เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2977 จมูกเขียวหน้าบวม / ตอนที่ 2978 ซ้อมมือ
ตอนที่ 2977 จมูกเขียวหน้าบวม
“ลองดูก่อนเถอะ! ข้าก็ไม่รู้ว่าคนคนนี้คิดจะทำอะไรเช่นกัน” เฟิ่งจิ่วกล่าวยิ้มๆ พลางหยอกเล่นกับเสี่ยวห้าวเอ๋อร์ “นานวันเข้า น่าจะดูออกเอง แต่ตอนนี้เรื่องที่แน่ใจก็คือเข ขาไม่น่าจะมีอันตรายกับเรา”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งซวงจึงพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
“เจ้าพาห้าวเอ๋อร์ออกไปเล่นเถอะ! ข้าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย” เฟิ่งจิ่วว่า นางหอมแก้มเด็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
ในเรือนที่พัก เหลิ่งหวากลับออกไปแล้ว อาวุโสเหมยนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างโต๊ะ ความตื่นเต้นในดวงตานั้นเก็บงำเอาไว้ไม่มิด เขาดื่มน้ำเพื่อสงบอารมณ์ตื่นเต้นอยู่ในห้อง ก่อนจะปรับส สติอารมณ์ เดินออกไปพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
เหลิ่งหวาบอกเรื่องที่เฟิ่งจิ่วตัดสินใจรับอาวุโสเหมยไว้กับพวกตู้ฝาน พวกหลัวอวี่ไม่ค่อยเชื่อว่าอาวุโสเหมยมีวรยุทธ์เหนือเฟิ่งจิ่ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมาหาอาวุโสเหมยที่เรือน นของอีกฝ่าย
“พวกเจ้าจะทำอะไร”
อาวุโสเหมยที่เพิ่งเดินออกมาถูกพวกเขาขวางทางไว้ เมื่อเงยหน้ามอง สายตากวาดผ่านพวกเขาไปเพียงแวบเดียวก็คาดเดาระดับวรยุทธ์ของพวกเขาออกแล้ว
“ท่านก็คืออาวุโสเหมยหรือ พวกข้าได้ยินเหลิ่งหวาบอกว่าท่านสู้เก่งมาก ตอนนี้ก็อยู่ว่างๆ ลองสู้กับพวกข้าสักหลายกระบวนท่าดีหรือไม่” หลัวอวี่ฉีกยิ้ม ดวงตาจ้องอาวุโสเหมย ร รู้สึกว่าตาเฒ่าคนนี้ดูไม่มีอะไรพิเศษ
“พวกเจ้าคิดจะใช้คนหมู่มากมารังแกคนแก่อย่างข้าหรือ” อาวุโสเหมยร้องแปลกๆ ก่อนจะขยับตัวไปอีกทาง ทำท่าจะหาโอกาสหนี
“จะเป็นไปได้อย่างไร ล้วนเป็นคนจวนเดียวกัน พวกเราแค่อยากมาซ้อมมือกับท่านเท่านั้น” หลัวอวี่ยิ้มบอก
“อย่างนี้ไม่ค่อยดี ไม่ดี หากคุณหนูรู้เข้า จะตำหนิว่าข้ารังแกพวกเจ้าได้ ถึงตอนนั้นข้าจะปกป้องถ้วยข้าวเอาไว้ไม่ได้นะ” อาวุโสเหมยโบกมือ พลางขยับไปข้างๆ คิดจะหนีพวกเขา
หลัวอวี่กับตู้ฝานสมองหน้ากัน ยิ้มบอกว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเรารู้ว่าควรหยุดตอนไหน ไม่ทำให้ถึงชีวิตหรอกน่า มาๆ ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น อย่าถ่อมตัวเกินไปเลย”
ได้ยินอย่างนี้ อาวุโสเหมยสายตาพลันไหวระริก “ครอบครัวเดียวกัน? ข้าตัวคนเดียว ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มีครอบครัวกับเขาด้วย” เขามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก่อนตอบว่า “ก็ได้! ในเมื่อพ พวกเจ้าเห็นข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าย่อมยอมทำตามแต่โดยดี ซ้อมมือกับพวกเจ้า แต่ต้องตกลงกันก่อนนะ แพ้แล้วห้ามแตกคอกัน”
“ไม่แตกคอ พวกเราไม่ได้ใจแคบขนาดนั้นนะ” พวกเขาหัวเราะพลางส่งสายตาให้กัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ มีเพียงฟั่นหลินที่ถอยหลัง ไม่เข้าร่วมการฝึกซ้อมกับพวกเขา
อาวุโสเหมยเห็นดังนั้น รอยยิ้มผุดขึ้นมาในดวงตา เงาร่างโฉบไหว ตวัดกำปั้นออกไปดุจเงา พุ่งใส่หน้าของพวกเขา…
“โอ๊ย! อย่าตีหน้าสิ อย่าตีหน้า!”
“พลั่กๆๆ!”
“ซี๊ด! โอ๊ย…”
ชั่วขณะหนึ่ง เสียงเหวี่ยงหมัดและเสียงกรีดร้องดังขึ้นในลานบ้าน ดึงดูดพวกเหลิ่งหวาให้รีบเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าพอเขามาถึงที่นี่ ภาพที่เห็นกลับทำให้มุมปากกระตุก จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
“ซี๊ด! สวรรค์! เจ็บจะตายแล้ว!”
“พวกเราหลายคนขนาดนี้ยังต่อยเขาไม่ได้สักครั้งอีกหรือ? เสียเปรียบเกินไปแล้ว!”
“ซี๊ด! หน้าข้า หน้าข้าบวมหรือเปล่า”
“บวม เหมือนหัวหมูเลย”
มื้อค่ำ เฟิ่งจิ่วเห็นพวกเขาก้มหน้าที่ทั้งจมูกเขียวหน้าบวม ก็อดที่จะยักคิ้วไม่ได้
………………………………….
ตอนที่ 2978 ซ้อมมือ
“แต่งหน้าได้งามไม่เบานะ” เฟิ่งจิ่วคีบอาหารกิน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเนิบๆ
“นายท่าน…” หลัวอวี่ลูบหน้าที่ทายาแล้วแต่ยังคงบวมเป่ง แล้วบอกว่า “พวกเราทำให้ท่านขายหน้าแล้ว”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ไม่หรอก ข้าไม่ได้เป็นคนจมูกเขียวหน้าบวมเสียหน่อย คนที่ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยสีสันคือพวกเจ้าต่างหาก”
พวกเขาขยับปาก แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างไร้เสียง พวกเขารู้เสียที่ไหนว่าตาเฒ่านั่นจะร้ายกาจขนาดนี้? หากรู้ พวกเขาคงไม่ไปหาเรื่องสู้ด้วยหรอก
“ไหนว่าพรุ่งนี้จะออกไปทำภารกิจแล้ว จะแบกหน้าแบบนี้ไปหรือ เดาว่านายจ้างคงไม่วางใจ” นางยิ้มๆ ดื่มสุราหนึ่งคำ “แต่ว่าอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน หน้ามีสีหน่อยก็สมควรแล้ว”
“นายท่าน อาวุโสเหมยยอดเยี่ยมขนาดนั้น เหตุใดจึงวิ่งมาที่จวนของเราเล่า เขามาทำอะไรที่นี่กันแน่? ท่านเก็บเขาไว้ในจวน จะเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า?” หลัวอวี่ถามอย่างไม่วางใจ
“แทนที่จะให้เขาลอบจับตาดูแบบลับๆ ไม่สู้ให้อยู่ในที่แจ้งไปเลยไม่ดีกว่าหรือ จากที่ข้าดู น่าจะไม่มีอันตรายอะไร เรื่องในจวน พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ไปอย่างสบายใจได้เลย!”
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนพูดว่า “อยู่ข้างนอกระวังตัวกันหน่อย อย่าทำเป็นเล่นเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นข้าช่วยพวกเจ้าไม่ได้หรอกนะ”
“นายท่านวางใจ พวกเรารู้ขอรับ” พวกเขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะพูดต่อว่า “อย่างนั้นพวกเราไปทายาอีกหน่อย” เอ่ยจบ ก็คารวะแล้วถอยออกไป
เช้าตรู่วันต่อมา พวกเขาออกจากจวนไป ฮุยหลางก็ไปพร้อมกับพวกเขาด้วย เมื่อพวกเขาไปแล้ว ราวกับบรรยากาศในจวนดูเงียบลงมาก
เฟิ่งจิ่วเข้าไปฝึกวรยุทธ์ในห้วงมิติถึงเที่ยงวันแล้วค่อยออกมา นางเอนตัวและใช้หนังสือปิดหน้าอยู่บนตั่งเตี้ย
เหลิ่งหวาเดินเข้ามา รายงานว่า “นายท่าน สมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุในเมืองส่งเทียบเชิญมา”
“ลองอ่านมาสิ!” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างเกียจคร้าน
“ขอรับ”
เหลิ่งหวารับคำ ก่อนจะบอกเนื้อความคร่าวๆ ให้นางฟัง “ประเด็นสำคัญก็คือต้องการเชิญนายท่านไปที่สมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุเวลาเที่ยงวันของพรุ่งนี้ บอกว่ามีการประชุมพูดคุยระหว่างนักเ เล่นแร่แปรธาตุ อยากจะเชิญนายท่านไปร่วมด้วย”
“ปฏิเสธไป” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความรู้สึกสนใจแม้แต่น้อย
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำ ก่อนจะเก็บเทียบเชิญพร้อมเอ่ยขึ้นอีกว่า “ตระกูลเจียง หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองนี้ส่งเทียบเชิญมา บอกว่าพรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของผู้นำตระกูลเจียง ต ต้องการเชิญนายท่านไปร่วมงานที่จวน”
“ตระกูลเจียง?” ดวงหน้างามใต้หนังสือหยักยกมุมปากเล็กน้อย “ตระกูลเจียงนี่น่าสนใจ ยังคิดจะเชิญข้าไปที่จวนอีกหรือ เพียงแต่ข้าไม่ได้รู้สึกดีกับตระกูลเจียงมากนัก ไม่ค่อยอยากไป ปเช่นกัน”
เหลิ่งหวายิ้มบอกว่า “อย่างนั้นข้าปฏิเสธแทนนายท่านก็แล้วกัน! แต่มีอันหนึ่ง นายท่านจะต้องสนใจแน่ๆ”
“อ้อ อะไรหรือ” เฟิ่งจิ่วถาม ได้ยินเขาว่าอย่างนี้ กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
“หอสมบัติสวรรค์ซึ่งเป็นหอประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจะจัดการประมูลในวันพรุ่งนี้ ได้ยินมาว่ามีของดีมากมาย นายท่านสนใจจะไปดูหน่อยหรือไม่”
เฟิ่งจิ่วหยิบหนังสือลง “หอประมูลหรือ? ลองไปดูหน่อยก็ได้ พรุ่งนี้เจ้าจัดแจงหน่อยก็แล้วกัน!” เอ่ยจบ นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอีกว่า “อาวุโสเหมยเฝ้าประตูอยู่ตลอดหรือ”
“เขาสัปหงกเฝ้าประตูใหญ่อยู่ตลอดขอรับ” เหลิ่งหวาตอบคำ นึกถึงผู้อาวุโสเหมยทีไรก็มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ คนที่มีวรยุทธ์สูงกว่านายท่านของเขา เหตุใดจะต้องมาเฝ้าประตูให้พวกเขา าด้วย?
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ไปเถอะ! ไปเรียกเขามาที่ลานประลองหน่อย” เอ่ยจบ ก็เดินออกไป