เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 385 ความเขินอายของหงส์ไฟน้อย! + ตอนที่ 386 แอบกินโสม!
ตอนที่ 385 ความเขินอายของหงส์ไฟน้อย!
“เจ้าค่ะ งั้นลูกจะกลับเรือนไปก่อน” เธอยิ้มพลางลุกขึ้นยืน หลังจากรู้คร่าวๆ ว่าท่านปู่คงไม่มีอันตรายถึงชีวิตหัวใจที่เคยหวั่นๆ ก็ปล่องวางลง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คืออารักขาตระกูลเฟิ่งดีๆ ตรวจสอบว่าใครเป็นคนจับตัวท่านปู่ไปกันแน่ และทำไมต้องทำถึงเพียงนี้?
เธอคิดว่าเรื่องนี้กเกิดขึ้นกะทันหัน แต่คงไม่ใช่ว่าไม่มีการเตือน ไม่แน่ว่าในห้องท่านปู่อาจจะมีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่ และทั้งหมดนี้ล้วนต้องเผยออกมาทีละขั้นทีละตอน…
กลับถึงห้องเหลิ่งซวงให้คนเตรียมน้ำร้อน หลังจากถอดเสื้อผ้าชุดโทรมบนร่างแล้วล้างหน้าล้างตาเฟิ่งก็นั่งลงแช่น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำ เพียงรู้สึกว่าร่างกายล้วนผ่อนคลายลง
ปกตินางอาบน้ำจะไม่ต้องการให้ใครคอยปรนนิบัติ ด้วยเหตุนี้เหลิ่งซวงจึงเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่เข้ามา
ยามนี้ร่างกายผ่อนคลายแต่ในห้วงความคิดกลับกำลังหวนคิด เรื่องที่ท่านปู่หายตัวไปสำหรับจวนตระกูลเฟิ่งตอนนี้ช่างเป็นคราวเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ หากมีเขาอยู่ยังไงคนพวกนั้นก็ต้องเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาหายตัวไปกลับเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับพวกเขา ตอนนี้ก็ขาดแค่เหตุผลที่จะลงมือ
องครักษ์แปดคนนั้นของท่านพ่อต่างมีกำลังระดับบรรพชนนักรบ บรรพชนนักรบแปดคนรวมท่านพ่อกับผู้เฒ่า พวกเขาเหล่านี้ถึงจะสามารถทำให้จวนตระกูลเฟิ่งอยู่ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยได้อย่างมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซานและไม่มีใครกล้ารังแก ถึงอย่างไรกำลังเช่นนี้แม้อยู่แคว้นอื่นก็ยังเป็นวงศ์ตระกูลที่ไม่มีใครกล้าระรานอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้ในสายตาผู้คนนายท่านจวนตระกูลเฟิ่งคนหนึ่งหายตัวคนหนึ่งล้มป่วย ที่น่ายำเกรงจึงเหลือเพียงแปดคนนั้น
แช่ไปประมาณครึ่งชั่วยามถึงจะบิดผมให้แห้งแล้วลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า เหลิ่งซวงยกชามข้าวต้มรังนกเข้ามา เฟิ่งจิ่วสั่งให้นางเฝ้าเรือนไว้ใครมาก็ไม่ขอพบ ก่อนจะยกข้าวต้มรังนกแวบตัวเข้าห้วงมิติไป
“หงส์ไฟน้อย”
เฟิ่งจิ่วเดินมาใกล้ เห็นเขาหลับใหลมานานถึงเพียงนี้ ตอนนี้ตื่นมาเห็นเธอกลับไม่ดีใจซ้ำยังถลึงตามอง จึงเลิกคิ้วขึ้นโดยฉับพลัน บอกอย่างยิ้มแย้มว่า “นึกว่าเจ้าไม่พบข้ามานานเพียงนี้ ตอนนี้เห็นข้าเข้ามาจะพุ่งเข้ามาหาเสียอีก!”
“เจ้ามันไร้ยางอาย” เขาพูดอย่างโมโหปึงปัง ใบหน้าเล็กปราณีตช่างจิ้มลิ้ม ดวงตาคู่สีดำสนิทจ้องนางอย่างมีความโกรธเคืองสามส่วนและความเขินอายอีกเจ็ดส่วน ดูแล้วน่ารักยิ่งนัก
“ข้าไร้ยางอายยังไงกัน?” เธอเอ่ยถามยิ้มๆ
“ดูเจ้าสิ สวมเสื้อผ้าเช่นนี้เข้ามา คอเสื้อก็ไม่ดึงทบปิดกัน นั่น…”
เด็กน้อยทนพูดต่อไปไม่ได้ ใบหน้าเล็กแดงก่ำเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นจ้องมองนางกลับทนมองคอเสื้อที่เปิดออกครึ่งหนึ่งไม่ได้ หน้าอกที่วับๆ แวมๆ นั้นแม้เขาเป็นสัตว์เทวะแต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย! ไม่นึกว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาโดยไม่รู้จักอายเช่นนี้ เขาแสนจะละอายใจแทน
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ผงะไป ก้มหน้าเหลือบมองตนเอง จากนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะลั่น “เด็กน้อยตัวเล็กแต่ฉลาดเฉลียวเช่นเจ้าเป็นแค่สัตว์ที่ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ ให้เจ้าดูไปก็ไม่เป็นไรหรอก” เธอเล่นหูเล่นตายิ้มกรุ้มกริ่มจงใจแกล้งหยอกเขา เห็นใบหน้าเล็กของเด็กน้อยเขินแดงขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง ความรู้สึกที่หนักอึ้งมาตลอดทางก็จางไปโดยฉับพลัน
“หึ!”
เด็กน้อยสองแขนกอดอกเบือนหน้าออกไปไม่สนใจนางด้วยความอับอายจนกลายเป็นความโกรธ
“เอาล่ะๆ ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น ข้าเพิ่งอาบน้ำเสร็จอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนไม่ใช่หรือ? จะสวมชุดชั้นในก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
เธอนั่งลงตรงหน้าหงส์ไฟน้อย บอกว่า “ดูสิว่าข้าเอาอะไรมาให้เจ้า?” ยกๆ ข้าวต้มรังนกในมือขึ้นด้วยใบหน้าที่ไม่อาจหยุดยิ้ม
ใครจะรู้ว่าเด็กน้อยกลับมุ่ยปากด้วยสีหน้าหยิ่งยโสและไม่ชอบใจ “น้ำลายนกพวกเจ้าอยากกินแต่ข้าไม่ต้องการหรอก”
………………………………………………….
ตอนที่ 386 แอบกินโสม!
ได้ยินเช่นนี้มุมปากเฟิ่งจิ่วก็กระตุก
น้ำลาย…
อย่าพูดเสียน่ารังเกียจเพียงนั้นได้ไหม? เห็นชัดว่าเป็นของดีที่เสริมบำรุงความงามจากภายใน ทว่าสำหรับหงส์ไฟน้อยกลับกลายเป็นน้ำลายนก
“จริงด้วย ร่างเดิมเจ้าเป็นนก ไม่กินเจ้านี่ก็แล้วกัน” เธอพูดอมยิ้ม ยกมันขึ้นมากินเอง
รังนกเป็นของบำรุงความงามที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง รสชาตินุ่มละมุน ซ้ำยังมีกลิ่นไข่ขาวหอมกรุ่น เขาไม่กินเธอก็จะไม่ปล่อยให้เสียของ
“หงส์ไฟน้อย ตอนนี้ร่างกายเจ้าเป็นยังไงบ้าง? ฟื้นตัวหมดหรือยัง?” เธอกินพลางมองถามเขา
เด็กน้อยหันหน้ากลับมา หลังมองนางน้ำเสียงเด็กน้อยถึงจะเปล่งออกจากปาก “ค่อยยังชั่วแล้ว แค่พักฟื้นอีกสองสามวันร่างกายก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้หมด”
“อืม ก็ดี งั้นสองสามวันนี้เจ้าจะพักฟื้นอยู่ในนี้หรืออยากออกไป?” หลังกินหมดไปสองสามคำเธอก็วางชามไว้ข้างๆ
เด็กน้อยชำเลืองมองนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ในบ้านเจ้ายังยุ่งวุ่นวายข้าไม่ออกไปประสมโรงด้วยหรอก จะพักฟื้นอยู่ข้างในนี้แหละ”
“อืม ก็ได้”
เธอพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมากกับการที่เขาจะพักฟื้นอยู่ในห้วงมิติ ถึงอย่างไรด้านในนี้ก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ จะพักฟื้นแน่นอนว่าใช้แรงน้อยแต่ได้ผลมาก ทว่าเห็นเมื่อครู่ใบหน้าเล็กแดงก่ำอยู่ตลอดในใจจึงสงสัยอย่างอดไม่ได้
“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมหน้าแดงเพียงนี้? ยื่นมือออกมาให้ข้าดูหน่อย” เด็กน้อยคนนี้คงไม่ได้ไม่รู้ว่าตัวเองไม่สบายหรอกกระมัง?
“ไม่ต้องๆ ข้าไม่เป็นไร” เขาโบกมือรัวๆ พลางถอยหลังไป
เห็นท่าทางเขารู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ไม่เป็นไร? ไม่เป็นไรแล้วเจ้ารู้สึกผิดอะไร?”
“ข้ารู้สึกผิดเสียที่ไหน!”
“ไม่รึ? งั้นใครเล่าที่หลบสายตาไม่กล้ามองข้า? และใครกันถอยไปข้างๆ ด้วยความตื่นตระหนกซ้ำยังเอามือซ่อนไว้ด้านหลังอีก? พูดมา! เจ้าทำเรื่องรู้สึกผิดอะไรไปกันแน่?”
เธอมองเขายิ้มๆ เห็นครั้งนี้ถึงจะคิดว่าเขาช่างร่าเริงมีชีวิตชีวาเฉกเช่นมนุษย์เด็กน้อย ซ้ำยังรู้จักรู้สึกผิดและอายเป็น ไม่ได้ฝืนเสริมความเป็นผู้ใหญ่ด้วยการวางท่าทางเช่นเด็กที่ทำตัวโตกว่าวัยอีกแล้ว
“ข้าเปล่า!” เขาสะบัดหน้าหนีไม่ยอมพูด
เฟิ่งจิ่วเห็นหน้าเขาแดงก่ำด้วยความรู้สึกโกรธจัด ครุ่นคิดอยู่ในใจพลางดวงตาก็กวาดมองไปรอบๆ เมื่อสายตาหยุดลงบนกล่องทรงยาวก็ตกใจเล็กน้อย ลุกขึ้นเดินไปเปิดกล่องนั้นออกมาดู
“เจ้ากินโสมพันปีไปเกินครึ่งเลยรึ?”
น้ำเสียงเธอยกขึ้นเล็กน้อย มองหงส์ไฟน้อยที่หดหัวด้วยความตกตะลึงอยู่บ้าง แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เจ้าไม่รู้จักคำว่าคนป่วยไม่ถูกกับยาแรงรึ? ยิ่งไปกว่านั้นของอย่างโสมพันปีนี้คนปกติแค่เสี้ยวเดียวก็ยื้อชีวิตได้ เจ้ากลับกินไปเกินครึ่ง เลือดกำเดาไม่ไหลก็ถือว่าโชคดีแล้ว”
เขารู้ว่าตนเองไม่มีเหตุผลพอ แอบๆ มองนางพลางเอ่ยเสียงเบา “ข้าตื่นมาท้องก็หิว ซ้ำยังไม่มีของอื่นที่กินได้เลย…”
เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างจนใจ “ก็ได้ ข้าไม่ว่าเจ้าแล้ว แต่เจ้าอย่าได้เสียสรรพคุณทางยาของโสมพันปีนี้ไปสูญเปล่า จงรีบไปฝึกบำเพ็ญปรับกลิ่นอายโดยเร็ว” เธอวางอีกครึ่งที่เหลือไว้ กำชับว่า “ส่วนที่เหลือนี่จะกินอีกไม่ได้ ร่างกายเจ้ารับไม่ไหวหรอก”
“อืม” หงส์ไฟน้อยขานรับ มองเธอถือชามออกจากห้วงมิติไปถึงจะถอนหายใจออกมา
เวลาพลบค่ำ ประตูห้องเฟิ่งจิ่วเปิดออก เหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจึงเข้ามารับหน้า
“นายท่าน อาหวาบอกว่าผู้นำตระกูลเตรียมอาหารไว้ในเรือนหลักให้ท่านเข้าไปทานเจ้าค่ะ”
“อืม ไปกันเถอะ!” เธอขานรับแล้วเคลื่อนก้าวไปยังเรือนหลัก…
………………………………………………….