เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 317 สถานการณ์วิกฤต! + ตอนที่ 3
ตอนที่ 317 สถานการณ์วิกฤต!
“คุณหนูใหญ่!”
เหล่าทหารอารักขาคุกเข่าลงข้างเดียวเพื่อคารวะด้วยความเคารพ
เฟิ่งจิ่วมองพวกทหารอารักขาที่เฝ้าระวังอยู่รอบๆ เรือน พูดสั่งว่า “หากไม่มีคำอนุญาตจากข้าห้ามใครเข้าใกล้เรือนนี้แม้แต่น้อย!” กล่าวจบก็สาวก้าวเดินเข้าไปด้านใน
“ขอรับ!” ทหารอารักขาขานรับ หลังรอนางเข้าไปในเรือนถึงจะลุกยืนขึ้นอีกครั้ง
เมื่อสองสามคนในห้องได้ยินเสียงข้างนอกจึงรีบร้อนออกมาต้อนรับ พอเห็นว่าเป็นนางผู้เฒ่าก็แทบจะน้ำตาร่วง
“แม่หนูเฟิ่ง แม่หนูเฟิ่งกลับมาแล้ว พ่อหลานเขา เขา…”
ความเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกในที่สุดก็ทลายลงเมื่อเห็นคนในครอบครัว เปิดเผยซึ่งความกังวลและหวาดกลัวที่เขาฝืนกดไว้ตลอด เสียงเขาสะอึกสะอื้น ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อยมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เลือนราง
เฟิ่งจิ่วก้าวยาวเข้าไปประคองเขาไว้ กล่าวอย่างรู้สึกผิด “ท่านปู่ แม่หนูเฟิ่งไม่ดีเอง ถึงกลับมาดึกป่านนี้”
“ไม่เป็นไร กลับมาก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว แม่หนูเฟิ่ง เร็ว เข้าไปดูพ่อหลานเร็ว” ผู้เฒ่าเช็ดน้ำตาตรงหางตาแล้วลากนางเดินเข้าห้องไป
พอเข้าห้องมาเฟิ่งจิ่วเร่งฝีเท้ามาด้านในห้อง เมื่อเห็นเฟิ่งเซียวที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงสีหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อย ก้าวยาวเข้ามาถึงข้างเตียงสำรวจดูเขาอย่างรวดเร็ว ยิ่งตรวจยิ่งตกใจ
เห็นสีหน้านางเคร่งขรึม ท่านผู้เฒ่าที่ให้กวนสีหลิ่นประคองอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “เขาเป็นยังไงบ้าง? ยังช่วยได้หรือไม่?” ขณะที่ถามคำนี้ออกไปหัวใจเขาสั่นเครือด้วยกลัวมากว่าสุดท้ายคนผมขาวจะต้องส่งคนผมดำแล้วจริงๆ
“อาการวิกฤตมากเจ้าค่ะ”
เธอพูดโดยไม่หันหน้ากลับมา หยิบเครื่องมือออกมาจากห้วงมิติ พลางบอกว่า “พี่ชาย ท่านเข้ามาช่วยที ข้าต้องดึงลูกศรออกมาก่อน”
“ได้!” กวนสีหลิ่นขานรับแล้วเร่งฝีเท้าเข้ามา
“เหลิ่งหวา ยกน้ำสะอาดเข้ามาให้ข้าด้วย!”
“ขอรับ!” เหลิ่งหวาขานรับก่อนจะหมุนตัววิ่งออกไป ไม่นานนักก็ยกน้ำสะอาดเข้ามา
ผู้เฒ่าช่วยอะไรไม่ได้จึงทำได้เพียงมองอยู่ข้างๆ อย่างร้อนใจ
เพียงเห็นเฟิ่งจิ่วล้างสองมือให้สะอาดเสียก่อน ค่อยฉีกเสื้อด้านหลังท่านพ่อจนขาด มองลูกศรนั่นสักพักขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่เป็นลูกศรหัวตะขอกลับ หากดึงออกมาตรงๆ จะต้องเกี่ยวเอาเนื้อออกมาแผ่นใหญ่ ถึงเวลานั้นจะหยุดเลือดไม่ได้อาการจะยิ่งสาหัส ดังนั้น เธอทำได้เพียงหยิบมีดเล็กออกมากรีดเปิดเนื้อข้างๆ พลางค่อยๆ ขยับลูกศรออกเบาๆ อย่างระมัดระวัง เลือดไหลออกมาพร้อมจุดๆ สีดำ
กวนสีหลิ่นเห็นลูกศรหัวตะขอกลับนั้นถูกดึงออกมาจากเนื้อทีละนิดๆ ตอนสุดท้ายที่นางดึงออกมาด้านนอกก็นำยาหยุดเลือดที่เตรียมไว้พรมลงยังรูเลือดเล็กๆ ที่คล้ายกับบ่อเลือดไปในเวลาเดียว ต้องใช้ยาไปเต็มๆ ครบหนึ่งขวดถึงจะห้ามเลือดที่ออกจากปากแผลไว้ได้
เฟิ่งจิ่วพันบาดแผลด้านหลังไว้เรียบร้อยอย่างง่ายดาย แล้วเลือกของมีคมที่แหลมและเล็กละเอียดราวกับท่อเหล็กจากพวกอุปกรณ์ต่างๆ พลางสั่งว่า “ให้เขานอนราบ ตัดเสื้อตรงหน้าอกออก”
กวนสีหลิ่นทำตามคำสั่งถึงจะถอยออกมาเห็นนางใช้ของมีคมเล็กแหลมในมือแทงลงไปตรงแผกอกเฟิ่งเซียวโดยไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นภาพนี้เขาตกใจเสียจนแทบร้องออกมาอย่างไร้เสียง
เลือดทะลักออกมาผ่านทางท่อเหล็กพุ่งขึ้นกระเซ็นใส่ตัวเฟิ่งจิ่วราวกับกระบอกสูบเลือด
เพียงเห็นมือหนึ่งนางใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณนาบไปบนแผงอกท่านพ่อ จนเมื่อเห็นในปากเขามีเลือดเอ่อล้นถึงจะกดหน้าอกตรงบริเวณที่แทงท่อเหล็กไว้แล้วดึงมันออกพร้อมจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย
ผู้เฒ่าที่เห็นภาพเช่นนี้เพียงรู้สึกว่าตรงหน้ามีแต่สีเลือด กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในห้องรวมถึงอาการเฟิ่งเซียวทำให้เขาแทบจะยืนได้ไม่มั่นคงนัก ทว่าในเวลานี้เองด้านนอกกลับมีเสียงลอยมา…
…………………………………………
ตอนที่ 318 ตลาดมืดมาส่งยา!
“ท่านผู้เฒ่า”
นั่นเป็นเสียงพ่อบ้าน เมื่อได้ยินเสียงนี้ผู้เฒ่าก็สงบจิตใจไว้สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะเดินออกไปโดยมีเหลิ่งหวาช่วยพยุง
เปิดห้องออกก็เห็นพ่อบ้านคอยอยู่ในสวย จึงถามว่า “มีเรื่องอะไร?”
“ท่านผู้เฒ่า ผู้ดูแลตลาดมืดมา บอกว่าเพราะรู้ว่านายท่านเกิดเรื่องจึงส่งยาช่วยชีวิตมาให้เป็นพิเศษขอรับ” เห็นท่าทางท่านผู้เฒ่ากังวลและเหนื่อยล้ายากจะปิดบังพ่อบ้านก็ถอนใจอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้นายท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง?
ได้ยินเช่นนี้ท่านผู้เฒ่าก็ตกใจ จากนั้นจึงถาม “ตอนนี้คนอยู่ไหน?”
“เพราะคุณชายกวนมีคำสั่งให้ปิดประตูไม่รับแขก ตอนนี้ข้าน้อยจึงไม่ให้เขาเข้ามา ยังคอยอยู่นอกประตูขอรับ!”
ในขณะที่ผู้เฒ่ายังลังเลว่าจะรับยานี้ไว้ดีหรือไม่เสียงกวนสีหลิ่นก็ลอยมาจากในห้อง “เหลิ่งหวา เข้ามาทีสิ”
เหลิ่งหวาขานรับ หลังให้ท่านผู้เฒ่ายืนเรียบร้อยถึงจะเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ออกมาอีกครั้งแล้วกระซิบแนบข้างหูท่านผู้เฒ่าเพียงไม่กี่ประโยค
“เช่นนี้แล้วกัน! เจ้าเชิญเขามาห้องโถงใหญ่ ข้าจะลองไปดู” ผู้เฒ่าพูดจบก็ส่งสัญญาณให้พ่อบ้านเชิญคนเข้ามา
ทว่าพ่อบ้านกลับไม่ไป แต่ลังเลไปพักหนึ่ง ถามว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านอ๋องสามก็คอยอยู่หน้าประตู เรื่องนี้… ต้องให้เขาเข้ามาหรือไม่ขอรับ?”
“ให้เขากลับไปก่อน บอกว่ายามนี้ในจวนไม่ว่างต้อนรับคน ใคนมาก็ไม่พบทั้งนั้น” ผู้เฒ่าพูดพลางโบกๆ มือ
“ขอรับ” พ่อบ้านขานรับถึงจะไปยังด้านนอก
“เจ้าอยู่ก่อนเถอะ! คอยดูว่าต้องช่วยเหลืออะไรไหม” ผู้เฒ่าบอกกับเหลิ่งหวาให้สัญญาณเขาอยู่ต่อ ขณะตนกำลังเดินออกเรือนไปฝีเท้าก็ชะงักลง เอ่ยกับเหล่าทหารอารักขาที่เฝ้าอยู่รอบๆ เรือนว่า “เรื่องที่คุณหนูใหญ่กลับมาไม่ต้องให้ใครรู้”
ทหารอารักขาผงะไปกลับยังคงขานรับอย่างพร้อมเพรียง “ขอรับ!”
เพราะในเรือนนี้มีพวกเขาเฝ้าไว้ข้ารับใช้ในเรือนจึงไม่สามารถเข้ามาด้านนี้ได้ ด้วยเหตุนี้เรื่องที่คุณหนูใหญ่กลับมาเมื่อครู่เดาว่าคงมีแค่คนของพวกเขาตรงนี้เท่านั้นที่รู้
หน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง
เพราะเฟิ่งเซียวเกิดเรื่อง ข่าวแพร่สะพัดราวกับขนนกที่ลอยไปเต็มท้องฟ้า แทบจะรู้กันทั่วเมือง คนของกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลทั้งหลายต่างคำนึงถึงความปลอดภัยของเฟิ่งเซียว
ถึงอย่างไร จวนตระกูลเฟิ่งแม้มีเครือญาติแต่สายเลือดโดยตรงกลับมีเพียงเฟิ่งเซียว ประกอบกับผู้เฒ่าเฟิ่งอายุมากแล้ว พลังเข้าสู่ระดับบรรพชนนักรบมาหลายปียังไม่บรรลุขั้น ซ้ำเฟิ่งเซียวไม่มีลูกชายใต้อาณัติมีเพียงลูกสาวคนเดียว หากเขาล้มไปเกรงว่าจวนตระกูลเฟิ่งนี้จะอันตรายมากนัก
ด้วยเหตุนี้ เมื่อทุกคนเห็นผู้ดูแลตลาดมืดมาหน้าจวนตะกูลเฟิ่งในใจจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
หรือเฟิ่งเซียวจะเป็นมิตรสหายกับคนของตลาดมืด? พอเกิดเรื่องจึงรีบเข้ามาส่งยา? ทว่าหากเป็นตลาดมืดอาจจะรักษาชีวิตเขาไว้ได้จริงๆ ถึงอย่างไรตลาดมืดที่เมืองอวิ๋นเยวี่ยนี้ก็แค่สาขาย่อยเล็กๆ แม้เป็นเช่นนี้ภายในตลาดมืดคงยังมียาล้ำค่าที่ช่วยชีวิตคนได้อยู่ไม่น้อย
แต่ยาช่วยชีวิตที่ล้ำค่าเช่นนั้น ตลาดมืดจะส่งให้จวนตระกูลเฟิ่งเปล่าๆ รึ?
ประตูใหญ่จวนเปิดออกอีกครั้ง พ่อบ้านปรากฏตัวตรงทางเข้าเชิญผู้ดูแลตลาดมืดเข้าไปด้วยความเคารพ แล้วพูดกับมู่หรงอี้เซวียนไม่กี่ประโยค ก่อนจะปิดประตูลงอีกครั้ง
ห้องโถงใหญ่ของจวน
“ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง” ผู้ดูแลคารวะไปทางผู้เฒ่าเฟิ่ง
“ผู้ดูแลเหยียน” ผู้เฒ่าคารวะตอบกลับ เอ่ยพร้อมแสดงท่าทาง “เชิญนั่ง”
ผู้ดูแลเหยียนกลับไม่นั่งลง แต่บอกว่า “ตอนที่ภูตหมอจากไปเคยกำชับตลาดมืดว่าต้องดูแลจวนตระกูลเฟิ่งให้มากๆ วันนี้ข้าได้ยินว่าแม่ทัพเฟิ่งเกิดเรื่อง อาการวิกฤตอยู่บ้าง จึงมาส่งยาสองขวดนี้ให้เป็นพิเศษ หวังว่าจะช่วยท่านแม่ทัพเฟิ่งผ่านพ้นวิกฤตได้ขอรับ”
…………………………