เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2901 เลื่อมใสอย่างสุดจิต / ตอนที่ 2902 สมบัติมีค่า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2901 เลื่อมใสอย่างสุดจิต / ตอนที่ 2902 สมบัติมีค่า
ตอนที่ 2901 เลื่อมใสอย่างสุดจิต
เมื่อพวกเขาขี่กระบี่เหาะออกไป เหล่าคนที่อยู่บนเวทีต่างมองหน้ากัน เรื่องราวจบลงเพียงเท่านี้หรือ? สองคนนั้นได้เปรียบครั้งใหญ่โดยได้ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์สองคนไปเป็น นศิษย์ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ?
ต้องบอกก่อนว่า ซื่อเชวียกับมู่ซินไม่เพียงมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง อำนาจเบื้องหลังก็ไม่ได้น้อยเลย ตอนนี้ทั้งสองกลับกลายเป็นลูกศิษย์ของเด็กสองคนนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ราวกับฝันไปจริงๆ
ณ มุมหนึ่งด้านล่างเวที หวันเหยียนเชียนหวากำลังเก็บทรัพย์ที่มีขนาดเท่าภูเขาย่อมๆ อยู่ ขณะเดียวกันกับที่มีเสียงโอดครวญดังมาจากรอบข้าง
“ข้าวางเดิมพันด้วยเงินทั้งหมดที่ข้ามีไปแล้ว! ใครจะรู้ว่ากลับแพ้จนหมดตัวเสียได้…”
“ศิลาดาราของข้า! นั่นเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหนึ่งปีที่บ้านข้าให้มาเชียวนะ มันกลับหายไปในพริบตาเช่นนี้…”
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่านแพ้ได้อย่างไร? ทำไมพวกเขาถึงได้แพ้? ข้าก็คิดว่าพวกเขาจะชนะแน่แล้ว”
ศิษย์แต่ละคนโอดครวญอย่างหมดอาลัยตายอยาก จับจ้องไปที่ทรัพย์สินที่หวันเหยียนเชียนหวากำลังเก็บอยู่ สมบัตินานาชนิดที่กำลังส่องแสงวาววับอยู่เหล่านั้น พวกเขามองดูจนตาลาย ทรัพย์ส สมบัติมากมายขนาดนี้ กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว เห็นแล้วก็ปวดใจจริงๆ
“โอ้โห! สองคนนี้หาเงินได้ไม่น้อยเลยนี่!” ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้เดินมาหยุดข้างหวันเหยียนเชียนหวา เห็นทรัพย์สมบัติกองนั้นที่ถูกนางเก็บไว้ ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“อาจารย์ ข้าเอาของพวกนี้ไปให้พวกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก่อนนะ” หวันเหยียนเชียนหวาเอ่ย หลังจากคารวะอาจารย์ของตน ก็ขี่หงส์เซียนไปยังยอดเขาลูกหนึ่ง
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ คนของสี่สำนักใหญ่รู้ว่าการประลองประจำปีครั้งนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ เซียนทั้งสี่จึงหารือกัน ก่อนจะให้แต่ละคนพาลูกศิษย์ของตนเองแยกย้ายก กันกลับ
ในอีกด้านหนึ่ง ซื่อเชวียกับมู่ซินพาเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วมาถึงด้านหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ทั้งสองหยุดเดิน ก่อนเอ่ยว่า “อาจารย์ทั้งสองพักที่ถ้ำนี้ก่อนเถอะ! ข้างในมีข้าวของเ เครื่องใช้ค่อนข้างครบครัน ส่วนของเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่น ไว้พวกข้าจะให้ลูกศิษย์ส่งมาให้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองถ้ำแห่งนั้นแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าพูดกับเฟิ่งจิ่วว่า “ที่นี่ไม่เลว เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณ อีกทั้งรอบข้างก็ไม่ถ้ำอื่นอยู่ บรรยากาศดูสงบเงียบ”
“อืม ในเมื่อท่านพอใจ พวกเราก็พักที่นี่สักสองสามวันแล้วค่อยไป” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย ขณะเดียวกันก็พิจารณาถ้ำตรงหน้าด้วย
“ดี” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเผยรอยยิ้มขณะตอบรับ ก่อนจะพาเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปข้างใน ส่วนซื่อเชวียกับมู่ซินที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามมาเช่นกัน
“อาจารย์ ไว้ข้าจะส่งลูกศิษย์สองคนมาคอยปรนนิบัติ หากอาจารย์ต้องการอะไร สั่งศิษย์ชั้นล่างเหล่านั้นให้ไปทำได้”
“อืม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ เขาจูงมือเฟิ่งจิ่วเดินไปข้างใน ก่อนหันไปเอ่ยกับสองคนข้างหลัง “ให้คนเตรียมอาหารมาหน่อย อีกอย่างตอนที่พวกข้าอยู่ที่นี่ หากไม่มีคำสั่งก็ห้ามเข้ ามาในถ้ำ”
“ขอรับ” ทั้งสองรับคำ พวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง มู่ซินถอยออกไปก่อน เพื่อหาคนมาคอยปรนนิบัติทำงานจิปาถะ
ซื่อเชวียตามหลังทั้งสองคนไป เห็นสองคนที่เดินจูงมืออยู่ข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนใจ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ! วันหนึ่งเขาจะพ่ายแพ้ให้กับอาจารย์ที่เด็กกว่าตนขนาดนี้ สองคนน นี้มีวรยุทธ์เหนือชั้นกว่าเขาเสียอีก
เฟิ่งจิ่วมองสำรวจภายในถ้ำ ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ข้างในนี้ดูกว้างขวางมาก เอาล่ะ! เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ไม่ต้องคอยตามพวกข้าแล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 2902 สมบัติมีค่า
“ขอรับ ซื่อเชวียขอลา” เขาคารวะ ก่อนจะถอยออกไป
หลังจากเขาถอยออกไปได้ไม่นาน หวันเหยียนเชียนหวาก็มาถึง “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”
“พี่สาว!” เฟิ่ง่จิ่วได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา พอเห็นนางก็รีบดึงให้เข้าไปในถ้ำ ก่อนยิ้มกว้างบอกว่า “พี่สาว เมื่อครู่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน มา พวกเราเข้าไปข้างในกัน”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินสามคำนี้ กอปรกับนึกถึงพฤติกรรมจู่โจมหน้าอกของเฟิ่งจิ่วเมื่อครู่ของนาง สีหน้าก็พลันดำทะมึน เป็นหญิงสาวเหมือนกัน เหตุใดต้องเรียกกันเสียสนิทสนมปานนั้น ?
ครู่ต่อมา ก็เห็นเงาร่างสีแดงสองเงาเดินมา เขาลุกขึ้น ก่อนพูดกับหวันเหยียนเชียนหวาว่า “เชิญนั่ง”
ครั้นเห็นเขา หวันเหยียนเชียนหวาก็หันไปยิ้มกับเฟิ่งจิ่ว “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เขาเป็นบุรุษของเจ้า เจ้าก็เรียกข้าว่าพี่สาวแล้ว เขาก็ควรเรียกข้าว่าพี่สาวด้วยหรือไม่”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมุมปากกระตุก หนังตาเต้น ก่อนจะพูดกับกับทั้งสอง “พวกเจ้าคุยกันเถอะ! ข้าไปพักผ่อนก่อน”
เฟิ่งจิ่วรับคำยิ้มๆ ก่อนจะดึงหวันเหยียนเชียนหวานั่งลง “ท่านพี่ ท่านก็อย่าแกล้งเขาเลย ท่านดูเขาเหมือนคนที่จะเรียกใครว่าพี่สาวได้หรือ จริงสิ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ร ข้ายังคิดอยู่เลยว่าเหตุใดจึงไม่ได้ข่าวคราวจากท่านเลยตอนอยู่ที่นั่น”
“ทางนี้ก็มีคนของตระกูลหวันเหยียนอยู่เหมือนกัน ข้าก็เลยมาน่ะ” นางอธิบายสั้นๆ ก่อนพูดอีกว่า “ข้าคารวะท่านอาจารย์มาก็สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ข้าไม่เหมือนพวกเจ้าที่มาถึงก็สร ร้างเรื่องเอิกเกริกไปทั่วทั้งสี่สำนักเซียนใหญ่หรอกนะ ซ้ำยังเอาชนะและได้ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์สองคนมาเป็นศิษย์อีก”
พูดมาถึงตรงนี้ นางแย้มยิ้มจนเรียวคิ้วงามโค้งเล็กน้อย “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเก็บสมบัติล้ำค่าได้ ซื่อเชวียกับมู่ซินเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเ เดียวกันแล้ว อีกทั้งพวกเขายังมีตระกูลทรงอำนาจคอยหนุนหลังด้วย พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ มีศิษย์สองคนนี้อยู่ด้วยช่วยอำนวยความสะดวกได้มากทีเดียว”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเสียงลั่น “พวกข้าก็เอาตัวเองเป็นเดิมพันถึงได้ชนะได้และศิษย์สองคนนี้มา ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง โชคดีที่ชนะแล้ว หากแพ้ พวกข้าก็ต้องคารวะพวกเขาเป็นอาจารย์ เช่นกัน”
“ข้าเองก็ไม่นึกว่าวรยุทธ์ของเจ้าจะก้าวหน้าเร็วขนาดนี้ นี่ก็ถึงระดับเซียนสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว เหลือเชื่อจริงๆ” หวันเหยียนเชียนหวาถอนหายใจมองเฟิ่งจิ่ว นางจำได้ว่าตอนแรกที่ เจอเฟิ่งจิ่ว พลังของนางยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานนัก ไม่นึกว่าจะก้าวหน้าถึงระดับเซียนสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว
“ท่านพี่ ข้ากับโม่เจ๋อเพิ่งเคยมาที่นี่ ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก ท่านเล่าเรื่องที่นี่ให้ข้าฟังหน่อยเถอะ! พวกข้าตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่สองวัน จากนั้นก็จะออกไปหาที่พักข้างนอก!” เฟิ่ง งจิ่วว่า
“ถ้าเช่นนั้น! เจ้ารอประเดี๋ยว”
นางว่า ก่อนจะควานหาสิ่งของในแหวนมิติ สุดท้ายก็หยิบตำราเล่มหนาๆ ยื่นให้เฟิ่งจิ่ว “ให้ข้าเล่าคงเล่าได้ไม่ละเอียด เจ้าเอาไปอ่านดูเองก็แล้วกัน! นี่คือการแบ่งเขตของที่นี่ มีเขียนบอกถึงกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ อยู่ด้วย ข้างในยังมีแผนที่ของที่นี่แนบไว้อีกด้วย”
เฟิ่งจิ่วรีบรับมา “ที่แท้ก็มีตำราแบบนี้อยู่ด้วย สะดวกดีจริงๆ” หากมีตำราเล่มนี้ อยากรู้อะไรก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว
“อีกอย่าง” หวันเหยียนเชียนหวายิ้มขณะเอ่ย นางลุกขึ้น เดินไปยืนยังจุดที่ค่อนข้างโล่งก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ สมบัติล้ำค่ากองใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นที่โล่งนั่น
“เจ้าดูสิ เมื่อครู่เจ้าใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้สมบัติล้ำค่ามามากมายขนาดนี้แล้ว”
ครั้นเห็นสมบัติกองเท่าภูเขาขนาดย่อมที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ เฟิ่งจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจนตาเล็กหยี