เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 481 ทำไมเจ้ายังไม่ตาย + ตอนที่ 482 ความตายของมู่หรงป๋อ
ตอนที่ 481 ทำไมเจ้ายังไม่ตาย
แม้แต่มู่หรงป๋อที่เดิมทีพลังชีวิตแทบแห้งเหือดยังฟื้นคืนกำลังวังชามาบางส่วนภายใต้แสงเหล่านี้ เขามองท้องฟ้าที่มีประกายแสงโปรยปรายด้วยความอึ้งงัน พูดพึมพำว่า “เป็นไปได้อย่างไร? เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? ใคร? ในจวนตระกูลเฟิ่งยังมีใครกำลังบรรลุขั้นอีก? ถึงขั้นพาความเมตตามาให้ชาวบ้านทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ยได้…”
ชาวบ้านในเมืองพากันแห่แหนมาทางจวนตระกูลเฟิ่ง เพราะเห็นว่าจุดที่มีแสงมากที่สุดคือที่ตั้งจวนนี้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาวิ่งมาเห็นเหล่าทหารคุกเข่ากันเต็มพื้นที่ รวมถึงแสงตะวันรอนบนท้องฟ้าเหนือจวน แต่ละคนล้วนกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เป็นจวนตระกูลเฟิ่ง! จวนตระกูลเฟิ่งนำแสงตะวันรอนมา!”
เหล่าคนจากตระกูลและกลุ่มอำนาจฝ่ายต่างๆ โดยรอบต่างตกตะลึง แต่ละคนนิ่งอึ้งมองท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเฟิ่ง ในใจมีคลื่นคลั่งโหมซัดขึ้นมา
แม้แต่สวรรค์ยังช่วยจวนตระกูลเฟิ่ง!
ผ่านพ้นคืนนี้ไป ต่อให้แต่งตั้งคุณหนูใหญ่เฟิ่งขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นแสงสุริยัน เดาว่าก็คงไม่มีใครคัดค้าน…
ทว่าเวลานี้เอง เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังมาจากในจวนตระกูลเฟิ่ง เสียงนั้นพิโรธดั่งฟ้าคำราม ฮึกเหิมทรงพลัง ดังชัดเจนอยู่ในหูผู้คนด้านนอก
“มู่หรงป๋อ! จะระรานตระกูลเฟิ่งข้าไม่ให้เหลือใครเลยจริงๆ หรือ!”
“ฮึก!”
“เฮือก! นั่นเฟิ่งเซียว! เป็นเสียงเฟิ่งเซียว!”
“ซี๊ด! ปะ เป็นไปได้อย่างไร! เขาหมดสติไม่ฟื้นไม่ใช่หรือ?”
“สวรรค์! หรือคนที่บรรลุขั้นจะเป็นเฟิ่งเซียว?”
คำอุทานเสียงหลงดังมาจากผู้นำตระกูลเหล่านั้นรวมถึงพวกผู้ฝึกตนรอบๆ แต่ละคนเบิกตาโตมองไปทางจวนตระกูลเฟิ่งอย่างยากจะเชื่อ เมื่อเห็นร่างหนึ่งถือหอกออกมาจากในจวนอย่างรีบร้อน ทุกคนต่างนิ่งงัน
“มู่หรงป๋อ! เจ้าคนชั่วช้าสามานย์! ตระกูลเฟิ่งข้าถอยให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกับไม่เอาความเรื่องที่เจ้าลอบทำร้ายข้า ยามนี้ยังจะมาข่มเหงตระกูลข้า! ข่มเหงลูกสาวข้า! เจ้าสมควรตายนัก!”
เสียงดังสนั่นที่แฝงด้วยแรงกดดันทรงพลังของจักรพรรดินักรบเปล่งออกจากปากเฟิ่งเซียว ทุกถ้อยคำในเสียงนั้นล้วนดุดัน กึกก้องทรงพลังและเย็นเยียบ นั่นคือความอาจหาญไม่กลัวตายและจิตวิญญาณนักรบแรงกล้าที่ไม่ยอมให้ใครในฐานะแม่ทัพของเขา! ทุกน้ำเสียงกดดัน ทุกคำดั่งใบมีด ทิ่มแทงหัวใจของมู่หรงป๋อราวกับดาบคมที่รวดเร็วรุนแรง
เมื่อมู่หรงป๋อที่เดิมทีฟื้นคืนกำลังวังชากลับมาลุกยืนขึ้นเพราะแสงตะวันรอนได้ยินเสียงเดือดดาลจากเฟิ่งเซียวก็เบิกดวงตากว้างอย่างตกใจ ยามนี้ยังเห็นเฟิ่งเซียวถือหอกย่างสามขุมพุ่งออกมาอย่างเร่งร้อน ก่อนตวัดหอกในมือกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง มือหนึ่งชี้เขาอย่างโกรธกริ้ว ทำให้เลือดลมในอกเขาปั่นป่วนทันใด พลันกระอักเลือดในหัวใจออกมา
“อั่ก!”
ร่างกายและจิตใจถูกโจมตี จิตใจกระทบกระเทือนอย่างหนัก เขารู้สึกแต่ว่าเบื้องหน้าช่างมืดมน ไม่อาจจะเชื่อ และไม่ยอมเชื่อว่าเฟิ่งเซียวที่เขานึกว่าบาดเจ็บสาหัสไม่ฟื้น กลับมาปรากฏต่อหน้าเขาตัวเป็นๆ อย่างสูงส่งน่าเกรงขาม งามสง่าองอาจ!
หนำซ้ำเฟิ่งเซียวที่เดิมยังเป็นแค่บรรพชนนักรบขั้นเริ่มต้น ยามนี้กลับบรรลุขั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดินักรบ! นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร! เป็นไปอย่างไร…
“เฟิ่ง เฟิ่งเซียว!”
ครั้งนี้เขาไม่ทรุดนั่งลงไป เพราะมือข้างหนึ่งจับราชรถไว้แน่นเพื่อค้ำยันร่าง แววตาตื่นตกใจซึ่งมีความเหลือเชื่อและเคียดแค้นกำลังจ้องร่างอันสูงส่งน่ายำเกรงที่ย่างสามขุมตรงมายืนอยู่หน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง
มุมปากเขามีเลือดไหลออกมา พ่นวาจาลอดไรฟันแบบเน้นย้ำทีละคำ “ทำไมเจ้ายังไม่ตาย!”
………………………………………………….
ตอนที่ 482 ความตายของมู่หรงป๋อ
“เป็นเฟิ่งเซียวจริงๆ…”
“เขาไม่เป็นไร…”
“ซ้ำยังบรรลุกลายเป็นจักรพรรดินักรบ! จักรพรรดินักรบที่อายุน้อยถึงเพียงนี้ เขาทำได้ยังไงกันแน่?”
ในใจทุกคนนอกจากประหลาดใจแล้วยังตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูกด้วย บางคนฝึกบำเพ็ญตลอดชีวิตยังไม่สามารถพ้นจากบรรพชนนักรบ แม้แต่ผู้เฒ่าตระกูลเกิ่งแห่งเมืองอวิ๋นเยวี่ย ผู้เฒ่าเฟิ่งแห่งจวนตระกูลเฟิ่ง ฝึกบำเพ็ญมาทั้งชีวิตยังเป็นเพียงบรรพชนนักรบขั้นสูงสุด แต่เฟิ่งเซียวผู้ฝึกตนที่เดิมทีเป็นแค่บรรพชนนักรบขั้นเริ่มต้น แม้ให้เวลาเขาฝึกบำเพ็ญห้าสิบปี เกรงว่าก็ยังยากนักที่จะบรรลุถึงระดับจักรพรรดินักรบ
แต่ตอนนี้เขากลับทำได้ ไม่เพียงไม่หมดสติไม่ฟื้น ยังกลายเป็นจักรพรรดินักรบคนแรกของแคว้นแสงสุริยัน! จักรพรรดินักรบที่อายุไม่ถึงร้อยปี! นี่ นี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ…
“ตาย?”
เฟิ่งเซียวแค่นเสียงหนักๆ แล้วกระแทกหอกยาวในมืออีกครั้ง “ตายแล้วปล่อยให้เจ้าทำลายตระกูลเฟิ่ง รังแกลูกสาวข้าหรือน่ะหรือ? ตระกูลเฟิ่งข้าพิทักษ์แคว้นแสงสุริยันมาหลายต่อหลายรุ่น ภักดีต่อตระกูลมู่หรงของเจ้า แต่ท้ายที่สุดเล่า? เจ้ายังลอบสังหารข้า? ข้าเฟิ่งเซียวทำเรื่องชั่วร้ายอะไรที่ทำให้เจ้าจำต้องฆ่าข้าให้ได้กันแน่?”
ทุกเสียงซักถาม เฉือนใจทุกคำพูด ดวงตาพยัคฆ์ดุดันมองอีกฝ่ายอย่างขึ้งโกรธ “ข้าหลบซ่อนในจวนไม่ออกมา ส่งมอบอำนาจราชาให้ ไม่อยากเอาเรื่องที่เจ้าลอบโจมตีข้า แล้วเจ้าล่ะ? มู่หรงป๋อเจ้าคิดจะให้ลูกสาวข้าไปเป็นนางบำเรอ! อยากครองอำนาจตระกูลเฟิ่ง! ยึดองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่ง! และทำลายตระกูลเฟิ่งที่ก่อตั้งมาเป็นร้อยปี! ยามนี้หากข้ายังไม่ก้าวออกมาอีก จะสู้หน้าบรรพชนตระกูลเฟิ่งได้อย่างไร!”
“มู่หรงป๋อ! ยามนี้เจ้าสิ้นอนาคตหมดอายุขัย! ฆ่าเจ้าไปหอกในมือข้าคงแปดเปื้อน เจ้าฆ่าตัวตายเสียเถอะ! นอกจากเจ้าแล้ว ลูกหลานคนอื่นๆ ในตระกูลมู่หรง ข้าเฟิ่งเซียวขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้ ขอแค่อยู่ในกฎระเบียบไม่เป็นปรปักษ์กับตระกูลเฟิ่ง ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเขาแม้แต่น้อย!”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนปลงอนิจจังในใจ เฟิ่งเซียวคนนี้ในใจยังมีความเมตตา เรื่องวันนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น หลังจากสังหารมู่หรงป๋อต้องสังหารลูกหลานเขาด้วยแน่ เพื่อถอนรากถอนโคนไม่ให้พวกนั้นกลับมาล้างแค้น
แต่เฟิ่งเซียวอาจนึกถึงความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลมู่หรงมาตลอดชีพ ถึงได้ปล่อยพวกเขาไป ทำเช่นนี้ช่างเป็นการช่วยเหลือผู้หลงผิดโดยแท้
อาจเพราะตระหนักได้จริงๆ ว่าตัวเองหมดอนาคตแล้ว มู่หรงป๋อเวลานี้สองตาไร้แวว มองทหารทุกคนที่คุกเข่าไม่ยอมลุกอย่างอึ้งงัน ก่อนจะหันมองจวนตระกูลเฟิ่ง เขาเห็นเหล่าตระกูลและกลุ่มอำนาจยืนดูอยู่ไม่ไกล เห็นชาวบ้านแต่ละคนต่างชี้มือชี้ไม้มาที่เขาพร้อมพูดคุยกัน…
โลกใบนี้เหมือนเหลือเพียงเขาคนเดียว โดดเดี่ยว อ้างว้าง และน่าเศร้าเช่นนั้น
ตกอยู่ในจุดที่ทุกคนต่างตีตัวออกห่าง จะโทษใครได้?
ทำให้ทั้งราชวงศ์มู่หรงล่มสลาย จะโทษใครได้?
“ฮ่าๆๆๆ… ข้ามู่หรงป๋อ พลาดก้าวเดียวก็ผิดเสียทุกก้าว… ฮ่าๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะลั่นที่เศร้าสร้อยราวกับผลาญกำลังเฮือกสุดท้ายของเขาจนสิ้น เพียงเห็นเขาแหงนหน้าทุบอกหัวเราะ กระอักเลือดออกจากปาก ฝีเท้าก้าวถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายทรุดฮวบลงนั่งบนราชรถนั้น สองตานิ่งมองท้องฟ้าพลางสูดหายใจเฮือกสุดท้าย
ผู้ครองแคว้นของราชวงศ์หนึ่ง สิ้นลมอย่างน่าสลดเช่นนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ทุกคนต่างตีตัวออกห่าง…
รอบด้านพลันเงียบลง แต่ละคนเห็นมู่หรงป๋อสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย สองตากลับไม่ปิดลงและจ้องมองท้องฟ้าแน่นิ่ง เวลานี้ในใจผู้คนสับสนอย่างบอกไม่ถูก ต่างก็เงียบกันไป
ยามนี้ ร่างสีแดงที่ยืนอยู่บนประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่งบินโฉบลงมา ร่างปานห่านงามตีปีกหมุนตัวลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง…
………………………………………………….