เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2959 หนี / ตอนที่ 2960 บรรพจารย์
ตอนที่ 2959 หนี
เงาร่างโฉบไหว ขณะที่ยกมือขึ้น ปลายกระบี่ชี้พุ่งไปยังผู้ฝึกตนที่ถูกฟันแขนขาด ไอสังหารอันดุดันแผ่กระจายออกมาจากตัวนาง ความเร็วสูงบวกกับท่าร่างอันแปลกประหลาด เพียงชั่วอึดใจเดียวก็ไปถึงด้านหลังของผู้ฝึกตนระดับเซียนสวรรค์คนนั้นแล้ว กระบี่ยาวในมือปาดผ่านลำคอของเขา เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น ร่างกายแข็งทื่อ
“เจ้า…”
“ฆ่าเจ้า ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ!” เฟิ่งจิ่วเอ่ยจบก็ชักกระบี่ยาวในมือกลับ กระบี่ยาวปาดคอของเขาอีกครั้ง ทำให้ปากแผลฉีกขาด พร้อมทั้งคร่าชีวิตของเขา
“พลั่ก!”
“ซี๊ด! เจ้าฆ่าเขา!” ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์อีกสองคนหน้าซีดเผือดทันที นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วจะสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ต้องบอกก่อนว่าแม้แต่ในเมืองสี่ทิศแห่งนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์นั้นก็นับเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่า ไม่นึกเลยว่าจะถูกฆ่ากันง่ายๆ เช่นนี้!
“เหอะ!”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะหยัน ตวัดกระบี่ยาวในมือ พลังกระบี่สะท้อนออกไป ปะทะเข้ากับร่างคนชุดดำคนหนึ่ง ชายชุดดำคนนั้นร้องครวญ ก่อนจะล้มลงไป
“คนที่ทำร้ายข้า ข้ายังต้องไว้ชีวิตอีกหรือ?” นางกระตุกมุมปากยิ้ม จับจ้องพวกเขาด้วยดวงตาสุกใส “มาแล้ว ก็อย่าคิดจะกลับไปอีก”
สองคนนั้นฟังแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากพวกเขาได้ยินนางพูดอย่างนี้ก่อนหน้า คงจะต้องแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างแน่นอน หัวเราะที่นางไม่เจียมตนเอง หัวเราะที่นางเย่อหยิ่งโอหัง แต่ตอนนี้ พอเห็นนางสามารถคร่าชีวิตของเซียนสวรรค์คนหนึ่งได้ภายในเพียงไม่กี่อึดใจ พลังเช่นนี้กลับแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้ว
เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์เหมือนกัน ตอนที่ได้รับคำสั่งพวกเขาก็คิดว่าคนรอบกายนางไม่มีใครน่ากลัว เพียงดีดนิ้วก็สามารถเอาชีวิตคนพวกนั้นได้แล้ว แต่เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์เหมือนกัน แต่พวกเขามีกันสามคน ขอเพียงพวกเขาสามคนร่วมมือกัน จะต้องเอาชนะสองคนนี้ได้แน่!
แต่ใครจะรู้ การบุกโจมตีในคืนนี้ ไม่เห็นแม้เงาเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ทว่าเฟิ่งจิ่วเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักแล้ว ตรงกันข้าม คนพวกนั้นที่พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา กลับไม่สามารถเอาชีวิตได้เลยสักคน!
ครั้นเห็นว่าสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์สองคนส่งสายตาเป็นสัญญาณว่าเตรียมถอยหนี แต่ในเวลานี้เองกลับเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อในชุดคลุมสีดำใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งปรากฏตัวกลางอากาศ ขวางทางหนีพวกเขาไว้จนสิ้น
เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อออกมา เฟิ่งจิ่วหันไปมองเขา ก่อนบอกว่า “พวกเราแบ่งกันคนละคน”
สิ้นเสียง เงาร่างของนางโฉบออกไป พุ่งไปทางหนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ ขณะเดียวกันเซวียนหยวนโม่เจ๋อรวมพลังขุมหนึ่งกลางฝ่ามือ เงาร่างสีดำโฉบไหวด้วยความเร็วดุจภูตผี
จิตสังหารพวยพุ่ง ไอสังหารอันแข็งแกร่งและแรงกดดันอันน่าครั่นคร้ามกระจายปกคลุมทั่วบริเวณในชั่วพริบตา พวกเขาตะลึงพรึงเพริด ดวงตาปรากฏแววพรั่นพรึง
ในชั่วพริบตาที่การโจมตีจากสองคนนั้นกำลังจะมาถึงตัว ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ทั้งสองตัดสินใจบีบของวิเศษรักษาชีวิต กลายเป็นแสงสว่างวาบสายหนึ่งหายลับไปกลางอากาศ พวกเขาหนีเอาตัวรอดโดยไม่สนชีวิตของคนชุดดำที่เหลือ
ครั้นเห็นการโจมตีของตนเองพุ่งใส่อากาศอันว่างเปล่า เฟิ่งจิ่วชะงักงงัน “ดันปล่อยให้พวกเขาหนีไปเสียได้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อโบกมือสลายกระแสพลังขุมนั้น ก่อนจะมาหยุดข้างกายนางแล้วบอกว่า “ผู้ฝึกตนระดับนั้น ส่วนมากจะมีอาวุธรักษาชีวิตติดตัว หนีไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
เขามองนาง จากนั้นถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่”
เขาสังเกตตามตัวนาง เห็นมีคราบดำๆ ติดตามใบหน้า จึงเอื้อมมือไปเช็ดออกให้
………………………………….
ตอนที่ 2960 บรรพจารย์
“ไม่ได้บาดเจ็บ ข้าเพิ่งออกมาจากห้องหลอมยา ใส่ชุดลำลอง ซ้ำยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาหลายวัน เนื้อตัวจึงมอมแมมเช่นนี้” นางยิ้มบางๆ ไม่ได้ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนเอง เพียงแต่หันไปมองคนอื่นๆ
“เจ้าพักก่อนเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า ก่อนปล่อยให้นางยืนพักที่ด้านหนึ่ง ส่วนตนเองโฉบร่างเข้าไปช่วยจัดการคนชุดดำที่เหลือ
ด้วยวรยุทธ์ระดับเซียนสวรรค์ของเขา เพียงไม่นานคนชุดดำพวกนั้นล้วนตายด้วยน้ำมือของเขา พอเขาเห็นคนแปลกหน้าพวกนั้น สายตาก็ไหวระริก
“เซ่าซวี่โซ่วคารวะท่านบรรพจารย์” ผู้นำตระกูลเซ่าเห็นเขามองมา จึงรีบนำคนสี่คนที่อยู่ด้านหลังมาคารวะ แม้ตอนนี้พวกเขาจะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่กล้าละเลยธรรมเนียมเมื่ออยู่ต่อหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
ท่านผู้นี้เป็นถึงอาจารย์ของบรรพชนของพวกเขา แม้แต่บรรพชนของพวกเขาหากอยู่ที่นี่ก็ยังต้องทำตัวเคารพนบนอบ พวกเขาย่อมไม่กล้าเสียมารยาทแม้แต่น้อย
เดิมทีไม่รู้ที่มาที่ไปของคนทั้งสอง ยังคิดจะเรียกขานว่าคุณชาย ตอนนี้พอรู้ฐานะของพวกเขาแล้ว ย่อมไม่กล้าเรียกว่าคุณชายอีก แต่เปลี่ยนคำเรียกขานเป็นท่านบรรพจารย์แทน
ได้ฟังคำเรียกขานนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อสายตาไหวระริกเล็กน้อย ก่อนถามเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกท่านเป็นคนในตระกูลของซื่อเชวียหรือ”
“เรียนท่านบรรพจารย์ พวกเราเป็นญาติสายรอง แต่ก่อนไม่เคยพบหน้าท่านบรรพชน แต่ท่านบรรพชนถ่ายทอดคำสั่งลงมา ให้พวกข้าคอยดูแลบรรพจารย์ทั้งสองท่านในเมืองสี่ทิศนี้มากหน่อย” ผู้นำตระกูลเซ่าตอบคำถามอย่างพินอบพิเทา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้าเบาๆ ก่อนบอกว่า “ลำบากพวกท่านแล้ว ไปทำแผลก่อนเถอะ!”
คนของตระกูลเซ่าได้ยินก็ดีใจ รีบรับคำ จากนั้นก็ถอยออกไปด้านหนึ่ง
“พวกท่านสองคนมาได้อย่างไร”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหันไปมองอาวุโสเจียงกับชิวเฉิงไห่ คนของตระกูลเซ่ามาช่วย นั่นเพราะมีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน สองคนนี้กลับไม่เคยรู้จักกับพวกเขามาก่อน แต่กลับยื่นมือเข้ามาช่วย
อาวุโสเจียงขยับปาก กำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เฟิ่งจิ่วก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“ต่างก็ได้รับบาดเจ็บกัน ทำแผลก่อนเถอะ!” เฟิ่งจิ่วมองทั้งสอง ก่อนจะเหลือบมองศพบนพื้น และหันไปมองพวกเหลิ่งหวา เห็นพวกเขาแม้จะไม่ได้บาดเจ็บหนัก แต่ก็มีบาดแผลกันคนละเล็กคนละน้อย จึงบอกว่า “เหลิ่งหวา จัดการศพบนพื้นหน่อย ตรวจสอบดูว่ามีเบาะแสอะไรหรือไม่”
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำ จากนั้นก็ไปตรวจสอบศพกับพวกหลัวอวี่ ค้นของทุกอย่างบนตัวจนสิ้น ก่อนจะจัดการศพให้สิ้นซาก
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง แสงอาทิตย์แรกก็อาบไล้ลงมายังจวน แสงสว่างนวลตาส่องผ่านต้นไม้ในจวนและสาดเฉียงลงมาบนพื้น เหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างที่ๆ เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างนอก พอเห็นว่าสถานการณ์เงียบสงบแล้ว ต่างก็อยากจะเข้ามาดูเหตุการณ์ข้างใน
ตกลงว่าใครเป็นฝ่ายฆ่าใครกันแน่? เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? คนที่พุ่งเข้าไปช่วยยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?
ชั่วขณะหนึ่ง คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจ แต่กลับไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบดู ผู้นำตระกูลต่างๆ ทำได้เพียงล่วงหน้ากลับไปก่อน และเหลือคนไว้สองสามคนเพื่อสืบข่าวต่อ
อวี่เหวินเฮ่อไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างใน แต่กลับรู้สึกว่าเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน คนพวกนั้นทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เพียงแต่เพราะพ่อของเขาไม่กล้าเสี่ยง ตระกูลอวี่เหวินของพวกเขาจึงได้พลาดโอกาสในการผูกมิตรครั้งนี้ไป…
นึกมาถึงตรงนี้ เขาอดทอดถอนใจเงียบๆ ไม่ได้ ‘โอกาสอย่างนี้ภายหน้าคงไม่มีอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไปเลย’
ในจวนของเฟิ่งจิ่ว ณ ห้องโถงใหญ่ บรรยากาศในตอนนี้ดูแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย
………………………………….