เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2917 ยอดเยี่ยม / ตอนที่ 2918 กังวล
ตอนที่ 2917 ยอดเยี่ยม
“ได้ยินมาว่าเฟิ่งจิ่วมอบยาให้แก่เจ้า? ยอดเยี่ยมขนาดนั้นจริงหรือ?” ผู้อาวุโสหลิงมู่เดินวนรอบตัวผู้อาวุโสมู่ซิน ก่อนจะจิ๊ปากอย่างรู้สึกทึ่ง
“แฮะๆ ช่วยให้พัฒนาขึ้นก้าวเล็กๆ จริงๆ” ผู้อาวุโสมู่ซินยิ้มตอบ ก่อนถามว่า “แล้วนี่เจ้ามาทำไม ท่านเซียนเรียกเจ้าด้วยหรือ”
ผู้อาวุโสหลิงมู่จ้องเขา ก่อนจะนั่งลง “ข้าได้ยินว่าเจ้าออกจากการกักตนจึงมาดู เจ้ากักตัวครั้งนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่กลับมีพัฒนาการขึ้น ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“นั่นสิ! หากอิงตามความเร็วในการฝึกวรยุทธ์ยามปกติ การจะมีพัฒนาการก้าวเล็กๆ นี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณสิบปี จำต้องยอมรับว่าไม่เสียแรงที่อาจารย์เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระด ดับผู้สูงศักดิ์โอสถจริงๆ ยาที่เอาออกมาให้โดยไม่คิดมากเช่นนี้ยังยอดเยี่ยมขนาดนี้” เขาพูดจากใจจริง และรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร อาจารย์สองคนนั้นของเจ้าพอเข้าถ้ำไปแล้วก็ไม่ออกมาอีก เมื่อวานท่านเซียนให้คนไปเชิญก็ไม่มา อยากเจอหน้าพวกเขาสักครั้งกลับไม่ใช่เรื่องง่าย” ผู้อาวุโสหลิงมู่กล ล่าว “เจ้ากับซื่อเชวียกลับโชคดี ได้คารวะเฟิ่งจิ่วเป็นอาจารย์ ภายหน้าคงได้รับประโยชน์ไม่น้อย!”
ผู้อาวุโสมู่ซินยิ้ม “ตอนแรกใครจะคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ พวกข้าเพียงแค่ยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามที่พูดไว้ก็เท่านั้น ทั้งพวกข้ายังนึกไม่ถึงด้วยว่าอาจารย์จะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระ ะดับผู้สูงศักดิ์โอสถ”
“ฉะนั้นถึงได้บอกว่าพวกเจ้าได้กำไรแล้ว ข้าได้ยินเชียนหวาของข้าบอกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก” เงาร่างอรชรร่างหนึ่งก้าวเข้ามา ทั้งสองหันไปมองพอเห็นว่าเป็นผู้อาวุโ โสเสวี่ยอวี้ จึงถามว่า “หรือว่ามีเรื่องอื่นที่พวกข้ายังไม่รู้อีก?”
“ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้รู้หรือ?”
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามา พวกเขาหันไปมองก็เห็นว่าเป็นประมุขเซียนกับชายชรากลุ่มหนึ่งเดินออกมาพร้อมกัน ด้านหลังพวกเขายังมีนักเล่นแร่แปรธาตุเดินตามมาด้วยอีกสองคน
“คาวระท่านเซียนและอาวุโสทุกท่าน” ทั้งสามประสานมือคารวะพร้อมกัน
“นั่งลงเถอะ!” ประมุขเซียนโบกมือ จากนั้นก็หันไปมองผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้ “เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วมาจากโลกเบื้องล่าง พวกข้าอยากสืบเรื่องโลกเบื้องล่างก็เป็นเรื่องยาก ด้วยเหต ตุนี้จึงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ ในเมื่อศิษย์ของท่านรู้ แล้วท่านได้ถามมาอย่างละเอียดหรือไม่?”
ผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้ยิ้มตอบ “ท่านเซียน จะให้ข้าถามอย่างละเอียดอย่างไรเล่า เชียนหวาเป็นพี่สาวร่วมสาบานของเฟิ่งจิ่ว นางย่อมอยู่ข้างเฟิ่งจิ่วเป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น เชียนหวาเ เป็นคนอย่างไรพวกท่านก็รู้ เรื่องที่นางไม่อยากบอก ข้าพูดจนปากฉีกนางก็ไม่ยอมเปิดเผยแม้แต่น้อย”
นางยิ้มและเอ่ยอีกว่า “แต่ข้าได้ยินนางบอกว่า เฟิ่งจิ่วไม่มีเพียงมีพรสวรรค์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุ ยังมีทักษะการแพทย์ที่โดดเด่นมากอีกด้วย”
ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะผู้อาวุโสมู่ซินที่ดูเหลือเชื่อกว่าคนอื่นมาก เขารู้ว่ายาของอาจารย์ยอดเยี่ยมแค่ไหน ประสิทธิภาพของยายังขนาดนี้ เช่นนั้นทักษะการแพทย์ของนางจะต้องไม่ธรรมด ดาอย่างแน่นอน
เมื่อประมุขเซียนได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเขาพลันสั่นไหวเล็กน้อย เขายังคิดอยู่ว่าหากสามารถดึงเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อมาเป็นพวกและทำให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสำนักเซีย ยนนี้ได้ ภายหน้าหากสำนักของพวกเขามีภัยอันตราย ก็จะง่ายต่อการขอร้องให้ทั้งสองยื่นมือช่วยเหลือ
ผู้อาวุโสหลายคนนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นักเล่นแร่แปรธาตุสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่จะถามผู้อาวุโสมู่ซินว่า “ผู้อาวุโสมู่ซิน ไม่ทราบว่า ยังมียาอยู่อีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว” มู่ซินตอบออกไปโดยไม่คิด “อาจารย์ให้ข้ามาแค่เม็ดเดียว” แม้จะมีอีก เขาก็ไม่มีทางเอาออกมา ดูท่าทางของพวกเขาก็รู้แล้วว่าหากเอาออกมา ก็ไม่แน่ว่าจะได้คืนหรือไม่
………………………………….
ตอนที่ 2918 กังวล
มู่ซินมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “หากท่านเซียนไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าไปหาอาจารย์ก่อน”
ประมุขเซียนสูดหายใจลึกๆ “ไปเถอะ!”
“มู่ซินขอตัว” เขาคารวะ จากนั้นก็พยักหน้าให้ทุกคน ก่อนจะถอยออกไป
พอเห็นเขาออกไปแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุสองคนก็กล่าวว่า “ท่านเซียน วรยุทธ์ของผู้อาวุโสมู่ซินมีพัฒนาการจากการก้าวข้ามอุปสรรคเล็กๆ หนึ่งก้าวแล้วจริงๆ ด้วยวรยุทธ์ระดับเซียนสวรรค ค์ขั้นสูงสุดของเขา หากต้องการจะทะลวงขั้นเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ก็ต้องใช้เวลาสิบปี ตอนนี้เพียงเพราะยาเม็ดเดียว กลับสามารถย่นเวลาในการ รฝึกวรยุทธ์สิบปีให้เหลือเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนได้ วิชาการเล่นแร่แปรธาตุของเฟิ่งจิ่วผู้นี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“เป็นอย่างนี้จริงๆ สินะ!” ประมุขเซียนพยักหน้า เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “น่าเสียดาย พวกเขาสองคนไม่ยอมรับการยกย่องจากสำนักของเรา”
คนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งสองคน ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้สูงศักดิ์โอสถอีก แต่กลับไร้วาสนากับสำนักของพวกเขา บอกได้เพียงว่าพวกเขาได้พลาดโอกาสนี้ไปอย่างน่ าเสียดาย
ผู้อาวุโสหลิงมู่กับผู้อาวุโสเสวี่ยอวี้มองหน้ากัน ก่อนจะบอกว่า “ท่านเซียน พวกข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องกลับไปสะสาง ขอตัวก่อน” เอ่ยจบก็หมุนตัวเดินออกไป
ประมุขเซียนไม่ได้ว่าอะไร เพียงโบกมืออนุญาต ก่อนจะหันไปบอกคนที่เหลือว่า “พวกท่านก็กลับไปเถอะ!” พูดจบ เขาก็เดินเอามือไพล่หลังออกไปเช่นกัน
“ตามหลักแล้ว แม้ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วจะไม่ยอมรับการยกย่องจากสำนักของเราก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนท่านเซียนกำลังกลัดกลุ้มอย่างมากกันเล่า ?” นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งหันไปถามเหล่าผู้อาวุโส
“อืม ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” นักเล่นแร่แปรธาตุอีกคนก็พยักหน้าเช่นกัน
“หึๆ พวกเจ้าไม่ต้องคิดมาก ท่านเซียนแค่หวังว่าสำนักของเราจะมีคนเก่งเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง” หนึ่งในผู้อาวุโสยิ้มอธิบาย ก่อนบอกพวกเขาสองคนว่า “ทั้งสองท่านก็กลับไปก่อนเถอะ! ผู้ อาวุโสมู่ซินไปหาอาจารย์ของเขาแล้ว หากทั้งสองท่านตามไปตอนนี้ ไม่แน่อาจได้รับการชี้แนะเรื่องยาจากเฟิ่งจิ่วด้วยก็ได้”
ทั้งสองดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รีบบอกว่า “อย่างนั้นพวกข้าไปก่อนล่ะ” พูดจบ ก็รีบกระวีกระวาดออกไป
หลังจากที่พวกเขาออกไป ผู้อาวุโสที่เหลือต่างมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “แม้แต่นักเล่นแร่แปรธาตุสองคนที่ลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับยาก็ยังดูออกเลย”
“หลายปีมานี้สำนักมารก่อกรรมทำชั่วไปทุกทิศอย่างอุกฉกรรจ์ แม้ทุกปีจะมีสายเลือดใหม่ๆ เข้ามาในสี่สำนักเซียนไม่ขาดสาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครมีพรสวรรค์อันโดดเด่น ยามนี้คนจากสี่ส สำนักเซียนใหญ่ที่ติดอันดับก็มีเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้น กอปรกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อและเฟิ่งจิ่วผู้ที่เป็นดุจหงส์และมังกรในฝูงชนปรากฏตัวขึ้นมา แต่พวกเรากลับไม่อาจดึงมาเป็นพวก กได้ ท่านเซียนจะกลัดกลุ้มก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า “ที่จริงพวกเขาสองคนรับซื่อเชวียกับมู่ซินเป็นศิษย์ ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสำนักของเราเลย ข้าคิดว่าหากภายหน้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ หากเ เราเอ่ยปาก พวกเขาจะต้องมาช่วยอย่างแน่นอน”
“หากอยากได้การช่วยเหลือจากพวกเขาในภายหน้า เช่นนั้นตอนนี้ก็ต้องทำให้พวกเขายอมรับน้ำใจจากสำนักของเราเสียก่อน เพียงแต่วันนั้นมีผู้อาวุโสทำให้พวกเขาลำบากใจ ซึ่งท่านเซียนก็ไม่ไ ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เกรงว่า…”
พวกเขาได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “บางทีอาจเพราะเรื่องนี้ ท่านเซียนจึงได้ฝากฝังความหวังไว้ที่ซื่อเชวียกับมู่ซิน”
เอ่ยจบ พวกเขามองหน้ากันอย่างไร้คำพูด สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเดินออกไปพร้อมกัน
ในอีกด้านหนึ่ง มู่ซินที่มุ่งหน้าไปที่ถ้ำของเฟิ่งจิ่วยังไม่ทันถึงที่หมาย ก็เจอกับซื่อเชวียระหว่างทางพอดี