เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2913 น้ำใจ / ตอนที่ 2914 ผู้สูงศักดิ์โอสถ
ตอนที่ 2913 น้ำใจ
“เหรียญตราผู้สูงศักดิ์โอสถ!”
เขาอุทานด้วยความตกใจ จ้องเหรียญตราตรงหน้าอกของเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ วรยุทธ์ของนางนับว่ายอดเยี่ยมจนเรียกได้ว่าวิปริตขนาดนั้นแล้ว ทว่านอกจากวรยุทธ์ นางยังเป็นผู้สูงศักดิ์โอสถอีกอย่างนั้นหรือ?
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด ก่อนจะบอกว่า “ช่วงนี้กำลังยุ่ง ยังไม่มีเวลาไปสอบเทียบที่สมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ อย่างไรเสียก็น่าจะถึงระดับเทพโอสถแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซื่อเชวียก็สะท้านไปทั้งร่าง รู้สึกว่าเลือดอุ่นร้อนพุ่งขึ้นไปรวมตัวกันที่หน้าผาก “เทพโอสถ? อาจารย์ถึงระดับเทพโอสถแล้วอย่างนั้นหรือ ชะ…เช่นนั้น…” เช่นนั้นยาที่นักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนหลอมขึ้นมาไม่ได้ นางก็สามารถทำได้น่ะสิ?
นึกมาถึงตรงนี้ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “อาจารย์ เช่นนั้นยาทิพย์สามต้นนั้นพอหรือไม่ หากไม่พอข้าจะไปเด็ดมาให้อีก ข้ายังมีหญ้าหิมะวิญญาณพันปีอยู่อีกหนึ่งต้น อาจารย์ ข้าจะไปเอามาแสดงความกตัญญูต่อท่าน”
ซื่อเชวียสมองขาวโพลนไปหมด เดาว่าเขาคงไม่รู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรออกมาบ้าง รู้แค่ว่าเขาได้คารวะอาจารย์ที่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ยาที่นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นหลอมออกมาไม่ได้ นางกลับสามารถทำได้
ตอนนี้เขาคิดเพียงอยากจะเอายาทิพย์ที่เขาเก็บสะสมไว้มามอบให้นางทั้งหมด เอาอกเอาใจนาง เพื่อที่ภายหน้าจะได้ขอร้องให้นางช่วยหลอมยาทะลวงขั้นพลังให้พวกเขาได้ หรือไม่ก็ยาที่ใช้ช่วยชีวิต
เห็นซื่อเชวียวิ่งออกไปเดี๋ยวนั้น มู่ซินที่อยู่ด้านข้างพลันตะลึงงัน ตั้งสติไม่ทันอยู่บ้าง “นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เขาจ้องเหรียญตราตรงหน้าอกของเฟิ่งจิ่ว ก่อนถามอย่างลังเลว่า “อาจารย์ ท่านเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้สูงศักดิ์โอสถจริงหรือ”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหรียญตรานี้ไม่ใช่ของปลอมหรอกนะ”
มู่ซินสูดหายใจ ก่อนถามว่า “ตะ…แต่ว่าท่าน ท่านเป็นผู้ฝึกตนพลังวิญญาณและพลังเร้นลับแล้วไม่ใช่หรือ ทะ…ทำไมยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้อีกเล่า อีกทั้งยังเป็นถึงระดับผู้สูงศักดิ์โอสถอีก”
เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้ม “อาจารย์ของเจ้ามีความสามารถมากมาย นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น พวกเจ้าได้คารวะข้าเป็นอาจารย์ นับว่าเป็นวาสนาของพวกเจ้าแล้วล่ะ”
มู่ซินอึ้งค้าง มองเฟิ่งจิ่วที่ยิ้มตาหยีอยู่ตรงหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอาจารย์คนนี้ช่างวิปริตเสียจริง ไม่แน่ว่าอาจเป็นเหมือนอย่างที่นางว่า ได้คารวะคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เป็นอาจารย์ อาจเป็นวาสนาของพวกเขาจริงๆ
นึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของซื่อเชวีย มู่ซินลังเลเล็กน้อยก่อนถามว่า “อาจารย์ ท่านชอบกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นหรือ”
“อืม เจ้าตัวน้อยสองตัวนั้นไม่เลว นับเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากจริงๆ” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า หันกลับไปมองกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้น
มู่ซินสูดหายใจลึกๆ ก่อนบอกว่า “ในเมื่ออาจารย์ต้องตา ศิษย์ขอมอบกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นให้อาจารย์เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู”
เขาเอ่ย ก่อนจะโบกมือสลายเขตอาคม กวางวิญญาณสองตัวนั้นรีบวิ่งมาอยู่ข้างเฟิ่งจิ่ว มู่ซินเห็นแล้วมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้
ร้ายดีอย่างไรก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี นึกไม่ถึงว่ากลับถูกคนที่เคยเห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียวซื้อใจไปเสียแล้ว แล้วเขาจะไม่ปวดใจได้อย่างไร?
“ถึงแม้ข้าจะเป็นอาจารย์ของเจ้า แต่อย่างไรก็ไม่สมควรแย่งสมบัติล้ำค่าสองตัวนั้นที่เจ้าเลี้ยงไว้มาเปล่าๆ หรอกนะ” เฟิ่งจิ่วว่า ก่อนจะเหลือบมองกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้น
มู่ซินยิ้มอย่างขมขื่น “ก็เพราะกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ศิษย์จึงได้มอบให้อาจารย์ อาจารย์รับไว้เถอะ! ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ จากศิษย์”
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วเม้มปากถามยิ้มๆ “จริงหรือ”
………………………………….
ตอนที่ 2914 ผู้สูงศักดิ์โอสถ
“แน่นอน” มู่ซินพยักหน้า แม้จะปวดใจแต่กลับไม่แสดงสีหน้าออกมาให้เห็น
เขาเลี้ยงกวางวิญญาณสองตัวนั้นมานานขนาดนี้ ให้กินหยกกินทองจนเติบโต แต่มาวันนี้กวางวิญญาณสองตัวนั้นกลับเอาแต่จ้องอาจารย์ของเขาไม่วางตา ไม่หันมามองคนที่เลี้ยงพวกมันมาคนนี้เลยแม้แต่แวบเดียว หัวใจของพวกมันไม่ได้อยู่ที่เขา แล้วเขาจะเก็บพวกมันไว้ทำไมอีก? ไม่สู้ถือโอกาสมอบให้เพื่อสร้างหนี้น้ำใจเสียดีกว่า
เฟิ่งจิ่วยิ้ม นางมองเขาแวบหนึ่งก่อนบอกว่า “ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น เช่นนั้นอาจารย์จะรับไว้ก็แล้วกัน” ขณะเอ่ย นางก็ขยับมือเล็กน้อย ก่อนที่ยาขวดหนึ่งจะปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
“ยานี้ให้เจ้าก็แล้วกัน! แม้จะไม่ได้มีฤทธิ์น่าทึ่งเหมือนยาเมฆาแดง แต่ก็สามารถช่วยให้เจ้าข้ามผ่านอุปสรรคในการทะลวงขั้นพลังตอนนี้ไปได้” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะหันไปมองหวันเหยียนเชียนหวาที่อยู่ด้านหนึ่ง
“พี่สาว พวกเรากลับกันเถอะ!”
“ได้” หวันเหยียนเชียนหวาเดินมาหา ก่อนหันไปมองกวางวิญญาณทองม่วงสองตัวที่อยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่ว นึกไม่ถึงว่าพานางออกมาครั้งนี้ จะได้สมบัติล้ำค่ากลับไปมากมายขนาดนี้
ด้วยเหตุนี้เอง หวันเหยียนเชียนหวาขี่หงส์ขาว ส่วนเฟิ่งจิ่วนั่งกวางวิญญาณตัวหนึ่ง อีกตัวเหยียบอากาศเหินขึ้นฟ้าอยู่ข้างๆ ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปยังถ้ำของเฟิ่งจิ่ว
มู่ซินกลับยังดึงสติกลับมาไม่ได้ เขาจ้องยาในมือของตนเองอย่างเหม่อลอย ก่อนจะสะดุ้งแล้วเอายาออกมาดู ครั้นเห็นแล้วก็เกือบทำยาตกพื้น
“ยาระดับเจ็ดคุณภาพสูง!”
เขาอุทานเสียงหลง รีบเก็บยาใส่ขวดกอดไว้ในอ้อมแขนแล้วมุ่งหน้ากลับถ้ำ ตั้งใจว่าจะลองใช้ยานี้ ดูว่าจะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคในการทะลวงขั้นพลังได้อย่างที่นางว่าหรือไม่
เมื่อพวกเขากลับไป เหล่าลูกศิษย์ที่มุงดูอยู่ก็แยกย้ายกันไป พวกเขากำลังพุดคุยถกเถียงกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ด้วยเหตุนี้ ผ่านไปไม่นานทุกคนในสำนักจึงได้รู้ว่าอาจารย์ของซื่อเชวียกับมู่ซินไม่เพียงเป็นผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง แต่ยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้สูงศักดิ์โอสถด้วย!
นางมอบยาระดับเจ็ดคุณภาพสูงให้ผู้อาวุโสมู่ซินโดยไม่คิดมาก ส่วนผู้อาวุโสมู่ซินเมื่อได้รับยาก็รีบกลับถ้ำของตนเองไปทันที
เมื่อข่าวสะพัดออกไป จึงทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในสำนัก
ประมุขเซียนในสำนักเซียนตั้งใจจะเรียกมู่ซินไปถามให้แน่ชัด แต่กลับรู้มาว่าผู้อาวุโสมู่ซินเข้าสู่การกักตัวฝึกตนไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ท่านเซียนจึงเรียกนักเล่นแร่แปรธาตุจากยอดเขานักเล่นแร่แปรธาตุมา เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุที่รู้ข่าวเองก็กำลังประหลาดใจเช่นกัน ผู้สูงศักดิ์โอสถ? จะเป็นไปได้อย่างไร? เฟิ่งจิ่วยังอายุน้อยขนาดนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นทั้งผู้ฝึกตนพลังวิญญาณและพลังเร้นลับ แล้วยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้สูงศักดิ์โอสถอีก?
ทว่ากลับมีลูกศิษย์หลายคนบอกว่าตอนนั้นเห็นนางหยิบเหรียญตราระดับผู้สูงศักดิ์โอสถออกมาติดที่หน้าอกจริงๆ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากเป็นผู้สูงศักดิ์โอสถจริงๆ พวกเขาก็อยากจะถกประเด็นเรื่องการหลอมยากับนางบ้าง!
แต่ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่ง ซื่อเชวียที่รู้ข่าวก็ได้เอายาทิพย์พันปีที่เขาสะสมไว้มาถึงที่ถ้ำของเฟิ่งจิ่ว และกำลังขอเข้าพบอยู่
“อาจารย์ ศิษย์ซื่อเชวียขอเข้าพบอาจารย์” หากเป็นในยามปกติ เขาไม่มีทางแทนตัวเองว่าศิษย์อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ต่างไปจากปกติ เขาจ้องหน้าถ้ำอย่างไม่วางตา พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเองอย่างถึงที่สุด
“พี่สาว ท่านนั่งดื่มชาไปก่อน” เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในถ้ำบอก ก่อนจะปล่อยให้หวันเหยียนเชียนหวาดื่มชาไป ส่วนตนเองก็เดินออกไปข้างนอก
ศิษย์ตัวน้อยสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำเห็นเฟิ่งจิ่วเดินออกมาก็รีบคารวะ จากนั้นก็ยืนดูอยู่ด้านข้าง ข่าวที่สะพัดไปทั่วสำนักพวกเขาเองก็ได้ยินมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าบรรพจารย์ของพวกเขาจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้สูงศักดิ์โอสถ
………………………………….