เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2947 ดูแคลน / บทที่ 2948 สัตว์เทวะขั้นสุดยอด
ตอนที่ 2947 ดูแคลน
“นี่คืออสูรกลืนเมฆา” เฟิ่งจิ่วลูบหัวเจ้ากลืนเมฆาขณะตอบ มองพวกเขาขณะยิ้มถามว่า “สัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตของพวกเจ้าเล่า? ในเมื่อจะสู้ อย่างนั้นก็เร็วหน่อย พวกข้าไม่มีเวลามากพอ อจะมาเสียอยู่ที่นี่”
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเจียงมองเจียงซื่อชางแวบหนึ่ง เจียงซื่อชางโบกมือ ก่อนจะเรียกสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตของเขาออกมา
“สุนัขเพลิงโลกีย์ ออกมา!” สีหน้าของเขาดูย่ามใจหลายส่วน เอ่ยจบ ก็เห็นประกายแสงพาดผ่าน สัตว์ร้ายรูปร่างสูงใหญ่ประมาณหนึ่งเมตรสีดำเมี่ยมตัวหนึ่งปรากฏตัวข้างเขา
ตอนที่เห็นสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตตัวนั้น ผู้คนรอบข้างต่างมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ว่าแล้ว! เหตุใดตระกูลเจียงได้สัตว์ร้ายระดับห้ามาแล้วถึงตกมาถึงมือของเจียงซื่อชางซึ่งเป็นบุตรชา ายบ้านรองได้? ที่แท้ก็เพราะมันเป็นสุนัขตัวใหญ่นี่เอง!
ดูสุนัขตัวใหญ่นี่สิ ตัวดำเมี่ยมไม่มีขนสักเส้น ผิวหนังของมันราวกับถูกขัดมันจนเงาวับ แม้เท้าสี่ข้างจะเหยียบไฟอยู่ แต่หัวหมาแหลมๆ และดวงตาที่ปูดโปนคู่นั้น ดูอย่างไรก็ไ ไม่น่าชื่นชอบแม้แต่น้อย
หากเป็นสุนัขตัวเล็กๆ น่ารักน่าชม อาจจำได้รับความสนใจจากคุณหนูตระกูลผู้ดีบางคน แต่สุนัขขนาดใหญ่ ส่วนมากล้วนดูดุร้าย แม้จะเป็นสัตว์ร้ายที่มีระดับสูง แต่คนที่มีตำแหน่งฐานะมักจ จะไม่ผูกพันธสัญญาคู่ชีวิตด้วย
ลองคิดดูว่า หากเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลหนึ่ง แต่กลับมีสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตเป็นสุนัข ลือออกไปคงถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่ พวกเขามักจะผูกพันธสัญญาคู่ชีวิตกับสัตว์ร้ายที่มีทั้งพ พลังต่อสู้ ระดับพลังและดูมีรสนิยม เหมาะสมกับฐานะของพวกเขา ด้วยเหตุนี้คนที่มีตำแหน่งฐานะสูงจะไม่เอาสุนัขมาเป็นสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตอย่างแน่นอน แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ร้ายระดับส สัตว์เทวะแล้วก็ตาม
เห็นสีหน้าเหมือนถึงบางอ้อของพวกเขา เจียงซื่อชางสีหน้าแข็งค้างไป ก่อนจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “สายตาของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร? สัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตของข้าเป็นถึงสัตว์เทวะร ระดับห้าเชียวนะ!”
“หึๆ ที่แท้ก็เป็นสุนัขตัวใหญ่นี่เอง! ไม่น่าเล่าถึงตกมาถึงมือของคุณชายเจียงได้” อวี่เหวินเฮ่อหัวเราะในลำคอ เขามองเจียงซื่อชางที่กำลังอับอายจนกลายเป็นโกรธแวบหนึ่ง ก่อนจ จะละสายตาออกไป และหันไปมองหญิงชุดแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทน
เจ้าตัวที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง เป็นสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตระดับใดกันนะ?
“เมืองลอยฟ้าของข้ายังไม่เคยมีเรื่องอย่างการท้าประลองเดิมพันเช่นนี้ ในเมื่อจะประลอง เช่นนั้นก็ให้ข้าที่เป็นเจ้าบ้านมาเป็นพยานให้พวกท่านทั้งสองเถอะ!” ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ ชุดหรูหราเดินเอามือไพล่หลังออกมา ด้านหลังมีผู้ดูแลเดินตามมาหนึ่งคน
“นั่นเจ้าของเมืองลอยฟ้านี่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะออกมาด้วย”
“ก็ไม่แปลก ยาทะลวงขั้นระดับหกสามเม็ด มีหรือที่เรื่องจะไม่ไปถึงหูเขา”
ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารน์ พวกเขาต่างตั้งตาคอยการประลองครั้งนี้ พวกเขาถึงขนาดคิดว่า หากคนของตระกูลเจียงชนะแล้วได้ยาสามเม็ดนั้นไป พวกเขาต้องกลับไปรายงานผู้นำตระกูลขอ องตนเอง เพื่อพยายามไขว่คว้ามาให้ได้สักเม็ดหนึ่ง
มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ว่า การประลองครั้งนี้ ฝ่ายที่แพ้จะต้องเป็นคนของตระกูลเจียง
เพราะเจ้าของเมืองลอยฟ้าออกหน้าด้วยตนเอง สนามประลองจึงถูกเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว ของที่ใช้เดิมพันระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ถูกวางไว้ตรงหน้าเจ้าแห่งเมืองลอยฟ้าเช่นกัน เมื่อกรงเหล็กส สีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง สัตว์เทวะระดับห้าตัวนั้นถูกปล่อยเข้าไปข้างใน มันแยกเขี้ยวคำรามอยู่ในกรงเหล็กนิล แรงกดดันของสัตว์เทวะกระจายออกไปพร้อมกับที่มันแยกเขี้ยวคำราม
เฟิ่งจิ่วตบหัวอสูรกลืนเมฆาเบาๆ “ไปเถอะ!”
สิ้นเสียง อสูรกลืนเมฆาที่อยู่ในอ้อมแขนของนางก็กระโดดออกไป มันทิ้งตัวจากที่สูงลงบนชั้นหนึ่งอย่างมั่นคง และยังคงอยู่ในร่างขนาดเล็ก มันแหงนหน้า สาวเท้า ส่ายหางและเดินไปทาง งกรงเหล็กนิลอย่างผ่าเผย อีกทั้งยังชำเลืองมองสุนัขร้ายตัวนั้นอย่างดูแคลน
………………………………….
บทที่ 2948 สัตว์เทวะขั้นสุดยอด
เพียงสายตานั้น ก็ทำให้สุนัขร้ายที่สี่เท้าเหยียบย่างอยู่บนเปลวไฟอย่างองอาจห้าวหาญในตอนแรก เปลี่ยนจากคำรามอย่างดุดันเป็นครางอย่างหวาดกลัวในทันที
ได้ยินเสียงครางของสุนัข ผู้คนรอบข้างต่างก็ตกตะลึง แม้มันจะเป็นสุนัข แต่มันเป็นสัตว์เทวะระดับห้าเชียวนะ! ทะ…ทำไมแวบเดียวถึงได้ดูหงอไปเสียแล้วเล่า?
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือเหตุการณ์หลังจากนั้น…
อสูรกลืนเมฆาตัวน้อยนั่นก้าวเดินไปข้างหน้า มันหยุดยืนอยู่ต่อหน้าสุนัขร้ายตัวนั้น ยกอุ้งเท้าน้อยๆ แล้วดันออกไปข้างหน้า ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงอะไร แต่กลับซัดสุนัขร้ายตัวนั้น ให้กระเด็นตีลังกาออกไปไกลหลายจั้ง ร่างกระแทกเข้ากับกรงเหล็กนิลอย่างแรง
พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็เห็นอสูรกลืนเมฆาตัวน้อยพุ่งตัวเข้าไปอัดสัตว์เทวะระดับห้าตัวนั้นไม่ยั้ง แม้อุ้งเท้าของมันจะทั้งเล็กและสั้น แต่เสียงตุบตับนั่นกลับทำให้พวกเขา าที่ได้ยินต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
อสูรกลืนเมฆาตัวนี้เป็นสัตว์ร้ายระดับใดกันแน่? ไม่นึกเลย…ไม่นึกเลยว่าจะสามารถข่มสัตว์เทวะระดับห้าได้?
ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังมาอย่างต่อเนื่อง สัตว์เทวะระดับห้าตัวนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ มันถูกอัดจนหมดสภาพ ผู้ชมต่างก็หันลำคอแข็งๆ ไปมองสามคนที่มาจากตระกูลเจีย ยง
ยามนี้ คนจากตระกูลเจียงทั้งสามมีสีหน้าเหมือนเห็นผี ไม่รู้ว่าควรบรรยายอย่างไรแล้ว นั่นมันสัตว์เทวะระดับห้าเชียวนะ! แม้จะเป็นสุนัขแต่ก็เป็นสัตว์เทวะระดับห้านะ! แต่ทำไ ไม…ทำไมถึงได้ถูกสัตว์ตัวเล็กๆ อัดจนมีสภาพเช่นนั้นได้?
ครั้นเห็นสุนัขร้ายตัวโตถูกอัดจนหัวบวมเป่งไม่เหลือเค้าเดิม ร่างกายเต็มไปด้วยรอยกรงเล็บที่ลึกจนเห็นกระดูก ในที่สุดเจียงซื่อชางก็พุ่งเข้าไปอย่างทนไม่ไหว
“ไม่ต้องสู้แล้ว! หยุดได้แล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้! หยุด!”
นั่นสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตของเขานะ! อย่างไรเสียเขาก็อุตส่าห์ได้มาทั้งที่ไม่ง่ายเลย หากยังสู้ต่อไปก็คงสูญเปล่าแน่แล้ว
อสูรกลืนเมฆาตีลังกาถีบมันไปอีกหนึ่งครั้ง เจ้าหมายักษ์ร้องคราง กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เขี้ยวแหลมคมหลุดออกมาหลายซี่
“เอ๊ง หงิง…”
สุนัขร้ายตัวโตได้แต่ขดตัวเป็นวงกลมและกรีดร้องโหยหวน ร่างกายสั่นเทา ดวงตาที่บวมเป่งเพราะถูกซ้อมแทบลืมไม่ขึ้น มันไม่กล้าแม้แต่จะมองอสูรกลืนเมฆา
“นายท่าน เท่านี้ก็คงพอแล้วกระมัง?” อสูรกลืนเมฆาหันหลัง แหงนหน้าถามเจ้านายของมันที่อยู่ข้างบน
ครั้งได้ยินสัตว์ตัวน้อยพูดภาษาคน สีหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพลันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนของตระกูลเจียง พวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ก่อนจะมองเฟิ่งจิ่วอย่างเดือดดาล “จะ…เจ้า สัตว์ร ร้ายของเจ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงธรรมดา!”
เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว “หากเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดาแล้วข้าจะเรียกออกมาสู้กับสัตว์เทวะของเจ้าได้หรือ?”
สิ้นประโยคนี้ คนของตระกูลเจียงทั้งสามหน้าแดงก่ำ เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะเอาสัตว์เทวะระดับห้าออกมาเอาชนะอีกฝ่ายเพื่อชิงยาสามเม็ดนั้นมา ทำอย่างนี้นับว่าไม่ยุติธรรมจริงๆ แต่พวก กเขามีสัตว์เทวะระดับห้านี่นา! แม้จะชนะก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
ทว่าตอนนี้ สถานการณ์กลับตาลปัตร อารมณ์ของพวกเขาปั่นป่วนเพราะรู้สึกรับไม่ได้
ของพวกนั้นล้วนเป็นเงินเป็นทองจริงๆ ทั้งสิ้น ยาทิพย์พันปีอีกสิบต้น หนำซ้ำยังมีศิลาดารามากมายขนาดนั้น และอาวุธเซียนอีกสองชิ้น หากพวกเขาพ่ายแพ้และสูญเสียของพวกนี้ไป กลับไ ไปพวกเขาจะอธิบายอย่างไรเล่า?
เจ้าแห่งเมืองลอยฟ้ามองเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาไหวระริก สายตาสอดส่องสะดุดที่อสูรกลืนเมฆาที่พูดภาษาคน ก่อนจะหันไปมองเฟิ่งจิ่ว ยิ้มเอ่ยว่า “อสูรเมฆาน้อยตัวนี้ของแม่นาง เป็นสั ตว์ร้ายระดับสัตว์เทวะขั้นสุดยอดแล้วกระมัง?”