เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2903 ศิษย์สองคน / ตอนที่ 2904 ถกเถียง
ตอนที่ 2903 ศิษย์สองคน
“ไม่น้อยเลยจริงๆ! คนพวกนี้นี่ใจกว้างไม่เบา” นางหัวเราะเสียงดัง ก่อนหันไปมองหวันเหยียนเชียนหวาพร้อมเอ่ยว่า “พี่สาว ท่านเอาของพวกนี้ไปส่วนหนึ่งเถอะ!” พูดยังไม่ทันขาดคำ นาง งก็ถูกเคาะศีรษะไปหนึ่งที
หวันเหยียนเชียนหวากลอกตาใส่นาง “หากพี่สาวเจ้าต้องการของพวกนี้ ย่อมมีคนส่งมาให้ถึงที่เอง ของพวกนี้น่ะ เจ้าเก็บไว้เองเถอะ!”
“อย่างนั้นท่านก็เหนื่อยเปล่าน่ะสิ” เฟิ่งจิ่วรู้สึกไม่ดีนัก
“พวกเราพี่น้องจำเป็นต้องพูดเช่นนี้ด้วยหรือ เอาล่ะ วันนี้เจ้าพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ข้าค่อยมาพาพวกเจ้าไปเดินดูรอบๆ” นางตบหัวเฟิ่งจิ่วเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “พักผ่อนเถอะ”
“ได้ ข้าไปส่งท่าน” นางพูด ก่อนจะส่งนางออกไปพร้อมหมุนตัวเดินกลับเข้ามา
ตอนกลับมา นางเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนมองกองสมบัติเหล่านั้น นางจึงยิ้มแล้วเดินเข้าไปคล้องแขนเขา “เป็นอย่างไร เงินเหล่านี้ได้มาง่ายหรือไม่”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหัวเราะในลำคอ “เจ้าเคยหาเงินยากตั้งแต่เมื่อใด” ยาหนึ่งเม็ดของนางราคาสูงลิ่ว สำหรับนางของพวกนี้หากอยากได้ก็เพียงแค่กระดิกนิ้ว ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
“ใช่แล้ว เมื่อครู่พี่สาวให้ตำราข้ามาหนึ่งเล่ม ท่านดูก่อนเถอะ!” นางยื่นตำราให้เขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับไป ก่อนถามว่า “พวกเขาที่อยู่ในห้วงมิติของเจ้าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าใช้เข็มเงินแทงที่จุดลมปราณไว้ พวกเขาไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก แต่ห้าวเอ๋อร์นั้นตอนหัวค่ำต้องอุ้มเขาออกมาป้อนอาหารหน่อย เขาจะได้ไม่หิว”
“ท่านบรรพจารย์” เสียงสองเสียงดังมาจากข้างนอก
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างนอก สองคนที่อยู่ในถ้ำก็มองหน้ากัน ก่อนที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อจะนั่งลงที่โต๊ะ ส่วนเฟิ่งจิ่วเดินออกไปดู พอมาถึงข้างนอกก็เห็นศิษย์หนึ่งหญิงหนึ่งชายในชุ ดสีเขียวยืนอยู่ ในมือยกของบางอย่างมาด้วย
เฟิ่งจิ่วมองแวบหนึ่ง ทั้งสองอายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี เด็กชายหน้าตาเฉลียวฉลาด เด็กหญิงหน้าตางดงาม ใบหน้ายังคงมีความอวบอิ่มเหมือนเด็กน้อย ดูแล้วน่ารักน่าชังยิ่งนัก
“ท่านบรรพจารย์” ทั้งสองเห็นเฟิ่งจิ่วออกมาก็รีบคารวะอย่างนอบน้อมพร้อมขานเรียก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ให้ศิษย์ทั้งสองเอาอาหารมาส่งให้พวกท่าน”
“อืม เข้ามาเถอะ!” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไป
ศิษย์ตัวน้อยสองคนเดินตามเข้ามาข้างใน ครั้นเห็นว่าข้างในยังมีชายชุดคลุมสีดำนั่งอยู่อีกคน ก็คารวะอีกครั้ง “ศิษย์คารวะท่านบรรพจารย์”
“อืม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ เพียงกวาดตามองพวกเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วนั่งลง มองดูทั้งสองจัดวางอาหารบนโต๊ะ หลังพวกเขาถอยไปยืนด้านหนึ่ง นางก็ถามขึ้นว่า “พวกเจ้าชื่ออะไรหรือ”
“เรียนท่านบรรพจารย์ ศิษย์อู่หยวน เป็นศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของอาจารย์ซื่อเชวีย เดิมทีท่านอาจารย์จะให้ศิษย์ชั้นล่างมาปรนนิบัติ แต่สุดท้ายก็ยังคงเลือกศิษย์ใต้อาณัติของเขา มา หากท่านบรรพจารย์ต้องการอะไร ล้วนสั่งให้อู่หยวนไปทำได้” เด็กหนุ่มพูดจาฉะฉาน
เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ก็รีบแนะนำตัวเช่นกัน “ท่านบรรพจารย์ ศิษย์เป็นลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของอาจารย์มู่ซินชื่อเคอหลิง ท่านอาจารย์ก็สั่งให้ศิษย์ปรนนิบัติทั้งสองท่านอย่างเต ต็มความสามารถเช่นกัน หากบรรพจารย์ทั้งสองท่านต้องการอะไร สั่งให้ศิษย์ไปทำได้เจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วพยักหัว “อืม พวกเจ้าไปรอข้างนอกเถอะ! หากไม่มีคำสั่งจากพวกข้าก็ไม่ต้องเข้ามา”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะคารวะแล้วเดินออกไป
“อันนี้ให้ห้าวเอ๋อร์กินได้ เมื่อครู่ข้าลองชิมดูแล้ว รสชาติไม่เลว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อตักรังนกถ้วยหนึ่งวางไว้ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว “อาหารที่ดูเรียบง่ายพวกนี้ กลับใช้เครื่องปรุงไ ไม่น้อยทีเดียว”
………………………………….
ตอนที่ 2904 ถกเถียง
“ข้าชิมหน่อย” เฟิ่งจิ่วกินไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้า “อืม น่าจะตุ๋นด้วยไฟแรง นับจากที่เรามาถึงที่นี่แล้วสั่งให้พวกเขาเตรียมอาหาร เดาว่าคงมีเวลาไม่พอให้ตุ๋นของพวกนี้ขึ้นมาได้ ข้าว่าน่าจะเป็นอาหารที่เตรียมไว้ให้พวกผู้อาวุโสในสำนัก”
นางยิ้มๆ มองอาหารบนโต๊ะก่อนพูดว่า “นึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสในสำนักพวกนี้จะอยู่ดีกินดีขนาดนี้! ท่านว่าพวกเราควรอยู่ที่นี่อีกสองสามวันหรือไม่”
“หากเจ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ อย่างนั้นพวกเราก็อยู่ต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยไป” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ นางกินรังนกไปหนึ่งถ้วย จากนั้นก็กินน้ำแกงไปอีกหนึ่งชาม ก่อนจะอุ้มห้าวเอ๋อร์ที่หลับอยู่ในห้วงมิติออกมา ขณะเดียวกันนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ร่ายเขตอาคมกั้นเ เสียง ทำให้เสียงในนี้ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปข้างนอกได้
เฟิ่งจิ่วคลายจุดลมปราณให้ห้าวเอ๋อร์ จากนั้นก็หยอกเล่นกับเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยตักรังนกป้อนเขา มองดูลูกชายที่ตัวอวบอ้วนขาวเนียน เฟิ่งจิ่วอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ จ้าหนูนี่อีกหน่อยจะกลายเป็นหมูน้อยหรือไม่นะ”
“ไม่หรอก หากเขาโตขึ้นอีกหน่อย พวกเราก็ค่อยสอนเขาฝึกวรยุทธ์” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก ก่อนดูเฟิ่งจิ่วป้อนข้าวให้ลูกอยู่ตรงนั้น
หลังจากกินเสร็จ นางจูงมือห้าวเอ๋อร์ฝึกเดิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นดังนั้นก็ถามว่า “อาจิ่ว เจ้าไม่ไปพักผ่อนหน่อยหรือ”
“ไม่ได้เหนื่อยมาก อีกอย่างถึงจะนอนก็นอนไม่หลับ มิสู้เล่นกับห้าวเอ๋อร์ดีกว่า” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย นางจูงมือห้าวเอ๋อร์เดิน พลางบอกว่า “มาๆ ลองก้าวดูสักก้าว ใช่ อย่างนี้แหละ อี กครั้งสิ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านหนึ่ง ครั้นหางตาเหลือบเห็นสมบัติกองนั้นยังไม่ถูกเก็บ จึงบอกว่า “เก็บของพวกนี้ก่อนเถอะ!”
“อ้อ ข้าลืมไปเสียสนิท” เฟิ่งจิ่วว่า มือหนึ่งจูงเด็ก อีกมือหนึ่งสะบัดแขนเสื้อ เก็บของพวกนั้นใส่ห้วงมิติ
ในถ้ำ เฟิ่งจิ่วจูงมือห้าวเอ๋อร์ที่พูดอ้อแอ้พร้อมกับฝึกเดินไปด้วย ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็นั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะ ทำความเข้าใจกลุ่มอำนาจบนแผ่นดินนี้
อีกด้านหนึ่ง
ในวิหารใหญ่ของสำนัก ผู้อาวุโสทุกท่านรวมถึงบุคคลสำคัญในสำนักล้วนอยู่กันพร้อมหน้า แม้แต่ซื่อเชวียกับมู่ซินก็นั่งอยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วย มู่หลิงกับเสวี่ยอวี้คอยดูสถานการณ์อ อยู่ข้างล่าง
“ท่านเซียน ให้พวกข้าทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพราะเรื่องอันใดกันแน่” ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าดวงตาแฝงรอยยิ้มกลับจ้องไปที่ซื่อเชวียและมู่ซิน
“เหอะ! นี่เจ้าถามทั้งที่รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ผู้อาวุโสหลิงมู่หัวเราะหยัน เหลือบมองนางแวบหนึ่ง
ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้ตวัดตามองเขา “เจ้านี่ปากมากจริง”
“เอาล่ะ เงียบกันให้หมด” ประมุขเซียนที่นั่งตำแหน่งสูงสุดยกมือสั่ง กวาดมองทุกคนในห้อง สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่ซื่อเชวียกับมู่ซิน ก่อนเอ่ยว่า “วันนี้ที่ให้ทุกท่านมา ไม่ใช่ด้วยเ เรื่องอื่นใด แต่เพราะต้องการถกประเด็นของเซวียนหยวนโม่เจ๋อและเฟิ่งจิ่ว”
“ท่านเซียน เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้วไม่ใช่หรือ ยังต้องถกกันอีกหรือ” ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้เอ่ยขึ้น ขณะมองประมุขเซียนที่อยู่บนที่นั่งสูงสุด
“นั่นสิ ซื่อเชวียกับมู่ซินกลายเป็นลูกศิษย์ของคนอื่นไปแล้ว เรื่องนี้ยังต้องถกอะไรกันอีกหรือ” หาได้ยากที่ผู้อาวุโสหลิงมู่กับผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้จะมีความเห็นตรงกัน
ประมุขเซียนที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ชำเลืองมองพวกเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะไปมองที่ซื่อเชวียกับมู่ซิน