เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2905 ลำบากใจ / ตอนที่ 2906 ท่านบรรพจารย์
ตอนที่ 2905 ลำบากใจ
“ผู้อาวุโสซื่อเชวียกับผู้อาวุโสมู่ซิน พวกท่านทั้งสองต้องเกลี้ยกล่อมอาจารย์ของพวกท่าน หากเป็นไปได้ให้พวกเขาอยู่ในสำนักเสีย ต้องรู้ไว้ว่าแม้เป็นผู้อาวุโสที่ได้รับการบูชาก็ ยังมีประโยชน์ต่อสำนักเซียนของเรา”
ยิ่งไปกว่านั้น วรยุทธ์ของพวกเขาประจักษ์แก่สายตาชาวโลกในสำนักเราเป็นที่แรก สำหรับพวกเขานี่ก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน พวกเจ้าจะต้องหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาอยู่ต่อให้ได้”
ซื่อเชวียกับมู่ซินที่ได้ยินดังนั้นแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อย พวกเขามองหน้ากัน ก่อนตอบประมุขเซียนว่า “ท่านเซียน การกระทำนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม อาจารย์ทั้งสองท่านไม่ใช่คนที่จะย ยอมอยู่ที่นี่นาน ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าจะพักที่นี่สองสามวันก็จะไปแล้ว ยามนี้พวกข้ากลายเป็นลูกศิษย์ของพวกเขา คำพูดของอาจารย์ เกรงว่าพวกข้าคงไม่อาจขัดขืน ฉะนั้นคำสั่งนี้ข ของท่าน เกรงว่าพวกข้าสองคนจะไร้ความสามารถทำตามได้”
ประมุขเซียนได้ยินคำตอบก็ขมวดคิ้ว “พวกเจ้าลองพยายามให้เต็มที่เถอะ! หากพวกเขาไม่ยอมอยู่ต่อจริงๆ ก็ช่างเถิด แต่หากยอมอยู่ต่อ ถึงแม้แค่เพียงในนาม สำนักเซียนของเราก็ไม่มีทาง เอาเปรียบพวกเขาอยู่แล้ว เจ้าลองเปรียบเทียบผลดีผลเสียให้พวกเขาฟัง จากนั้นก็ให้พวกเขาตัดสินใจเอง”
“ขอรับ”
ทั้งสองรับคำพร้อมกัน จากนั้นก็ฟังประมุขเซียนพูดถึงเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องการประลองของสี่สำนักใหญ่ในครั้งนี้
ทั้งสองฟังอย่างเหม่อลอย ลึกๆ ข้างในรู้สึกจนใจ พวกเขาสองคนพ่ายแพ้ให้กับเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว ตอนนี้หากมองจากมุมของพวกเขา ด้านหนึ่งก็อาจารย์ ด้านหนึ่งก็สำนัก กลืนไม ม่เข้าคายไม่ออกทั้งสองทาง ช่างชวนให้อับจนหนทางนัก เวลานี้จึงไม่มีแก่ใจจะสนใจเรื่องอื่น
เวลานี้พวกเขากำลังคิดว่า อาจารย์ทั้งสองที่พักอยู่ในถ้ำ หากรีบไปจากที่นี่เสียคงดี บางทีหากไปแล้วท่านเซียนคงจะไม่คิดหาผลประโยชน์จากพวกเขาอีก เขาสองคนก็จะได้ไม่ต้องลำบากใ ใจเช่นนี้
วันต่อมา หวันเหยียนเชียนหวามาถึงถ้ำที่พักของเฟิ่งจิ่วแต่เช้าตรู่ นางตะโกนเรียกโดยไม่เข้าไปข้างใน “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ตื่นหรือยัง วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเดินชมในสำนักของเรา ที่นี่ มีทิวทัศน์น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยเชียวนะ พี่สาวจะพาพวกเจ้าไปเปิดหูเปิดตาเอง”
ศิษย์ตัวน้อยสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ พอเห็นนางก็รีบคารวะ “คารวะอาจารย์อาหวันเหยียน”
หวันเหยียนเชียนหวามองพวกเขาแวบหนึ่ง “อ้อ พวกเขาส่งพวกเจ้าสองคนมาปรนนิบัติพวกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หรือ”
“ขอรับ ท่านอาจารย์ส่งพวกข้ามาปรนนิบัติบรรพจารย์ทั้งสองท่าน” ทั้งสองรับคำอย่างนอบน้อม
“อืม ปรนนิบัติให้ดีเล่า! ได้มาปรนนิบัติพวกเขาก็ถือเป็นโชคดีของพวกเจ้า” หวันเหยียนเชียนหวาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ / เจ้าค่ะ” ขณะกำลังจะรายงานคนในถ้ำ ก็เห็นเงาร่างสีแดงเดินออกมา
“ท่านบรรพจารย์” ทั้งสองรีบคารวะ
เฟิ่งจิ่วเดินออกมาจากในถ้ำ วันนี้นางยังคงใส่ชุดสีแดงทะมัดทะแมงเหมือนบุรุษ สีหน้าดูกระปรี้กระเปร่า ครั้นเห็นหวันเหยียนเชียนหวาก็ยิ้มพร้อมกับขานเรียก “พี่สาว ท่านมาเช้าจริงๆ ๆ!”
หวันเหยียนเชียนหวามองนางแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มพลางถามว่า “ทำไมมีแค่เจ้าคนเดียวเล่า เซวียนหยวนโม่เจ๋อล่ะ เขาไม่ไปด้วยกันหรอกหรือ”
เฟิ่งจิ่วยิ้มก่อนตอบว่า “เขาบอกว่าไม่ไป เขาจะอ่านตำราที่ท่านให้มาเมื่อวานให้จบ”
หวันเหยียนเชียนหวายิ้มๆ “ก็ได้ ในเมื่อเขาไม่ไป อย่างนั้นข้าพาเจ้าไปเดินเล่นก็แล้วกัน! ข้าจะพาเจ้าไปที่ยอดเขาของผู้อาวุโสซื่อเชวียก่อน ที่ยอดเขาของเขามีอะไรมากมาย เจ้าไม่ไป ปจะเสียดาย”
………………………………….
ตอนที่ 2906 ท่านบรรพจารย์
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “ก็ดี! พี่สาวโปรดนำทาง พวกเราไปเดินเล่นกัน”
เงาร่างสีแดงสองสายดูงดงามโดดเด่นเฉกเช่นเดียวกัน เมื่อเดินอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งเป็นภาพที่น่ารื่นรมย์ ทำให้เหล่าลูกศิษย์ในสำนักที่เห็นพวกนางสองคน ต่างก็ต้องหยุดเดินเพราะตก กตะลึงในความงาม
“งามเหลือเกิน!”
“ความงามของอาจารย์อาหวันเหยียนเชียนหวาเป็นที่ประจักษ์ในสี่สำนักเซียนใหญ่ แต่เฟิ่งจิ่วที่โผล่ออกมาเรียกอาจารย์อาหวันเหยียนว่าพี่สาวนั้นก็ช่างงดงามกระชากวิญญาณนัก หากเป ป็นสตรี จะเป็นโฉมสะคราญล่มเมืองเพียงใดกันนะ?”
ในสำนัก มีเพียงผู้อาวุโสพวกนั้นที่ดูออกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นสตรี ขณะที่ลูกศิษย์เหล่านั้นยังคงคิดว่าเฟิ่งจิ่วเป็นบุรุษ และเป็นบุรุษที่นิยมชมชอบเพศเดียวกันด้วย
ครั้นมาถึงยอดเขา แต่ละคนเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วก็ขานเรียกอย่างนอบน้อม “ท่านบรรพจารย์”
โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูกศิษย์บางคนที่อายุมากกว่านาง แต่กลับต้องคารวะอย่างนอบน้อมเมื่อเจอนาง จากนั้นก็หันไปมองหวันเหยียนเชียนหวาที่อยู่ข้างๆ เฟิ่งจิ่วก็หัวเราะเบาๆ
“พี่สาวคงไม่ได้พาข้ามาที่นี่เพื่อจะดูคนพวกนี้เรียกข้าว่าท่านบรรพจารย์หรอกกระมัง”
“หึๆๆ เจ้าทายถูกแล้วล่ะ เจ้าดูพวกเขาสิ แต่ละคนหากออกไปข้างนอกล้วนเป็นบุคคลสำคัญ ตอนนี้กลับดีนัก ผู้อาวุโสซื่อเชวียคารวะเจ้าเป็นอาจารย์ พวกเขาจึงได้กลายเป็นศิษย์รุ่นหลานของ งพวกเจ้า” หวันเหยียนเชียนหวาปิดปากยิ้ม “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าจะบอกเจ้า ที่ยอดเขาของผู้อาวุโสซื่อเชวียนี้มีสวนสมุนไพรมากมาย ในนั้นมีของดีไม่น้อยเลยล่ะ”
เฟิ่งจิ่วดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่าสวนสมุนไพร “จริงหรือ”
“แน่นอน ผู้อาวุโสซื่อเชวียเป็นผู้มีธาตุไม้ ยามว่างเขาเป็นคนดูแลสวนสมุนไพรพวกนั้นด้วยตนเองด้วยซ้ำ ยาทิพย์งอกงามดีมาก” หวันเหยียนเชียนหวาอธิบาย ก่อนจะพานางเดินไปอีกทาง และเอ่ยเสริมอีกว่า “แต่ว่านะ เขาก็หวงแหนมันมากเช่นกัน เขาปกป้องมันอย่างดีไม่ให้ใครแตะต้องเลยล่ะ”
เฟิ่งจิ่วยิ้มจนตาหยี “อย่างนั้นก็ต้องดูกันหน่อยว่าเป็นสวนสมุนไพรแบบใด จะว่าไปแล้ว คารวะอาจารย์ก็คารวะแล้ว พวกเขาสองคนกลับยังไม่เอาอะไรมาแสดงความกตัญญูต่อพวกข้าเลย”
“พวกเขายังไม่ได้เอาอะไรมาแสดงความกตัญญูต่อพวกเจ้าอีกหรือ ช่างไม่เหมาะสมเอาเสียเลย” หวันเหยียนเชียนหวายิ้ม “พวกเขาสองคนมีของล้ำค่ามากมาย วันหลังเจ้าต้องคิดบัญชีกับพวกเขาให ห้ดี”
“ดูสวนสมุนไพรก่อนก็แล้วกัน หากในสวนสมุนไพรมีของดี อย่างนั้นข้าก็เอาจากในนั้นนั่นล่ะ” เฟิ่งจิ่วว่า ก่อนจะเดินตามนางมาถึงจุดหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ถูกลูกศิษย์สอง คนขวางเอาไว้ก่อน
“อาจารย์อาหวันเหยียน หากเดินต่อไปก็จะเป็นสวนสมุนไพรของอาจารย์พวกข้าแล้ว สวนสมุนไพรเป็นสถานที่สำคัญ บุคคลภายนอกห้ามเข้าโดยพลการ”
หวันเหยียนเชียนหวาชำเลืองมองพวกเขาด้วยหางตา ก่อนยิ้มพร้อมถามว่า “บุคคลภายนอก? พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าอาจารย์ของพวกเจ้าแต่งตั้งบรรพจารย์ให้พวกเจ้าแล้วน่ะ”
“เอ่อ…รู้ขอรับ แต่นี่เกี่ยวอะไรกันด้วย?” ลูกศิษย์สองคนนั้นเฝ้าสวนสมุนไพรอยู่ที่นี่ตลอด จึงไม่ได้ไปดูการประลองที่ทำให้อาจารย์ของพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาได้ยินมาแค่ว่า อาจารย์ข ของพวกเขาแพ้การประลอง ด้วยเหตุนี้จึงคารวะผู้ชนะสองคนนั้นเป็นอาจารย์ เหมือนจะชื่อเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว เป็นผู้ที่มาจากโลกเบื้องล่าง
“เพราะคนที่จะเข้าไปก็คือบรรพจารย์ของพวกเจ้า แม้แต่อาจารย์ของพวกเจ้ายังไม่กล้าขัดขวาง พวกเจ้าสองคนไม่อยากอยู่แล้วหรือ ถึงได้กล้าขวางทางบรรพจารย์ของพวกเจ้าเช่นนี้”
“หา? บรรพจารย์?” ลูกศิษย์สองคนหันไปมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง ก่อนจะตะลึงจนตาค้าง พวกเขาได้ยินมาว่าหนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มรูปงามในชุดสีแดง คงไม่ได้หมายถึงเ เด็กหนุ่มตรงหน้านี่หรอกกระมัง?
บรรพจารย์อายุน้อยขนาดนี้เลยหรือ? ไม่ใช่กระมัง?