เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2949 ข่าวคราว / ตอนที่ 2950 ย่อมร้ายกาจอยู่แล้ว
ตอนที่ 2949 ข่าวคราว
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างหันไปมองหญิงสาวชุดแดงด้วยสายตาตกตะลึง สัตว์เทวะขั้นสุดยอด? เจ้าตัวเล็กนั่นน่ะหรือ?
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่หมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน ก่อนไปหยุดยืนอยู่ข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อพร้อมเอ่ยว่า “พวกเราจะไปตอนนี้เลย หรือว่าจะดูการประลองสัตว์ร้ายต่ออีกหน่อย”
“ไปตอนนี้เลยก็แล้วกัน!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อตอบ เขาลุกขึ้นจูงมือนางเดินลงไปข้างล่าง
หลัวอวี่เดินตามพวกเขามาถึงชั้นหนึ่ง
ในเวลานี้เอง เหลิ่งหวารับของที่ชนะเดิมพันทั้งหมดเอาไว้ หลังจากที่พวกเฟิ่งจิ่วเดินลงมา เขาเดินเข้าไปหา “นายท่าน ข้ารับของที่ชนะเดิมพันมาหมดแล้วขอรับ นี่คือยาทะลวงขั้นสามเม็ด” เขายื่นขวดยาให้นาง ส่วนของอื่นๆ เก็บไว้ในแหวนมิติอีกวง
“อืม”
เฟิ่งจิ่วรับของไป ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เจ้าแห่งเมืองลอยฟ้าเล็กน้อย “ขอตัว” สิ้นเสียง นางหันไปมองคนจากตระกูลเจียงทั้งสามคน ก่อนจะยิ้ม “ของขวัญของพวกเจ้า ข้ารับไว้แล้ว ถือว่าเป็นคำขอโทษจากคุณชายเจียงด้วยก็แล้วกัน!”
พูดจบ นางยิ้มบางๆ ก่อนคล้องแขนเซวียนหยวนโม่เจ๋อแล้วทำท่าจะเดินจากไป ทว่าในเวลานี้เอง กลับมีเสียงหนึ่งดังมา
“แม่นาง ช้าก่อน”
ชายชราจากห้องหนึ่งกระโดดลอยตัวลงมา เขามองเฟิ่งจิ่วก่อนบอกว่า “แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านช่วยขายยาทะลวงขั้นระดับหกให้ข้าเม็ดหนึ่งได้หรือไม่ แม่นางต้องการสิ่งใด ข้าจะพยายามหามาให้อย่างสุดความสามารถ”
เฟิ่งจิ่วเพียงยิ้มน้อยๆ แต่ไม่พูดอะไร เพียงเดินคล้องแขนเซวียนหยวนโม่เจ๋อจากไป ชายชราคนนั้นยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ถูกเหลิ่งหวากับหลัวอวี่ขวางไว้ก่อน
อสูรกลืนเมฆาแหงนหน้าเดินผ่านสามคนจากตระกูลเจียงไปอย่างสบายใจ กระทั่งพวกเขาออกไป ทุกคนจึงได้สติ
จบแล้วหรือ? จบแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่นึกว่าจะชนะและได้สมบัติมากมายที่ประเมินค่าไม่ได้มาอย่างง่ายเช่นนั้น
สามคนจากตระกูลเจียงกำหมัดแน่น หลังจากที่พวกเฟิ่งจิ่วกลับไป พวกเขาก็ได้แต่กัดฟันและจากไปเช่นกัน มีสัตว์เทวะขั้นสุดยอดหนึ่งตัว แล้วยังชนะเดิมพันได้สมบัติมากมาย หญิงชุดแดงคนนั้นเป็นใครกันแน่? พวกเขาจะต้องสืบให้รู้ให้ได้!
เมื่อพวกเขากลับไป คนอื่นๆ ก็ทยอยกลับไปด้วย ยาทะลวงขั้นระดับหกสามเม็ด นี่เป็นยาที่สามารถทำให้เมืองสี่ทิศสะท้านสะเทือนไปทั้งเมืองได้เชียวนะ เดิมนึกว่าตระกูลเจียงจะได้ไป แต่กลับนึกไม่ถึงว่าคนของตระกูลเจียงกลับพลาดท่าให้หญิงชุดแดงคนนั้น
เห็นแขกต่างก็ทยอยกันกลับไป เจ้าแห่งเมืองลอยฟ้าหัวเราะในลำคอ “น่าสนใจไม่เบา หญิงสาวคนหนึ่งกลับมีวรยุทธ์ที่มองไม่ออก ซ้ำยังมีสัตว์เทวะขั้นสุดยอดอยู่อีกหนึ่งตัว รวมถึงยาทะลวงขั้นระดับหกสามเม็ด ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “นายท่าน ข้าน้อยได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะรู้”
“อืม” เขารับคำ ก่อนจะเอามือไพล่หลังเดินออกไป ก่อนกำชับว่า “มีข่าวแล้วให้มาแจ้งข้าทันที” เอ่ยจบ เขาก็จากไป
ในมุมลับตาที่ไม่เป็นที่สังเกต ไป๋เจี้ยนเจี้ยนกัดริมฝีปาก กระทั่งพวกเขาจากไปนางจึงถอยไปข้างหลัง นึกไม่ถึงว่าหญิงคนนั้นจะร้ายกาจถึงเพียงนั้น ยาทะลวงขั้นระดับหกสามเม็ด สัตว์เทวะขั้นสุดยอดหนึ่งตัว ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
ยังมีชายชุดคลุมสีดำที่นางคล้องแขนอยู่ด้วย เขาโดดเด่นที่สุดในบรรดาชายหนุ่มที่นางเคยเจอมา ไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกัน?
แม้เมืองสี่ทิศจะใหญ่โตมาก แต่ข่าวเรื่องยาทะลวงขั้นระดับหกสามเม็ดเหมือนดั่งขนนกที่ถูกลมพัดกระจายไปทั่วทุกมุมของเมือง…
………………………………….
ตอนที่ 2950 ย่อมร้ายกาจอยู่แล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกกลุ่มอำนาจล้วนกำลังสืบหาตัวตนของสองคนนั้น ทว่าเวลานี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วกลับกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างสบายใจอยู่ในห้องโถง
“นายท่าน พวกท่านออกไปวันนี้ได้ศิลาดารากลับมามากมายขนาดนี้เลยหรือ? ยังมีอาวุธเซียนอีกสองชิ้นและยาทิพย์พันปีอีกสิบต้น?” ตู้ฝานมองสมบัติที่ถูกนำออกจากแหวนมิติก่อนมาวางไว้บนโต๊ะ อดเดาะลิ้นไม่ได้
นี่ออกไปข้างนอกแค่ครั้งเดียว ก็ได้สมบัติประเมินค่าไม่ได้กลับมามากมายขนาดนี้? ยังไม่พูดถึงศิลาดาราพวกนั้น แค่ยาทิพย์พันปีสิบต้น และอาวุธเซียนสองชิ้นนี้ก็หาได้ยากมากแล้ว นึกไม่ถึงว่านายท่านเพียงใช้ลูกไม้เล็กน้อย ก็ได้สมบัติกลับมามากมายขนาดนี้
เหลิ่งหวาที่อยู่อีกด้านได้ยินดังนั้นก็บอกว่า “ข้าให้กู่โม่ไปสืบข่าวดูแล้ว แต่เดาว่าตอนนี้ทุกกลุ่มอำนาจคงกำลังสืบเรื่องพวกเรากันอยู่”
เฟิ่งจิ่วฟังพวกเขาพูดคุยกัน พลางหยิบอาวุธเซียนสองชิ้นออกมาควงเล่น หนี่งในนั้นเป็นขลุ่ยหยกสีมรกต เป็นหยกเนื้อใสน้ำดี มีพู่ห้อยอยู่หนึ่งพวง นางมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นให้เหลิ่งหวา “ชิ้นนี้เก็บไว้ให้เจ้าใช้ป้องกันตัว”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวาชะงักไปเล็กน้อย เพราะเดิมทีเขามีอาวุธวิเศษอยู่หนึ่งชิ้นซึ่งก็คือขลุ่ย เพียงแต่ไม่ค่อยได้ใช้นัก ยามนี้เห็นนายท่านมอบขลุ่ยนี้ให้เขาอีก เขาจึงรับไว้ด้วยสองมือ “ขอบคุณนายท่าน”
“ขลุ่ยนี้มีแต่เหลิ่งหวาที่เหมาะสมจริงๆ บุคลิกของเขาเหมาะกับขลุ่ย” ตู้ฝานสะบัดพัดขณะเอ่ย ก่อนจะหันไปมองอาวุธอีกหนึ่งชิ้น ยิ้มถามว่า “นายท่าน ชิ้นนี้เล่า?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ มองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบอาวุธเซียนอีกหนึ่งชิ้นขึ้นมาจ้อง “นี่เป็นกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง แต่ก็เป็นอาวุธที่สามารถใช้เป็นแส้ยาวได้ด้วย ในหมู่พวกเจ้ามีเพียงเหลิ่งซวงกับชิงเฉิงที่เหมาะสม”
นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาจะกวาดมองผ่านพวกนางทั้งสอง จากนั้นก็ยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “แต่เหลิ่งซวงมีอาวุธที่นับว่าล้ำค่าอยู่ในมือหนึ่งชิ้นแล้ว ได้หรือไม่ได้กระบี่อ่อนเล่มนี้ไปก็ไม่เป็นไร กลับเป็นชิงเฉิงที่ยังไม่มีอาวุธเป็นชิ้นเป็นอัน กระบี่อ่อนเล่มนี้ให้ชิงเฉิงก็แล้วกัน!”
ไป๋ชิงเฉิงที่อึ้งงันเล็กน้อยรับคำเบาๆ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปรับกระบี่ยาวเล่มนั้นมา นางจ้องมองอาวุธเซียนและเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด “ขอบคุณนายท่าน” นึกไม่ถึงว่านายท่านจะมอบอาวุธเซียนนี้ให้นาง นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ช่วงนี้ทุกคนจงตื่นตัวเข้าไว้ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวในเมืองให้ดี อีกไม่กี่วันข้าอาจจะต้องกักตัวหลอมยา โม่เจ๋อเองก็จะไปกักตัวฝึกตนเช่นกัน ฉะนั้นเรื่องต่างๆ ในจวนยกให้เป็นหน้าที่พวกเจ้าดูแล” เฟิ่งจิ่วกำชับ
“ขอรับ / เจ้าค่ะ นายท่านวางใจ พวกเราจะดูแลจวนเอง” พวกเขารับคำเสียงทุ้ม
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนจะพูดกับเหลิ่งซวงว่า “เจ้าต้องดูแลห้าวเอ๋อร์ให้ดี”
“นายท่านวางใจได้” เหลิ่งซวงที่กำลังอุ้มทารกรับคำ นางรู้ดีว่าหน้าที่ของนางก็คือดูแลเด็กให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ด้านหนึ่งมองเฟิ่งจิ่วกำชับเรื่องต่างๆ กับคนในจวน หลังจากที่จัดแจงแบ่งหน้าที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับ เมื่อพวกเขาทยอยกลับไป ในลานสวนก็เหลือเพียงเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ใช้คางเกยที่ไหล่บาง “อาจิ่ว เจ้าเป็นอย่างนี้ ข้าจะกักตัวฝึกตนอย่างวางใจได้อย่างไร”
เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้มๆ “ท่านห่วงอะไรกัน ห่วงว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรข้าอย่างนั้นหรือ ท่านน่าจะรู้ว่าข้ารับมือได้”
“ใช่! เจ้ารับมือได้ อาจิ่วของข้าย่อมร้ายกาจอยู่แล้ว” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของเขาลอยเข้ามาในโสตประสาทของนาง
………………………………….