เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2937 ลงมือ / ตอนที่ 2938 แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนที่ 2937 ลงมือ
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านล้วนเป็นมังกรและหงส์ท่ามกลางฝูงชน บุคลิกสง่างาม เหวินเหวินมิกล้า…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกใครคนหนึ่งพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างหยาบคาย
“มัวพูดมากอยู่ทำไม ให้เจ้าปลดผ้าปิดหน้า เจ้าก็ปลดเสีย พวกเราจะดูหน้าเจ้าก็นับว่าเป็นการให้เกียรติแล้ว เป็นแค่นางรำคนหนึ่งจะแสร้งสงวนท่าที แสร้งวางตัวสูงส่งไปทำไม!”
สุ่ยเซียนเซียนสะดุ้งตัวโยน นัยน์ตางามน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะเงยหน้า และยกมือปลดผ้าปิดหน้าออกอย่างสั่นเทา “ในเมื่อทุกท่านอยากเห็นโฉมหน้าของเหวินเหวิน เหวินเหวินปลดผ้าออกก็ได้”
เมื่อผ้าปิดหน้าถูกปลดออก ดวงหน้างามล่มเมืองปรากฏสู่ครรลองสายตาของทุกคน นั่นทำให้บรรดาชายหนุ่มที่เห็นหญิงงามจนชินชาตาเป็นประกายขึ้นมาทันที โฉมสะคราญได้แต่ยืนเงียบๆ เบ้าตามีน้ำรื้นใสๆ ทำให้พวกเขายิ่งบังเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ
ชั่วขณะนั้น มีคนมากมายเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
นางรำคนนี้เอวบางอ่อนช้อยดุจสายน้ำ ดวงหน้าประณีตงดงาม ดูอ่อนหวานน่าหลงใหล หากจะเอานางมาเป็นอนุก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เฟิ่งจิ่วเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างล่างปลดผ้าเผยโฉมหน้าก็เพียงยิ้มบางๆ “คราวนี้สนุกล่ะ หญิงงามมีเพียงนางเดียว ไม่รู้ใครจะได้เป็นผู้ครอบครอง?”
ตอนที่คนพวกนั้นตะโกนให้สุ่ยเซียนเซียนปลดผ้าออก ผู้ดูแลของที่นี่ไม่ได้ออกหน้าห้ามปราม เห็นได้ชัดว่านางรำเพียงคนเดียวไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา เดาว่าหากมีใครคนหนึ่งเอ่ยปากจะขอซื้อตัวนางขึ้นมา เช่นนั้นนางคงหนีไม่พ้นตกเป็นของเล่นของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
“มีเพียงรูปโฉมแต่ไร้กำลังปกป้องตนเอง ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องตกอยู่ในอันตราย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดลอยๆ เขาเพียงชำเลืองมองหญิงสาวนางนั้นแค่แวบเดียว ก่อนจะละสายตาออกไป
สำหรับเขา แม้หญิงสาวคนนั้นจะไร้ความผิด แต่นางอยู่ในสถานที่เช่นนี้ อย่างไรก็ควรรู้ว่าต้องเผชิญเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้เข้าสักวัน พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของคนอื่นหรอกนะ
“ต้องประลองสัตว์ร้ายกันอีกไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงเสียเวลาเช่นนี้? สัตว์ร้ายในสนามต่อไปคือตัวอะไร?” เสียงอันเรียบเฉยของเฟิ่งจิ่วดังขึ้น กลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวกคนข้างนอกที่กำลังถกเถียงกันเรื่องของหญิงสาวนางนั้นจนมิด
เสียงอันเฉื่อยชาที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของคนส่วนหนึ่ง พวกเขาหันไปมองที่ห้องหมายเลขเก้า ตอนที่พวกเขาเห็นเงาร่างสีแดงรางๆ ก็ยิ้มพลางพูดกับเงาร่างสีแดงว่า “จะว่าไปแล้ว แขกห้องหมายเลขเก้าเหมือนจะยังไม่ยอมเผยโฉมหน้า มาเยือนเมืองลอยฟ้ายังพาหญิงงามมาด้วย นับเป็นคนที่สง่างามคนหนึ่ง เพียงแต่ไม่ทราบว่าคนงามข้างกายท่าน ช่วยพาออกมาให้พวกข้าได้ยลโฉมสักหน่อยได้หรือไม่?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของชายคนนั้น นัยน์ตาลึกล้ำของเซวียนหยวนโม่เจ๋อพลันมีประกายเยือกเย็นพาดผ่าน เขายกมือรวมพลังวิญญาณซัดไปทางชายผู้พูดด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
“ฉึบ!”
“ซี๊ด! อ๊าก!”
กระแสพลังอันดุดันพาดผ่านกลางอากาศ ก่อนจะเฉือนน่องของชายคนนั้นดังฉึบ กระแสพลังอันเยือกเย็นไหลซึมถึงกระดูกน่องของเขา ทำให้เขาสูดหายใจและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะร่วงตกลงไปนอกรั้วกั้น และท่ามกลางความตะลึงงันไม่ทันตั้งตัวของทุกคน ร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง
“อึก!”
เขาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ราวกับเลือดลมในร่างกายไม่อาจไหลเวียนไปชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกทรมานแม้แต่จะหายใจยังลำบาก เขากลั้นหายใจและนอนลงบนพื้นครู่หนึ่ง ในเวลานี้เอง ฝูงชนก็ได้สติกลับคืนมาก่อนจะส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ
“ซี๊ด! ถึงขั้นตกลงไปเลยหรือ?”
“คุณชาย!”
“ฝีมือใครน่ะ?”
………………………………….
ตอนที่ 2938 แค่สตรีคนหนึ่ง
ชั่วขณะหนึ่ง สถานการณ์เหมือนจะโกลาหลขึ้นมา พวกคนที่ยืนอยู่หลังรั้วกั้นพอได้สติก็พากันหันไปมองที่ห้องของพวกเฟิ่งจิ่ว
เมื่อครู่คนคนนั้นกำลังพูดกับห้องหมายเลขเก้าถึงได้จู่ๆ ก็ตกลงไป ดูท่าน่าจะเป็นฝีมือของคนจากห้องหมายเลขเก้าไม่ผิดแน่
“คุณชาย!”
ชายคนหนึ่งรีบเข้าไปประคองชายในชุดหรูที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนถามอย่างร้อนใจว่า “คุณชาย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ซี๊ด! นะ…น่องข้า” ชายในชุดหรูชี้ไปที่น่องของตนเอง
ชายอีกคนรีบก้มลงตรวจสอบดู พอม้วนขากางเกงของเขาขึ้นและเห็นน่องที่บวมแดงเล็กน้อยของเขา ก็อดที่จะสูดหายใจไม่ได้ “บวมแล้ว!”
แขกห้องหมายเลขห้ายืนเอามือไพล่หลังอยู่หลังรั้วกั้น เขามองชายชุดคลุมสีดำที่ลุกขึ้นยืน เลิกผ้าม่านไข่มุกและเดินออกมา ยามเห็นโฉมหน้าของชายคนนั้น ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจ
นึกไม่ถึงว่าจะยังอายุน้อยขนาดนี้ อีกทั้งยังโดดเด่นมากด้วย แค่เอ่ยวาจาล่วงเกินหญิงชุดแดงคนนั้นเพียงไม่กี่ประโยค ชายผู้นี้กลับใช้กำลังเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งของนางในใจเขานั้นไม่ธรรมดาเลย
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนเอามือไพล่หลังอยู่หลังรั้วกั้น เขาปลดปลอยแรงกดดันระดับเซียนสวรรค์ออกไปโดยไม่ปิดบัง มองชายในชุดหรูจากบนที่สูง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าเป็นคนทำเจ้าเจ็บเอง แล้วเจ้าจะทำไม?”
ชายในชุดหรูที่ถูกประคองโดยองครักษ์ พอได้ยินอย่างนั้นก็ขบกรามแน่น “แน่จริงก็ทิ้งชื่อของเจ้าไว้!”
“หึๆ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาลึกล้ำส่องประกายเยือกเย็น “อย่างเจ้าน่ะหรืออยากรู้ชื่อของข้า? ช่างไม่รู้จักเจียมตน!” ขณะเอ่ย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยโสโอหัง ไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“เจ้า!”
ผู้ชายคนนั้นจ้องหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อ บางทีอาจเพราะมีองครักษ์ข้างกายเพียงคนเดียว กอปรกับเวลานี้ขาของเขากำลังบวมแดง จึงได้แต่ตะคอกกลับไป “ผู้ดูแลของที่นี่อยู่ที่ใด? ออกมา!”
ผู้ดูแลที่เดิมทีไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเขา พอเห็นดังนั้นก็ได้แต่ต้องเดินออกมา เขาพยายามหัวเราะเพื่อบรรเทาสถานการณ์อันตึงเครียด “แขกทั้งสองท่านถอยคนละก้าวเถิด! อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเมืองลอยฟ้า หากทำให้เรื่องราวเอิกเกริก ล้วนไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ให้ห้องหมายเลขเก้ามอบหญิงชุดแดงให้กับห้องหมายเลขสิบสามก็จบแล้วไม่ใช่หรือ” ชายคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่หลังรั้วกั้นขณะเสนอความคิดเห็น ราวกับไม่กลัวที่จะยุยงให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้น ทั้งยังจงใจยุแยงส่งเสริมเข้าไปอีก
ชายในชุดหรูได้ยินประโยคนั้นก็มองเซวียนหยวนโม่เจ๋ออย่างท้าทาย ก่อนบอกว่า “ใช่ ต้องการให้ข้าถอยหนึ่งก้าว อย่างนั้นก็ส่งตัวหญิงชุดแดงคนนั้นมาให้ข้าเสีย!”
นัยน์ตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเย็นเยือกลง ขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นม่านไข่มุกเปิดออกพร้อมเฟิ่งจิ่วที่เดินออกมา นางใช้สองมือกุมมือของเขาเอาไว้ เพียงเท่านั้นก็สามารถข่มความโกรธของเขาไว้ได้แล้ว
เขามองหน้านาง เห็นนางยิ้ม มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นก็มองไปที่ชายในชุดหรูที่ถูกคนประคองอยู่ข้างล่าง
ในเวลานี้เอง เมื่อนางปรากฏตัว ชายจากห้องหมายเลขห้าก็จ้องมองนางด้วยสายตาร้อนแรง ส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยสายตาตะลึงลานในความงามเช่นกัน ราวกับไม่คิดว่าหญิงชุดแดงที่อยู่หลังม่านไข่มุกจะมีดวงหน้าที่งดงามล่มเมืองปานนี้
“ข้าเห็นว่าคุณชายเองก็บุคลิกไม่ธรรมดา คิดว่าทุกคนล้วนเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่โต” เฟิ่งจิ่วเอ่ยเสียงเบาๆ ก่อนจะมองชายในชุดหรูด้วยแววตาแฝงรอยยิ้ม “เหตุใดจึงมาบีบคั้นข้าที่เป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเล่า? คุณชายว่าจริงหรือไม่?”
………………………………….