เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2957 จับเป็น / ตอนที่ 2958 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 2957 จับเป็น
จุดที่สายฟ้าผ่าลงไป ก็คือจวนที่พวกเขาอยากไปเยี่ยมเยียนแต่ก็เข้าไปไม่ได้แห่งนั้น เห็นแบบนั้นแล้ว เหล่าตระกูลที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงพลันรีบเหินตัวไปยังจวนหลังนั้นทันที
ขณะเดียวกัน เหลิ่งหวากับคนอื่นๆ ต่างก็เพิ่มการระวังตัวเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่า พวกเขารวมถึงเหล่าสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตแยกย้ายกันไปเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ ในจวน กระทั่งได้ยินเสี ยงสายฟ้าฟาดครั้งที่สามผ่าลงมา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่านายท่านหลอมยาเสร็จหนึ่งเตาแล้ว
ในเรือนหลอมยา เฟิ่งจิ่วเปิดฝาเตาหลอมยา มองยาที่อยู่ข้างในยิ้มๆ “ยาในเก้าหนที่เติมหญ้าวิญญาณหิมะพันปีเข้าไปจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่า หลอมยาเตานี้ได้ตั้งหลายเม็ด เ เป็นเรื่องน่าดีใจจริงๆ”
ยิ่งเป็นยาที่มีค่า นางก็จะใช้วิธีเก็บรักษาที่โบราณที่สุด นางนำยาในเก้าหนห่อขี้ผึ้งเพื่อเก็บรักษาไว้ ตั้งใจว่าจะมอบให้ซื่อเชวียหนึ่งเม็ด อย่างไรเสียหากไม่ได้หญ้าวิญญาณ หิมะพันปีต้นนั้นของเขา ก็คงหลอมยาในเก้าหนที่มีความบริสุทธิ์สูงขนาดนี้ขึ้นมาไม่ได้
แต่ทว่า ในขณะที่นางเก็บยาเสร็จ และกำลังหมุนตัวเดินออกจากห้องหลอมยานั้นเอง พลันเห็นเงาร่างยี่สิบกว่าสายเหินลงมาจากบนท้องฟ้าที่กำลังสว่างช้าๆ คนพวกนั้นรวบรวมกลิ่นอายพลัง งวิญญาณ พยายามทำลายเขตอาคมที่นางร่ายไว้
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว นี่คิดจะทำอะไรกัน? แย่งยาของนางอย่างนั้นหรือ?
คนในจวนที่เฝ้าระวังจุดอื่นอยู่รีบมุ่งหน้ามาทางนี้ เห็นพวกเขามากันแล้ว เฟิ่งจิ่วจึงหันไปมองก่อนเอ่ยว่า “คนพวกนี้มอบให้พวกเจ้าซ้อมมือหน่อยก็แล้วกัน!”
เอ่ยจบ นางสะบัดแขนเสื้อ กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งพุ่งขึ้นไป เปิดช่องโหว่บนเขตอาคม หนึ่งในคนชุดดำเห็นก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “เฟิ่งจิ่ว เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ชายคนนั้นหัวเราะลั่น ร่วมมือกับสองคนที่อยู่ข้างๆ ทำลายเขตอาคม เสียงระเบิดดังตูม กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งสะท้อนออกไปพร้อมกับเขตอาคมที่พังลง
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา “ผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์!” สามคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกลับเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์เชียวหรือ? ผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์สามคนนี้มาจากที่ใดกัน?
“คนอื่นฆ่าไม่เว้น! จับเป็นเฟิ่งจิ่ว!”
คำสั่งอันเยือกเย็นเปล่งออกมา ตามมาด้วยเสียงตอบรับจากคนชุดดำอีกยี่สิบกว่าคน “ขอรับ!”
“อย่างนั้นก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีปัญญาหรือไม่!”
เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน กระแสพลังอันดุดันพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับร่างกายของคนชุดดำหลายคน เหล่าคนชุดดำที่กรูกันเข้ามากระเด็นลอยออกไปหลายคน พลังอันแข็งแกร่งทำให้เ เลือดลมในร่างกายของพวกเขาปั่นป่วน ก่อนจะกระอักเลือดออกมา ทว่าพวกเขายังไม่ทันลุกขึ้น ก็เกิดอาการกระตุกสั่นไปทั้งตัวเสียก่อน เลือดพิษทะลักออกจากมุมปาก ก่อนที่จะตาเหลือกและสิ นใจตายไป
“ซี๊ด! เจ้าใช้พิษ!”
หัวหน้าทั้งสามของกลุ่มคนชุดดำสูดหายใจ ลูกน้องหลายคนของพวกเขาถูกนางสังหารไปทั้งอย่างนั้น นั่นทำให้พวกเขานอกจากจะตะลึงแล้ว ยิ่งหมายมั่นในความตั้งใจเดิมมากขึ้นไปอีก! เฟิ่งจิ่ วคนนี้ อย่างไรก็ต้องจับเป็นกลับไปให้ได้!
เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก “ใช้พิษแล้วอย่างไรเล่า? หากคิดจะสู้กับข้า หนีไม่ทันก็มีแต่ตายเท่านั้น!” น้ำเสียงเย็นใสเอ่ยจบ นัยน์ตาหงส์หรี่เล็ก จับจ้องไปยังผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์ คนหนึ่ง พริบตาต่อมาเงาร่างสีแดงพลันโฉบพุ่งออกไป
ส่วนพวกเหลิ่งหวาร่วมมือกับอสูรกลืนเมฆาและเหล่าไป๋รับมือกับคนชุดดำคนอื่นๆ ฮุยหลางเองก็เข้าร่วมวงต่อสู้ด้วย ขณะเดียวกันเหลิ่งซวงกับอิ่งอีกำลังคุ้มกันห้าวเอ๋อร์อยู่ที่เ เรือนหลัง ไม่ได้มาร่วมวงด้วย
เหล่าตระกูลใหญ่ที่มาเพราะสายฟ้าหลอมยาเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว แววตาสื่ออารมณ์หลากหลาย มีเพียงคนของตระกูลเซ่าเท่านั้นที่รีบเข้าไปช่วยทันทีเมื่อเห็นกลุ่มคนชุดดำรุมโจมตีเ เฟิ่งจิ่ว
………………………………….
ตอนที่ 2958 ช่วยเหลือ
แม้จะเห็นว่าคนของตระกูลเซ่าเข้าไปช่วย ทว่าคนของตระกูลอื่นกลับไม่เคลื่อนไหว หัวหน้าทั้งสามของกลุ่มคนชุดดำเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์ อีกทั้งพลังของคนชุดดำที่เหลือก็ไม ม่ธรรมดา หากพวกเขาบุ่มบ่ามเข้าไปยุ่ง จะต้องบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนแน่
ทว่า หลังจากที่อาวุโสเจียงและชิวเฉิงไห่ที่คอยจับตาดูที่นี่อยู่มุ่งหน้ามาถึง พอเห็นว่ามีคนชุดดำมากมายกำลังล้อมโจมตีจวนอยู่ อาวุโสเจียงดวงตาเป็นประกาย รีบพุ่งตัวเข้าไปในทัน นที
“เจ้าจะทำอะไร?”
ชิวเฉิงไห่รีบห้ามเขา ก่อนพูดเสียงต่ำว่า “ไม่เห็นหรือว่าคนพวกนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน พลังของคนพวกนั้นล้วนเหนือกว่าพวกเรา! เจ้าเข้าไปไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการรนหาที่ตาย!”
ดวงตาของอาวุโสเจียงมีประกายพาดผ่าน เขาตอบว่า “ข้าไม่ได้กำลังรนหาที่ตาย ข้ากำลังหาทางรอดให้ตนเองอยู่!” พูดจบ เขาผลักชิวเฉิงไห่ออก ก่อนจะเขย่งเท้าพุ่งตัวเข้าไปในจวน
“ตาเฒ่าเจียงนี่!” ชิงเฉิงไห่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา สหายเก่าแก่ที่คบหากันมานานหลายปี ย่อมไม่อาจทนดูเขาเข้าไปรนหาที่ตายอยู่เฉยๆ ได้ เขาไม่มัวคิดมาก รีบตามเข้าไปด้วยทันที “ “รอข้าด้วย!”
พอเห็นว่ามีคนเข้าไปอีกสองคน คนอื่นๆ ต่างตะลึงพรึงเพริด สองคนนั้นเบื่อชีวิตที่ยืนยาวแล้วหรือ? ผู้แข็งแกร่งระดับนั้นกำลังสู้กันอยู่ พวกเขากลับกล้าเข้าไปร่วมวงด้วย?
อวี่เหวินเฮ่อเห็นดังนั้นสายตาพลันไหวระริก เขากระซิบพูดกับบิดาของตนเอง “ท่านพ่อ หากจะผูกสัมพันธ์ นี่ก็คือโอกาส”
ผู้นำตระกูลอวี่เหวินขมวดคิ้ว “พ่อมีหรือจะไม่รู้ว่านี่คือโอกาส แต่ว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าราคาของมันสูงขนาดไหน?”
ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์สามคน ซ้ำยังมีคนชุดดำพวกนั้นด้วย พลังเช่นนี้มีแต่คนสำคัญในตระกูลของพวกเขาเท่านั้นที่พอจะสูสี อีกทั้งยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาจาก การต่อสู้ครั้งนี้ได้ด้วย
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ก็เพราะอันตรายนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปเสี่ยง ส่วนตระกูลเซ่า บรรพจารย์ของตระกูลเซ่าก็คือผู้อาวุโสซื่อเชวียจากสี่สำนักเซีย ยนใหญ่ ผู้อาวุโสซื่อเชวียเป็นลูกศิษย์ของเฟิ่งจิ่วและเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจนิ่งดูดายได้
คนอื่นๆ กลับไม่เหมือนกัน แม้จะรู้ว่านี่เป็นโอกาสในการผูกมิตร แต่ก็ไม่มีใครยอมเสี่ยงที่จะเสียเสาหลักของตระกูลเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา
ได้ฟังคำตอบของผู้เป็นพ่อ อวี่เหวินเฮ่อได้แต่ถอนหายใจเบาๆ และมองจากที่ไกลๆ ฟังเสียงการต่อสู้ที่ดังมา พวกเขาได้ยินเสียงดาบกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือด และเสียงกรีดร้องที่ด ดังขึ้น แต่เพราะกำแพงจวนที่สูงตระหง่าน ทำให้มองไม่เห็นสถานการณ์ข้างใน
ด้านในจวน เฟิ่งจิ่วเหลือบมองสองคนที่พุ่งเข้ามาแวบหนี่ง พบว่าเป็นสองคนที่เคยเจอบนเมืองลอยฟ้า จึงอดเลิกคิ้วไม่ได้ พอเห็นพวกเขาสองคนร่วมมือกันต่อต้านศัตรู นางจึงหันไปรั บมือกับผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์คนหนึ่ง
ขณะที่เห็นกระบี่คมในมือผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์อีกคนกำลังจะพุ่งแทงไปที่แผ่นหลังของกู่โม่ แววตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา กระบี่คมพยับในมือพุ่งแทงออกไปด้วยความเร็วดุจ จฟ้าผ่า
“ชิ้ง!”
“ซี๊ด อ๊าก!”
พลังกระบี่อันดุดันพาดผ่านกลางอากาศ ผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์ที่คิดว่าตนสามารถสังหารกู่โม่ได้แล้วหลบเลี่ยงไม่ทัน มือข้างที่ถือกระบี่ถูกพลังกระบี่ของเฟิ่งจิ่วฟันขาด ชั่ว ขณะนั้น แขนข้างที่ขาดร่วงตกลงไปบนพื้นและหมุนกลิ้งไปสองตลบพร้อมกับกระบี่เล่มนั้น เลือดสีแดงสะดุดตาสาดเต็มพื้น
“เฟิ่งจิ่ว!”
คนผู้นั้นขบกรามคำรามอย่างเคียดแค้น พลางรีบสกัดจุดลมปราณ และถอยไปข้างหลัง สายตาเย็นเยียบจ้องเฟิ่งจิ่วดุจอสรพิษร้าย ท่าทางราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อของนางทั้งเป็น
“ไม่ต้องตะโกนเสียงดัง ข้าไม่ได้หูหนวก” นางแค่นเสียง ก่อนเก็บกระบี่ยาวกลับมา ตวัดเฉียงลงไปบนพื้น