เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2971 ตาแก่ / ตอนที่ 2972 ว่าง่าย
ตอนที่ 2971 ตาแก่
หญิงวัยกลางคนล้มลุกคลุกคลาน รีบวิ่งเข้าไปหลบในฝูงชนอย่างไม่สนใจสภาพของตนเอง
ขณะเดียวกัน คนบางส่วนที่เดิมทีมีแผนการในใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ต่างก็รีบเก็บงำความโลภ หากคิดจะเล่นงานพวกนั้นโดยที่ตนเองไม่มีความสามารถมากพอ เกรงว่าสุดท้ายฝ่ายที่ซวย ก็คงเป็นตัวพวกเขาเอง
เพียงแต่เวลานี้คนบางส่วนกลับกำลังครุ่นคิด ว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้าเป็นใครกันแน่? ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ยินเสียงของคนคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ข้างในนั้นมีคนอยู่ จริงๆ น่ะหรือ?
ฮุยหลางเก็บกระบี่ หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปนั่งบนรถม้า ก่อนจะขับรถม้าต่อ คนข้างหลังเห็นพวกเขาจากไปแล้วก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“ดูออกแล้วใช่หรือไม่ คนที่นั่งอยู่ข้างในนั้นไม่ใช่คนธรรมดา” ชายชราลูบหนวดเอ่ย สายตายังคงจ้องรถม้าคันนั้น
ผู้ฝึกตนบางคนได้ยินคำพูดของเขา กอปรกับเห็นรถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว จึงถามว่า “พวกข้าเลี้ยงเหล้าเจ้า เจ้าบอกพวกข้าหน่อยเป็นอย่างไร”
ชายชราได้ยินก็บอกว่า “เลี้ยงเหล้าน่ะไม่จำเป็น แต่หากมี…” เขาทำท่าท่างเหมือนจะสื่อถึงเงิน
ผู้ฝึกตนพวกนั้นมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบเหรียญทองออกมาคนละสองเหรียญวางลงบนมือของชายชรา “พอใจหรือยัง?”
“หึๆ พอแล้วล่ะ!” ชายชราหัวเราะ ก่อนจะส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกให้พวกเขาเดินไปที่มุมถนน จากนั้นก็กระซิบบอกว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากวางวิญญาณทองม่วงสองตัวนั้นมาจากไหน”
พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่รู้น่ะสิ รู้แล้วจะถามเจ้าหรือ”
“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้! นั่นเป็นกวางวิญญาณทองม่วงที่อาวุโสมู่ซินในสำนักเซียนเลี้ยงไว้ เขาหวงแหนมันมากนะ! พวกเจ้าคงไม่รู้กระมัง! ผู้อาวุโสมู่ซินกับผู้อาวุโสซื่อเชวียคารวะคน นทั้งสองคนเป็นอาจารย์ ซึ่งก็คือคนในรถม้านั่น กวางวิญญาณทองม่วงเป็นของแสดงความกตัญญูต่ออาจารย์ที่ผู้อาวุโสมู่ซินมอบให้อาจารย์ของเขา เจ้าว่าการจ้องจะเล่นงานคนเช่นนี้ ไม่เท่ ากับรนหาที่ตายหรือ?”
ผู้ฝึกตนพวกนั้นตะลึงงัน “ไม่ใช่กระมัง อาจารย์ของผู้อาวุโสในสำนักเซียน? หรือจะเป็นตาแก่อายุพันปีสองคน?”
“ผิดแล้วๆ ได้ยินว่าสองคนนี้รูปร่างหน้าตางดงามดุจเทพเซียน บุคลิกโดดเด่นน่าเกรงขาม อีกอย่าง…” ชายชราลูบหนวดยิ้มๆ ก่อนจะมองพวกเขาแวบหนึ่ง
“อีกอย่างอะไร? เจ้าพูดมาสิ!” ผู้ฝึกตนพวกนั้นเอ่ยอย่างร้อนใจ ถูกกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นเข้าแล้ว แต่ตาแก่นี่กลับเอาแต่ทรมานพวกเขาอยู่อย่างนี้
“หึๆ ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้วคนในรถม้าเป็นใคร สิ่งที่จะบอกพวกเจ้าต่อไปนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พวกเจ้าอยากฟังหรือ?” ชายชรายิ้มตาหยีขณะถาม
ได้ยินอย่างนี้กอปรกับเห็นท่าทางของชายชรา พวกเขาก็ถลึงตา ก่อนจะล้วงเหรียญทองออกมาให้เขาอีกสองเหรียญ “เอาล่ะ รีบพูดได้แล้ว! เป็นคนอย่าโลภให้มากนัก”
ตาแก่โยนเหรียญทองในมือ ก่อนจะยิ้มบอกว่า “อีกอย่าง หลายวันก่อนเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นบนเมืองลอยฟ้า คนของตระกูลเจียงหาเรื่องสองคนนั้น สุดท้ายพวกเจ้าเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ตระกูลเจียง? หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของเมืองสี่ทิศนี้น่ะหรือ?” พวกเขาถามด้วยความตกใจ
“ถูกต้องแล้ว คุณชายใหญ่บ้านรองของตระกูลเจียงหาเรื่องสองคนนั้น สุดท้ายพ่ายแพ้จนต้องเสียศิลาดาราไปสามแสนก้อน ยาทิพย์พันปีสิบต้น แล้วก็อาวุธเซียนอีกสองชิ้น ได้ยินว่าพอกล ลับไป คุณชายใหญ่บ้านรองรวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดและคุณชายสามเจียงยังถูกสั่งให้เข้าโถงลงโทษ ช่วงนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงอยู่เลย!”
ผู้ฝึกตนพวกนั้นตะลึงงัน พวกเขาจ้องตาแก่คนนั้นก่อนถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “ตาเฒ่า เจ้ามาจากไหนกัน? เหตุใดรู้เรื่องดีขนาดนี้?”
………………………………….
ตอนที่ 2972 ว่าง่าย
ชายชราหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดด้วยท่าทางมีลับลมคมใน “ข้ารู้แล้วกัน” เอ่ยจบก็โบกมือหมุนตัวจากไป
ในอีกด้านหนึ่ง ฮุยหลางจอดรถลากไว้ข้างทาง เพราะเฟิ่งจิ่วไม่มีอารมณ์เดินตลาดแล้ว จึงสั่งให้เหลิ่งซวงไปซื้อของบางอย่างกลับมา ส่วนนางนั่งอุ้มเด็กทารกพักอยู่ในรถ
พื้นที่ข้างในกว้างมากกอปรกับมีกลไกบางอย่าง รวมถึงตั่งเตี้ยเอาไว้นอนพักทำให้นั่งเท่าไรก็ไม่รู้สึกเหนื่อย
“ห้าวเอ๋อร์ เรียกแม่สิ มา เรียกแม่สิลูก” นางจับมือทั้งสองข้างของเด็กน้อย พลางสอนเขาเรียกนางว่าแม่
“มะๆๆ เอิ๊กๆๆ…” เด็กน้อยขยับปากและอ้าปาก แต่กลับไม่รู้วิธีพูด เอาแต่หัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“ท่านแม่ มา เรียกท่านแม่” เฟิ่งจิ่วยังคงสอนต่อ พลางหยิบผ้าผืนเล็กออกมาเช็ดน้ำลายที่มุมปากให้เขา
ฮุยหลางที่นั่งอยู่ข้างนอกได้ยินเฟิ่งจิ่วสอนนายท่านน้อยเรียกท่านแม่ อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
ฮุยหลางคิดในใจ หากภูตหมอกับนายท่านมีลูกด้วยกันสักคนก็คงดี เสี่ยวห้าวเอ๋อร์แม้น่ารัก แต่อย่างไรก็ไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาถึงจะได้อุ้มลูกของพวกเขาสอง คน
“ไม่ ข้าไม่ไป ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
ทันใดนั้น เสียงร้องไห้และร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากข้างนอก เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างในชะงักงัน ฟังจากเสียงแล้วอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่ง น่าจะไม่ได้ตะโกนมาทางพวกเขา ดังนั้นนางจึงหย ยอกเล่นกับเด็กน้อยต่อ
ฮุยหลางที่นั่งอยู่บนรถม้าหันไปมองข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เห็นเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างข้างหน้า เสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือดังมาแว่วๆ เขาจึงชะโงกหน้ามองออกไป ก่อน เห็นคนแถวนั้นถอยห่าง พร้อมกับหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งวิ่งร้องไห้ออกมา ข้างหลังยังมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งไล่ตามมาด้วย
ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเพียงสาวเท้าเร็วๆ ไม่กี่ก้าวก็ล้อมหญิงคนนั้นเอาไว้ได้แล้ว หนึ่งในนั้นพ่นคำด่า ก่อนที่จะเงื้อมือตบหญิงงามหนึ่งฉาด ความแรงนั่นทำให้หญิงคนนั้นล้มลงไปกับ บพื้น
ได้ยินเสียงดังเพี๊ยะ ฮุยหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบคนตีสตรี คนที่ตีสตรีจะนับเป็นบุรุษประสาอะไรกัน? ดูหน้านางที่บวมเป่งขึ้นมาทั้งแถบนั่นสิ ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย ยู่บนพื้น ยังไม่ทันลุกขึ้นก็ถูกหนึ่งในนั้นหามขึ้นบ่า
“ใครใช้ให้เจ้าหนี! เก่งนักก็หนีอีกสิ หากยังกล้าหนีอีกข้าจะหักขาของเจ้า!” ชายฉกรรจ์ด่าอย่างเจ็บแสบ เขาหามหญิงงามที่กำลังร่ำไห้ทำท่าจะเดินจากไป
ทว่าเพราะเสียงร้องไห้ของหญิงสาวคนนั้น รวมถึงเสียงด่าของชายฉกรรจ์ ทำให้เสี่ยวห้าวเอ๋อร์ที่กำลังเล่นอย่างเพลิดเพลินสะดุ้งตกใจ ครั้นเด็กน้อยตกใจก็แหกปากร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
เฟิ่งจิ่วเห็นดังนั้นก็รีบอุ้มเขาขึ้นมา พลางปลอบประโลมเสียงเบา “เด็กดี ลูกรักของแม่ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ตรงนี้แล้ว!”
นางปลอบประโลมเสียงเบา เด็กน้อยซบในอ้อมกอดของนางก่อนจะค่อยๆ หยุดสะอื้นไห้ เพียงกะพริบตาปริบๆ ดวงตาสุกใสมองมาที่นาง ท่าทางเช่นนั้นน่ารักน่าชังยิ่งนัก เฟิ่งจิ่วเห็นแล้วก็อดก้ มลงหอมแก้มของเขาไม่ได้
“ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ตรงนี้ แม่อยู่กับเสี่ยวห้าวเอ๋อร์เอง!” เด็กน้อยในอ้อมแขนเหมือนเข้าใจคำพูดของนาง มือน้อยๆ คู่นั้นจับปกเสื้อของนางแน่นๆ แนบหน้ากับหน้าอกของนาง ได้ยิน เสียงหัวใจเต้นของนางจึงสงบลงมา
เห็นท่าทางว่าง่ายของเด็กน้อย เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้ม นางเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้นแล้วมองออกไปข้างนอก ก็เห็นหญิงสาวที่ถูกหามขึ้นบ่ากำลังดิ้นรนขัดขืน ปลายนิ้วขยับเบาๆ กระแสพลังขุม หนึ่งพลันพุ่งออกไป