เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 347 เตรียมการส่งมอบอำนาจ! + ตอ
ตอนที่ 347 เตรียมการส่งมอบอำนาจ!
วุ่นวายมาทั้งวัน หลังส่งแขกไปพวกคนรับใช้ก็เริ่มเก็บกวาด กวนสีหลิ่นส่งเฟิ่งจิ่วกลับจวน แล้วพวกเขาก็นั่งคุยถึงเรื่องราววันนี้ด้วยกัน
“ไม่เลว ที่มากันได้ก็หมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเจ้ามาก แม้เป็นตระกูลเล็กๆ ก็สามารถเชิญผู้นำตระกูลต่างๆ ในเมืองมาได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาไม่น้อย” ผู้เฒ่าเฟิ่งลูบเคราพลางกล่าวยิ้มๆ มองกวนสีหลิ่นด้วยสีหน้าชื่นชม
“หากไม่มีท่านปู่ช่วยเหลือเดาว่าวันนี้คงยุ่งวุ่นวายไปหมดแล้วขอรับ” เขายิ้มด้วยความเกรงใจอยู่บ้าง บอกว่า “เสี่ยวจิ่วอีกคน ใช้ชื่อภูตหมอให้คนตลาดมืดเข้าไปส่งของขวัญ ข้าเห็นพอคนพวกนั้นได้ยินว่าเป็นของขวัญจากภูตหมอก็จ้องมากันใหญ่เลย”
“ฮ่าๆๆ ภูตหมอเป็นคนระดับไหนแล้ว? ในแคว้นเล็กระดับเก้าอย่างแสงสุริยันเราแม้แต่ตระกูลใหญ่โตยังหวังจะได้สานสัมพันธ์ด้วย” ผู้เฒ่ามองที่เฟิ่งจิ่วอย่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพอใจอย่างยิ่ง
คงไม่มีใครคิดว่าภูตหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะเป็นหลานสาวเขา
“ท่านปู่ ยามนี้เรื่องที่พี่ชายเข้าบ้านก็จบไปแล้ว พวกเราควรจัดการเรื่องในจวนเสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?” เฟิ่งจิ่วถามพลางมองผู้เฒ่าที่ยิ้มด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ
“หลานหมายถึงเรื่องส่งมอบอำนาจรึ?” ผู้เฒ่าหยุดยิ้มมองนาง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ปู่เตรียมพร้อมแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเข้าวัง แม้ตระกูลเราไม่ได้เป็นแม่ทัพปกปักษ์แคว้นก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเรา ไม่เป็นยังสุขกายสบายใจกว่า”
“เจ้าค่ะ งั้นพรุ่งนี้หลานต้องไปเป็นเพื่อนไหม?”
ผู้เฒ่าโบกๆ มือ “ไม่ต้องๆ หลานอยู่ในบ้านเป็นพอ เรื่องนั้นปู่ไปเองก็ได้”
เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็พยักหน้า บอกกับกวนสีหลิ่นว่า “พี่ชาย วันนี้ท่านก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!”
“ก็ดี งั้นข้าจะกลับไปก่อน หากมีเรื่องอะไรค่อยมาหาข้านะ” เขาพูดยิ้มๆ ก้มหัวให้ทั้งสองคนถึงจะหมุนตัวจากไป
“ท่านปู่ หลานจะไปดูเหล่าไป๋หน่อยนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ!” ผู้เฒ่าให้สัญญาณ แล้วยิ้มมองนางหันตัวออกไป
สำหรับเรื่องที่เหล่าไป๋ช่วยเฟิ่งเซียวไว้ ภายในจวนมีเพียงพวกเขาสองสามคนที่รู้เรื่อง เพราะเป็นเช่นนี้พวกเขาจึงรู้สึกแปลกใจกับการที่เหล่าไป๋สามารถต่อต้านผู้แข็งแกร่งระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดได้ แต่ตลอดมาก็ยังมองไม่ออกว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณระดับใด
ถึงอย่างไรเดิมมันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ ปกตินอกจากความขี้เกียจกับบ้ากามก็มีเพียงเรื่องกิน หากไม่ผ่านเรื่องครั้งนั้นมาก็ยังธรรมดาไม่เท่าไหร่เลยจริงๆ
โดยเฉพาะที่เลี้ยงแบบปล่อยโดยไม่ได้ขังไว้ มันกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ชื่อฉิวฉิวจึงวิ่งเล่นอยู่ในจวนกันทั้งวันอย่างอิสระ แต่สถานที่ที่มักจะอยู่บ่อยๆ ก็คือตรงภูเขาจำลองเพราะตรงนั้นปกติจะมีสาวใช้เดินผ่านมากที่สุด เหล่าไป๋จึงเฝ้าอยู่ตรงนั้นทุกๆ วัน
เป็นดังคาดเพิ่งเดินเข้าใกล้ข้างภูเขาจำลองก็ได้ยินเสียงหัวเราะของสาวใช้แว่วมา ค่อยๆ เดินไปใกล้เห็นเหล่าไป๋ส่ายหางกำลังหยอกล้อกับสาวใช้สองคนที่เดินผ่าน สาวใช้ทั้งสองกดกระโปรงไว้พลางวิ่งหนีออกไป
“ฮี้!”
เหล่าไป๋อ้าปากส่งเสียงร้อง หันหน้าไปมองๆ เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วก็เร่งรีบวิ่งเข้าไปหานางอย่างเริงร่า
“เหล่าไป๋ หากเจ้ายังนิสัยหื่นกามไม่เปลี่ยน ไม่ช้าก็เร็วต้องมีปัญหาแน่” เธอลูบหัวมันพลางพูดทั้งรอยยิ้ม ปัดๆ เส้นขนบนหัวแล้วมองเนื้อที่ช่วงนี้โตขึ้นมาอีกครา บอกยิ้มๆ ว่า “ช่วงนี้เจ้าขี้เกียจอีกแล้วล่ะสิ? เจ้าดู เนื้อตรงท้องโตขึ้นมาอีกแล้ว”
“ฮี้!”
เหล่าไป๋ส่งเสียงร้องพร้อมสะบัดหางเข้าใกล้ข้างกายนาง
………………………………………………….
ตอนที่ 348 มีลูกสาวก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง!
“ไป! พวกเราออกไปเดินวนรอบๆ กัน” เธอลูบๆ หัวแล้วจูงมันมายังคอกม้าเพื่อสวมเชือกม้า ขณะกำลังจะพาออกไปก็เห็นฉิวฉิวที่นอนอยู่บนภูเขาจำลองปรี่วิ่งมาในอ้อมแขนเธอ
“เจ้าอยากออกไปด้วยรึ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองเจ้าตัวเล็กที่ขดอยู่ในอ้อมอก
“งั้นก็ได้! แต่บอกไว้ก่อนออกไปข้างนอกอย่าวิ่งซนล่ะ” เธอกำชับพลางลูบเส้นขนฉิวฉิวถึงจะจูงเหล่าไปออกจากประตูใหญ่ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นไปใช้สองขากระทุ้งวิ่งไปยังชานเมือง
เพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำเฟิ่งจิ่วจึงไม่ได้อยู่ข้างนอกนานนัก หลังวิ่นวนรอบหนึ่งก็กลับมาอาบน้ำแล้วเข้าไปฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติจนถึงเช้าตรู่วันต่อมา
หลังล้างหน้าล้างตาเธอมาที่เรือนของท่านพ่อ เมื่อเข้าไปในสวนก็กวาดมองเห็นองครักษ์พวกนั้นยังอยู่กันหมด หลัวอวี่ฉีกยิ้มเอาใจมาทางเธอ เห็นเช่นนี้เธอจึงสั่งกับเหลิ่งซวงด้านหลังแล้วเดินเข้าห้องไป
“นายท่าน” เหลิ่งหวาที่คอยเฝ้าอยู่ด้านในเห็นนางเข้ามาก็คารวะพร้อมขานเรียก
“อืม”
เธอตอบรับ เดินไปในห้องยังข้างเตียงพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านพ่อ วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“จิตใจยังสู้ดี ตรงอกหายใจยังมีเจ็บอยู่บ้าง” เฟิ่งเซียวบนเตียงร่างกายดูแล้วซูบผอมลงไม่น้อยเพราะการบาดเจ็บครั้งนี้
“ลูกขอดูหน่อยนะเจ้าคะ”
เธอนั่งลงข้างเตียงแก้เสื้อท่อนบนเขาเพื่อตรวจดูบาดแผลตรงหน้าอกแล้วจับชีพจร นานนักถึงจะดึงมือกลับ “บาดแผลตรงอกหนักที่สุด แม้กินยาแต่ยังต้องการเวลาฟื้นฟู รอท่านปู่กลับมาลูกค่อยออกไปป่าเก้าหมอบเพื่อตามหาสมุนไพรสองสามอย่างมาปรุงเป็นยาทาสำหรับท่าน ความเร็วในการรักษาตัวก็จะเร็วขึ้นหน่อย”
“ป่าเก้าหมอบ?”
เฟิ่งเซียวตกใจ ส่ายหน้า “ไม่ได้ สถานที่นั้นอันตรายเกินไป เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเจ้าจะไปได้อย่างไร หากขาดสมุนไพรเราซื้อเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นเลย”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ลูกเคยไปจึงคุ้นเคยกับที่นั่น หนำซ้ำสมุนไพรอื่นๆ ซื้อได้ แต่มีชนิดหนึ่งที่หาซื้อข้างนอกไม่ได้” สำหรับคนอื่นอาจบอกว่าป่าเก้าหมอบเต็มไปด้วยอันตราย แต่สำหรับเธอสถานที่แห่งนั้นกลับเป็นแหล่งขุมทรัพย์
เธอเก็บหงส์ไฟน้อยมาจากที่นั่น รู้จักพี่ชายผู้ใสซื่อในที่แห่งนั้น และยังมีท่านอาคนนั้นอีก…
นึกถึงคนที่คิดว่าเป็นท่านอามาตลอดคาดไม่ถึงว่าจะเป็นชายที่ภายนอกเย็นชาแต่ถายในอบอุ่นอย่างเจ้าตำหนักยมราช มุมปากเธอก็กระตุก
ตอนแรกริมฝีปากทั้งสองแตะกันโดยไม่ทันระวังสักพักเขาก็เป็นลมไปเสียแล้ว ทว่ามาตอนหลังในแคว้นเหินเวหาเขากลับมีท่าทางแปลกๆ ซ้ำยังมีครั้งหนึ่งที่คิดจะ จะจูบเธอ?
นึกถึงตรงนี้สีหน้าเธอแปลกใจอยู่บ้าง ในหัวใจมีความรู้สึกประหลาดฉายผ่าน
เห็นลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงเหม่อลอยอย่างชัดเจน เฟิ่งเซียวก็ยิ้มๆ โดยไม่พูดอะไร มองนางเงียบๆ ไปเช่นนั้น ในใจเต็มไปด้วยความภาคภูมิในฐานะผู้เป็นพ่อ
ลูกสาวเขาโดดเด่นที่สุดเสมอมา แต่ไม่รู้ว่าอนาคตผู้ชายแบบไหนกันแน่ที่จะคู่ควรกับนาง?
แม้หวังให้นางได้มีที่พักพิงดีๆ แต่พอคิดว่าลูกสาวที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาอย่างยากลำบากจะกลายเป็นของบ้านอื่น ในใจคนเป็นพ่อก็เศร้าโศกเสียจนน้ำตาจะไหล อืม คิดๆ แล้วการหมั้นหมายของนางกับมู่หรงอี้เซวียนยกเลิกไปก็ดี เช่นนี้นางจะได้อยู่ข้างกายเขาอีกสองสามปี
แต่เรื่องที่ผู้ครองแคว้นบอกจะให้ไปเป็นชายาองค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหาอะไรนั่นกลับละวางไว้เช่นนี้มาตลอด แม้พวกเขาแสดงท่าทีไม่พอใจแต่ยามนี้ก็ไม่มีทางพูดและไม่รู้ด้วยว่าสุดท้ายจะเป็นเช่นไร คิดๆ แล้วน่ากังวลเสียจริง
………………………