ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหันมองแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “วันนี้พวกเราหาเงินได้เยอะแล้ว”
“อืม ข้าก็คิดเหมือนกัน” นางยิ้มพลางพยักหน้า ไม่เพียงได้คนที่พวกเขาจะเรียกว่าลูกศิษย์เพิ่มมาสองคน ยังจะได้เงินเดิมพันกองใหญ่ ทั้งยังสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้อีกด้วย อื ม การต่อสู้ครั้งนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ
“ระวังตัวด้วย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำชับ
“อืม ข้ารู้” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะเว้นระยะห่างจากเขา แล้วหันไปมองผู้อาวุโสสองคนนั้นก่อนกล่าวว่า “เริ่มได้แล้วกระมัง”
ผู้อาวุโสองคนนั้นหันไปมองเซียนในสำนัก เซียนผู้นั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “หยุดเมื่อถึงจุดที่ควรหยุด อย่าให้ถึงแก่ชีวิต เริ่มเถอะ!” พูดจบ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสหรือบรรดาศิษย ย์ทั้งหลายที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างก็เงียบเสียงลง แต่ละคนกลั้นหายใจมองสี่คนบนเวที
นี่เป็นการประลองสองต่อสอง หนำซ้ำสองคนในนั้นยังเป็นผู้อาวุโสที่วรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในสำนักอีก แม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่เวลานี้ก็ยังอดตื่นเต้นและตั้งตารอไม่ได้
สองผู้อาวุโสออกหน้าเอง จะเป็นการประลองที่ดุเดือดขนาดไหนกันนะ?
ชั่วพริบตาหนึ่ง ทุกคนรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เห็นเพียงรอบกายของทั้งสี่คนบนเวทีมีแรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายออกมา แรงกดดันขุมนี้กระจายไปในอากาศและจับตัวกันอยู่บนเวที แม้แต่ ผู้คนเบื้องล่างก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันที่อยู่รอบตัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วไม่เหมือนเดิมแล้ว
“พวกเจ้าดูนั่น กลิ่นอายรอบตัวสองคนนั้นทำไม ทำไมถึงเปลี่ยนไปแล้ว?”
“นั่นสิ! เหมือนจะ…เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว?”
“เหมือนจะแข็งแกร่งมาก หนำซ้ำ ยังไม่ด้อยกว่าผู้อาวุโสทั้งสองด้วย!”
บรรดาศิษย์ที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างตื่นตะลึงและตื่นเต้น คล้ายคาดไม่ถึง ขณะเดียวกันเมื่อผู้อาวุโสทั้งสองบนเวทีรวมไปถึงเซียนสี่ท่านนั้น เห็นแรงกดดันและกลิ่น นอายที่กระจายออกมารอบตัวเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ต่างก็พากันตกตะลึง พวกเขาลุกพรวดขึ้นมาก่อนอุทานอย่างลืมตัว
“นะ…นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!”