เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 431 ประจบประแจงเสียเปล่า + ตอนที่ 432 เฟิ่งจิ่วฟ้องร้อง
ตอนที่ 431 ประจบประแจงเสียเปล่า?
สายตาพวกเขามองไปทางชายชุดคลุมดำ ไม่พูดไม่ได้ว่าชายคนนี้โดดเด่นมากจริงๆ ไม่ว่าสัดส่วนรูปร่างหรือใบหน้าที่เผยให้เห็นเพียงคางกับริมฝีปากบาง ล้วนชวนให้รู้สึกว่าเปรียบไม่ได้กับคนทั่วไป ยิ่งกว่านั้นอำนาจราชันบนร่างชายคนนั้นก็ดุร้ายน่าสะพรึงเกินไป พลังเช่นนั้นแม้แต่รัชทายาทเนี่ยเถิงแห่งแคว้นเหินเวหายังเอามาพูดเปรียบกันยาก ถึงไม่รู้ตัวตนคนผู้นี้ บางคนที่รอบรู้กว้างขวางก็รู้ว่าตัวตนของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
ในยามนี้ ตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักยามมองคุณหนูใหญ่เฟิ่งยิ้มตาหยีเดินไปหาชายชุดคลุมดำคนนั้นด้วยสีหน้าคุ้นเคย ในดวงตามีประกายเอ่อล้น
หากเขาฟังไม่ผิด เมื่อครู่นางเรียกชายชุดคลุมดำว่าเจ้าตำหนักยมราช? ตามที่เขารู้มา คนที่ถูกขนานนามว่าเจ้าตำหนักยมราชเหมือนจะมีแค่เจ้านายผู้ลึกลับแห่งตำหนักยมราชที่เป็นเช่นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง หรือว่า…จะเป็นคนผู้นี้?
เนี่ยเถิงข้างๆ ยามนี้สีหน้าก็ทะมึน โดยเฉพาะเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเดินไปหาชายชุดคลุมดำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวบุปผา อารมณ์บนใบหน้าเอาอกเอาใจและรู้สึกผิดเล็กน้อย มองจนมือใต้แขนเสื้อเขากำแน่น
เขาเป็นถึงรัชทายาทแคว้นเหินเวหา แน่นอนว่าเคยได้ยินชื่อกลุ่มอำนาจตำหนักยมราช รวมถึงชายที่ถูกเรียกยกย่องว่าเจ้าตำหนักยมราชเช่นกัน แต่จะใช่คนตรงหน้านี้หรือ? ชายคนนั้นเล่าลือกันว่าเป็นดังเทพสวรรค์ ลึกลับอย่างยิ่ง ทำไมถึงโผล่มาแคว้นเล็กระดับเก้านี้ ซ้ำยังรู้จักกับหญิงเช่นเฟิ่งชิงเกอ?
หรือว่าเจ้าตำหนักยมราชคนนี้จะไม่ใช่เจ้าตำหนักยมราชคนนั้นที่เขานึกถึง?
ทางด้านนั้น เจ้าตำหนักยมราชมองเฟิ่งจิ่วยิ้มแย้มเข้ามาต้อนรับ มุมปากเผยรอยยิ้มบางซึ่งมีแต่ก็เหมือนไม่มีในที่สุด ในดวงตาดำลึกล้ำฉายแววรักใคร่และอ่อนโยน เวลานี้เขาอยากลูบหัวนาง โอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ และจุมพิตริมฝีปากแดงที่งามเย้ายวนแรงๆ ดูซิว่าครั้งต่อไปนางจะกล้าหนีไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีกหรือไม่?
ทว่าต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ เขาต้องอดทนไว้
รอจัดการคนแคว้นเหินเวหานั่นก่อน ค่อยสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เสียหน่อย ไม่อย่างนั้นนางจะกล้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขาอีก
“ฮิๆ ท่านเจ้าตำหนัก ทำไมท่านเดินทางมาไกลถึงที่นี่ หรือว่ามาทำธุระทางนี้?” เธอมายังเบื้องหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มอิ่มเอม ฝืนใจทำหน้ายิ้มแย้ม
อันที่จริง เธออยากถามว่าท่านรู้ได้ยังไงว่าบ้านข้าอยู่ที่นี่ ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นผู้หญิง ท่านงานรัดตัวอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงวิ่งแจ้นมาแคว้นเล็กระดับเก้านี้?
มาปรากฏตัวอย่างกะทันหันต่อหน้าเช่นนี้ ช่างน่าตกใจจริงๆ…
“ท่านผู้อาวุโส?”
ได้ยินประโยคหน้านางเรียกว่าผู้อาวุโส ประโยคหลังก็ผู้อาวุโส เขาจึงเลิกคิ้วเล็กน้อย แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง “ข้าแก่มากรึ?”
“เหอะๆ ข้าแค่ให้เกียรติท่าน” เธอยิ้มกระอักกระอ่วน คิดว่าทำไมตัวเองถึงไม่มั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา? หรือว่ารู้สึกผิดที่เอาเปรียบเขาเสียมากมาย?
“หึ! เจ้าก็ช่างอ่อนหัดนัก! โดนคนมาบังคับแต่งงานถึงหน้าบ้าน ไม่นึกว่าจะไม่รู้จักเอ่ยอ้างชื่อข้า คิดว่าที่เจ้าประจบประแจงข้ามันเสียเปล่ารึ?”
เขาสั่งสอนเสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์ แต่กลับตัดใจสั่งสอนเกินเหตุไม่ได้ คำพูดก็ไม่รุนแรง ทว่ามีความรู้สึกจนปัญญาที่ไม่อาจอบรมคนให้ดีได้ เฟิ่งจิ่วฟังแล้วอึ้งงันไป มองเขาตาค้าง
เขาจะให้นางอาศัยชื่อและพึ่งพาอำนาจเขา? เธอฟังผิดไปหรือเปล่า? ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าไปกอดแข้งกอดขาหนาๆ และอาศัยที่พึ่งยิ่งใหญ่เช่นเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอสงบใจลง กะพริบตามองเขา นิ้วเรียวงามดั่งหยกชี้ไปทางตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณผู้นั้น กล่าวด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ข้าสู้เขาไม่ไหว เขาบอกว่าจะกำราบข้า”
………………………………………………….
ตอนที่ 432 เฟิ่งจิ่วฟ้องร้อง
เหล่าองครักษ์เห็นนายท่านของตนกล่าวฟ้องกับชายฉายานามเจ้าตำหนักยมราชด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ มุมปากก็กระตุกอย่างอดไม่ได้ ต่างพากันก้มหน้าลงไป
อาจเพราะเคยเห็นการกระทำเด็ดขาดที่เหี้ยมโหดรุนแรงของนายท่าน จึงปรับตัวกับท่าทางไร้เดียงสาและน้อยใจนี้ไม่ค่อยได้ แม้ดวงตาสดใสจะกะพริบ แววตาใสซื่อบริสุทธิ์ มองอย่างไรก็เป็นใบหน้าไร้พิษสง แต่พวกเขาไม่รู้สึกว่านายท่านใส่ซื่อไร้พิษภัยเลย…
ส่วนเจ้าตำหนักยมราชซึ่งได้ยินคำร้องทุกข์จากนาง ไอชั่วร้ายทั่วกายกระจายออกมา แววตาลึกล้ำพลันเย็นชา ก้นบึ้งดวงตาฉายไอสังหารเย็นเยียบที่ดุดัน เขาเงยหน้ามองไปทางตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณผู้นั้น น้ำเสียงเย็นชาน่าขนลุก “อ้อ? เขาคิดจะกำราบเจ้า?”
“ใช่!”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้าหนักๆ จากนั้นเอ่ยอย่างน้อยใจ “เขาอาศัยว่าตนเป็นตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณมารังแกคน ยังมีรัชทายาทแคว้นเหินเวหาคนนั้นอีก ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน จะแต่งข้าเป็นชายารองโดยใช่เหตุ ชายารองอะไรกัน? เป็นภรรยาน้อยชัดๆ! ข้าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฟิ่งผู้สง่างาม มีหรือจะสนใจตำแหน่งภรรยารอง? ข้าบอกชัดแจ้งว่าไม่แต่ง แต่พวกเขาคิดใช้คนจำนวนมากบังคับชิงตัว ทั้งยังบอกอีกว่ากำราบข้าแล้วจะจับกลับไปขังไว้”
ฟังคำพูดจบ เจ้าตำหนักเงียบไปชั่วครู่ ฮุยหลางกับอิ่งอีที่ยืนด้านหลังเจ้าตำหนักจ้องมองตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณกับรัชทายาทแคว้นเหินเวหาอย่างแปลกใจอยู่บ้าง
เหอะๆ ไม่สืบถามเสียหน่อยเล่าว่าคุณหนูใหญ่เฟิ่งผู้นี้เป็นใคร มีฐานะเช่นไร คิดจะแต่งนางเป็นชายารอง? แต่งภูตหมอเป็นชายารอง? เหอะๆ เรื่องประหลาดเช่นนี้มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ทำได้
คิดถึงว่านายท่านมีฐานะสูงส่งปานนั้นภูตหมอยังไม่มอง…แค่กๆ! ยังไม่หวั่นไหว เป็นแค่แคว้นเล็กระดับหกยังกล้ามาแย่งผู้หญิงกับนายท่าน? คิดจะบังคับชิงตัวไป? เพ้อฝันเสียจริง
แต่ว่า…
พวกเขามองเหล่าทหารอารักขาแคว้นเหินเวหาบนพื้นที่เจ็บเจียนตายด้วยสีหน้าประหลาด แม้แต่เสียงร้องโอดครวญยังเปล่งออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าภาพเหตุการณ์นี้กับที่ภูตหมอบอกว่าพวกเขาอาศัยกำลังคนมารังแกไม่ค่อยเข้ากับความจริงสักเท่าไหร่!
ไม่ว่ามองอย่างไร ภูตหมอก็เป็นฝ่ายรังแกคนอื่นเขา หนำซ้ำยังล้มคนแคว้นเหินเวหาไปเกินครึ่งภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เสียใครเลยสักคน เดาว่าคงมีเพียงตัวประหลาดเฒ่ากับรัชทายาทแคว้นเหินเวหาที่ไม่ตกหลุมพราง
ผู้คนรอบๆ ได้ยินคำกล่าวนาง แต่ละคนมีสีหน้าท่าทางประหลาด ในดวงตามีประกายแวววับ
เจ้าตำหนักยมราชกับชายสองคนด้านหลังเพิ่งมาถึงจึงไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ท่าทางจะเหมือนคนแคว้นเหินเวหาได้เปรียบตลอด ทว่าความเป็นจริงเห็นคนพวกนั้นที่ล้มนอนอยู่บนพื้นก็รู้แล้ว คนของจวนตระกูลเฟิ่งไม่บาดเจ็บสักคน ตรงกันข้าม ทหารอารักขาแคว้นเหินเวหาและผู้นำทหารซึ่งผู้ครองแคว้นส่งมาพวกนั้นกลับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของคุณหนูใหญ่เฟิ่งที่ยามนี้ดูแล้วไร้พิษสงยิ่งนัก
อีกอย่าง ตั้งแต่คุณหนูใหญ่เฟิ่งเดินออกมาจากจวน แม้รู้ว่าชายชราคนนั้นเป็นตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณ ก็ยังไม่เห็นหน้านางเผยความตื่นตระหนกหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นชายชุดคลุมดำสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ชั่วพริบตาหนึ่งพวกเขาเห็นว่านางอยากหลบกลับเข้าจวนไป
เดิมทียังแปลกใจเล็กน้อย แต่นึกถึงคำที่ชายหนุ่มพูดหลังจากนั้นก็คลายความสงสัย คิดๆ แล้วคุณหนูใหญ่เฟิ่งคงไปหว่านเสน่ห์ไว้ข้างนอก ชายผู้นี้ถึงไล่ตามมาถึงจวน
แต่ทำไมคุณหนูใหญ่เฟิ่งถึงฟ้องกับเขา? หรือว่าชายชุดคลุมดำเป็นศัตรูกับตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณเพื่อนางได้?
ขณะกำลังคิด ก็ตกใจกับภาพตรงหน้าเสียจนต้องสูดหายใจ…
………………………………………………….