เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2911 ร้อนใจอย่างถึงที่สุด / ตอนที่ 2912 ยาเมฆาแดง
ตอนที่ 2911 ร้อนใจอย่างถึงที่สุด
แต่เขาปลูกยาทิพย์พันปีสามต้นนั้นไว้ท่ามกลางยาทิพย์ต้นอื่นๆ เช่นนั้นแล้วนางแยกยาทิพย์สามต้นนั้นออกได้อย่างไร? ซื่อเชวียสงสัย ในเวลานี้เอง เขาก็เห็นศิษย์คนหนึ่งวิ่งกระ ะหืดกระหอบเข้ามา พอเห็นว่าไม่ใช่ศิษย์ในยอดเขาของตนเอง จึงถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นศิษย์ของผู้ใด? มาทำอะไรที่นี่?”
มู่ซินหันไปมอง ก่อนถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ศิษย์ของเจ้าหรือ” ซื่อเชวียหันไปถามมู่ซิน
มู่ซินยิ้มตอบว่า “ใช่ เป็นศิษย์ที่เฝ้ากวางวิญญาณทองม่วงที่ยอดเขาของข้าเอง” ขณะกำลังตอบคำนั้นเอง รอยยิ้มพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้า เขารีบกระชากคอเสื้อของศิษย์คนนั้นก่อน นถามอย่างร้อนใจว่า “เจ้าอย่าบอกนะว่าบรรพจารย์ของพวกเจ้าไปที่ยอดเขาของเราแล้ว?”
“ขะ…ขอรับ” ศิษย์คนนั้นหอบหายใจก่อนจะรีบพยักหน้า เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตกใจจึงรีบรายงานว่า “ท่านอาจารย์ ท่านบรรพจารย์อยู่กับกวางวิญญาณทองม่วงขอรับ”
“ฟู่ว์!”
มู่ซินสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนปล่อยสาบเสื้อของศิษย์คนนั้น จากนั้นก็โบกมือพร้อมพูดราวกับปลอบใจตนเองว่า “ไม่เป็นไรๆ ที่ยอดเขาของข้าไม่ได้ปลูกยาทิพย์ไว้ อีกอย่างแม้จะมีจุดที่ เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ แต่ข้าก็ร่ายเขตอาคมและวางค่ายกลไว้แล้ว นางเข้าไปไม่ได้หรอก เข้าไปไม่ได้”
ศิษย์คนนั้นอ้าปากทำท่าจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก เขามองอาจารย์ของตนเอง สุดท้ายก็ฝืนพูดออกไป “ท่านอาจารย์ ทะ…ท่านบรรพจารย์เข้าไปแล้ว…”
“เข้าไปที่ไหน?” มู่ซินมองเขาด้วยหางตาขณะถาม
“เข้าไปในเขตอาคมที่กวางวิญญาณทองม่วงทั้งสองอยู่แล้วขอรับ” ศิษย์คนนั้นบอก ก่อนจะถอยหลังไปยืนอยู่มุมหนึ่งอย่างระมัดระวัง
“นางทลายเขตอาคมของข้าได้?” มู่ซินถลึงตา น้ำเสียงทุ้มต่ำถามขึ้นอย่างโกรธขึ้ง
“ปะ…เปล่าขอรับ ท่านบรรพจารย์ไม่ได้ทลายเขตอาคม เขาเพียงแค่เดินเข้าไป จะ…จากนั้นกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวก็เอาแต่วิ่งเล่นกับท่านบรรพจารย์ ดูสนิทสนมกับท่านบรรพจารย์มาก” ศิษย์คนนั้นพูดเสียงเบา เขาแอบมองอาจารย์ของตนแวบหนึ่ง เห็นเขาทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ จึงพูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยคว่า “จริงนะขอรับ ไม่เชื่อท่านอาจารย์ก็รีบกลับไปดูได ด้”
ซื่อเชวียที่อยู่ข้างๆ ได้ยินก็ตะลึงไปเช่นกัน กวางวิญญาณทองม่วงนั่นเขาก็รู้จัก พวกมันไม่ชอบเข้าใกล้มนุษย์ จะเล่นกับอาจารย์ของพวกเขาได้อย่างไร? ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง!
เขาจึงบอกมู่ซินว่า “พวกเรารีบไปดูกันดีกว่า! จะว่าไป ท่านอาจารย์นิสัยไม่ธรรมดา หากไปช้า ไม่แน่กวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นอาจถูกนางเอาตัวไปก็ได้”
มู่ซินได้ยินอย่างนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา รีบก้าวเท้าเหินออกไปทันที พลางคำรามว่า “นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าที่ข้าป้อนหยกป้อนทองมาตั้งแต่เด็กเชียวนะ ใครกล้าแย่งข้าไป ข้าจะคิดบัญชี กับคนนั้น!”
ซื่อเชวียเห็นอย่างนั้นก็รีบตามไปเช่นกัน
ทั้งสองกระวีกระวาดมุ่งหน้าไป กอปรกับท่าทางร้อนใจอย่างมากของมู่ซิน เพียงไม่นานข่าวก็แพร่ไปทั่วทั้งสำนัก บอกว่าอาจารย์ของซื่อเชวียกับมู่ซินขุดยาทิพย์พันปีสามต้นของซื่อเชว วียไป จากนั้นยังไปหากวางวิญญาณทองม่วงของมู่ซิน และดูท่าว่าจะถูกใจพวกมันเข้าแล้วด้วย…
ชั่วขณะนั้น คนทั่วทั้งสำนักพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีศิษย์ที่อยากรู้อยากเห็นตามหลังผู้อาวุโสทั้งสองไปอีกด้วย พวกเขาตั้งใจจะไปดูเหตุการณ์คึกคักทางด้านน นั้น
มู่ซินมาถึงจุดที่เลี้ยงกวางวิญญาณทองม่วงไว้ด้วยความเร็วดุจลมกรด พอเห็นศิษย์หลายสิบคนรุมล้อมกันอยู่ข้างหน้า ก็ตะคอกเสียงเกรี้ยว “มารุมกันทำไมตรงนี้? ยังไม่รีบถอยไปอีก!”
เสียงตะคอกดังขึ้น ศิษย์พวกนั้นรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แหวกเป็นทางเดินออกมาสายหนึ่ง
ผู้อาวุโสมู่ซินสาวเท้าไปข้างหน้า ครั้นเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ก็แทบจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้น…
………………………………….
ตอนที่ 2912 ยาเมฆาแดง
เห็นเพียงข้างในเขตอาคม เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงกำลังจะกลับออกมา แต่ใครจะรู้ว่ากวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นกลับงับเสื้อของนางเอาไว้ ไม่ยอมให้นางกลับ
ตอนที่เห็นภาพนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าความรู้ความเข้าใจที่ผ่านมานั้นล้วนผิดเพี้ยนไปหมด สวรรค์รู้ดีว่ากว่ากวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนี้จะยอมให้เขาลูบสักครั้งเขาต้องป้อนหยกป ป้อนทองให้พวกมันกินไปตั้งมากมายเท่าไร? แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? สมบัติล้ำค่าสองตัวนี้ของเขากลับไม่อยากให้เฟิ่งจิ่วจากไป?
บ้าไปแล้วหรือ? หรือว่ากินยาผิด?
“อย่ากัดสิ เดี๋ยวเสื้อคลุมข้าขาดขึ้นมายุ่งเลยนะ” เฟิ่งจิ่วพูดอย่างจนใจ ก่อนจะตบหัวกวางวิญญาณสองตัวนั้นเบาๆ “เด็กดี ปล่อยเร็วเข้า”
ใครจะรู้ว่ากวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นจะยิ่งกัดชายเสื้อของเฟิ่งจิ่วแน่นขึ้นไปอีก ซ้ำยังส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่อยากให้นางไป
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้าอย่างจนใจ ขณะมองออกไปนอกเขตอาคม ก็เห็นมู่ซินยืนอึ้งลูกตาแทบถลนออกจากเบ้าอยู่นอกเขตอาคม จึงตะโกนว่า “มู่ซิน เจ้ารีบมานี่”
ผู้อาวุโสมู่ซินเดินเข้าไปหา ก่อนถามว่า “นะ…นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? กวางวิญญาณทองม่วงของข้าทำไม ทำไมจึง…”
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ ก่อนพูดเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่รู้เหมือนกัน! ข้าเข้ามาก็เห็นเหมือนพวกมันชอบข้ามาก ดูเอาเถิด เจ้าก็เห็นแล้ว พวกมันไม่ยอมให้ข้าไป ข้าก็จนใจเหมือนกัน”
นางกลอกลูกตาไปมา ก่อนยิ้มบอกว่า “มู่ซิน เจ้าเลี้ยงกวางวิญญาณสองตัวนี้ไว้คงลงทุนลงแรงไปมากกระมัง”
มู่ซินฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาถามอย่างหวาดระแวง “อาจารย์คิดจะทำอะไร”
“ข้าคิดว่าเจ้าเลี้ยงกวางวิญญาณสองตัวนี้คงลำบากไม่น้อย จึงอยากจะช่วยเจ้า” นางยิ้มตาหยี
“ไม่รบกวนอาจารย์ดีกว่า ข้าเลี้ยงจนเคยชินแล้ว ไม่คิดว่าลำบากอะไร” เขาชิงพูด
“อย่างนี้เองหรือ! เช่นนั้นก็ได้!” เฟิ่งจิ่วยักไหล่ ก่อนบอกว่า “อย่างนั้นตอนนี้เจ้าช่วยทำให้พวกมันเลิกกัดชายเสื้อข้าได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสมู่ซินก้าวเข้าไป ก่อนจะเอาเหรียญทองวางไว้กลางฝ่ามือ “มา กินข้าว” แต่ใครจะรู้ กวางวิญญาณสองตัวนั้นกลับขยับหนีโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนกำลังหลบหลีกเขา ม มู่ซินมุมปากกระตุก เส้นเอ็นบนหน้าผากนูนปูดขึ้นมาอย่างชัดเจน
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับกวางวิญญาณทั้งสองว่า “ปล่อย พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”
ได้ยินอย่างนั้นกวางวิญญาณสองตัวจึงยอมปล่อยเฟิ่งจิ่ว ซ้ำยังส่งเสียงครางอยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องมาให้ได้นะ
“อาจารย์ ยาทิพย์พันปีสามต้นในสวนสมุนไพรของข้า ท่านคืนให้ข้าได้หรือไม่” ซื่อเชวียเดินเข้ามา เขาถามเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เฟิ่งจิ่วมองซื่อเชวียแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มถามว่า “เจ้าเป็นนักปรุงยาหรือ”
“เปล่า” ซื่อเชวียตอบ ก่อนพูดว่า “แต่ยาทิพย์สามต้นนั้น ศิษย์จะเอาไปขอให้เจ้าเขาแห่งยอดเขาโอสถช่วยกลั่นยาให้”
“ใช่ยาเมฆาแดงหรือไม่” เฟิ่งจิ่วถาม
ซื่อเชวียตะลึง ก่อนถามว่า “อาจารย์รู้จักหรือ”
เฟิ่งจิ่วยิ้ม ตอบว่า “ยาเมฆาแดงเป็นยาระดับแปด กลั่นจากยาทิพย์ร้อยแปดชนิด ในนั้นมียาทิพย์สิบชนิดที่ต้องมีอายุหนึ่งพันปีขึ้นไป”
นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองเขา แล้วพูดเสียงเนิบว่า “ยาเมฆาแดงหนึ่งเม็ดสามารถทำให้เส้นชีพจรของผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า แข็งแกร่งขึ้นสองเท่า และส สามารถทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับเซียนสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างสมบูรณ์ ทำให้ยกระดับพลังขึ้นไปได้อีกหนึ่งขั้น”
“อาจารย์รู้ได้อย่างไร…” ซื่อเชวียมองนางอย่างตกตะลึง ก่อนจะเห็นนางล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ เหรียญตราเหรียญหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาเหน็บไว้ที่หน้าอก ครั้นเห็นเหรียญตรานั่น เขาก็ ตกใจจนกรามแทบค้าง
………………………………….