เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 69 กระบี่คมพยับออกโรง! + ตอนที
ตอนที่ 69 กระบี่คมพยับออกโรง! + ตอนที่ 70 คมพยับลิ้มรสเลือด
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 69 กระบี่คมพยับออกโรง!
ผู้อาวุโสรึ?
แววตาเธอสั่นไหว ใช้ดวงจิตตรวจสอบดู สองท่านนี้เป็นปรมาจารย์นักรบขั้นสมบูรณ์แบบ จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะปรากฏตัวด้านหลังเธอได้อย่างเงียบเชียบไร้เสียง
ช่างแตกต่างกับความมั่นใจในชัยชนะที่ชายวัยกลางคนกุมไว้ ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสี่ต่างพินิจมองเฟิ่งจิ่วผู้สวมชุดแดงงดงามร้ายกาจ
หากไม่มีคนคอยชี้ชัด พวกเขาก็ดูไม่ออกเลยว่าเด็กหนุ่มที่แต่งชุดชายชาตรีตรงหน้าจะเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
แม้สองท่านจะผ่านโลกมาไม่น้อยก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้ ว่าบนร่างคนคนนี้มีกลิ่นอายที่จำแนกชายหญิงไม่ออกอยู่
หนำซ้ำ…ยังลึกซึ้งเกินคาดเดา
ด้วยพลังของพวกเขา นึกไม่ถึงว่าจะมองวรยุทธ์นางไม่ออก? หากไม่ใช่ยากเกินคาดเดาจะเรียกว่าอะไรได้?
ตั้งแต่พวกเขาโผล่มา ไม่เห็นนางมีท่าทีตื่นตกใจ ริมฝีปากที่ปรากฏอยู่นอกหน้ากากยังอมยิ้มชั่วร้าย ทำให้ในใจพวกเขายิ่งระวังตัวมากขึ้นบ้างอย่างอดไม่ได้
“ใต้เท้าเป็นใครกันแน่? ไยต้องมาเป็นศัตรูกับตระกูลสวี่เราด้วย?”
ท่านผู้อาวุโสใหญ่เค้นเสียงถาม แววตาแหลมคมเพ่งมองร่างสีแดงตรงหน้า
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองผู้อาวุโสใหญ่แวบหนึ่ง น้ำเสียงมีความแปลกใจอยู่บางส่วน “เป็นศัตรูกับพวกท่านรึ? ไม่ถูกกระมัง? ตลอดมานี้คือพวกท่านที่เป็นศัตรูกับข้า ไยข้าต้องหาเรื่องใส่ตัวก่อน?”
น้ำเสียงชะงักลง เธอเหลือบมองชายวัยกลางคนตรงหน้าแวบหนึ่งด้วยท่าทางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หากไม่ใช่เพราะคุณชายรองตระกูลท่านวิ่งแจ้นไปตั้งรางวัลค่าหัวข้าที่ตลาดมืด ข้าจะหาเขาพบได้เช่นไรเล่า?”
“แม้จะเป็นเช่นนั้น เรื่องที่ฆ่านายน้อยตระกูลสวี่ และทำลายแขนข้างหนึ่งของคุณชายรอง เจ้าล้วนไม่อาจปฏิเสธได้”
“อ้อ? พูดขนาดนี้ หากพวกท่านต้องการฆ่าข้า ข้าก็ทำได้เพียงยื่นคอให้พวกท่านเชือดงั้นสิ?” เธอเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่ริมฝีปากยังคงอยู่ เพียงในแววตานั้นเย็นเยียบน้อยๆ
สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่มืดลงไปบ้าง พลางยิ้มเย็น “พูดได้เพียงว่าเจ้าดันไปยุแหย่คนที่ไม่ควรยุ่ง! ตระกูลสวี่อันมีเกียรติของข้าสืบเชื้อสายกันมาเป็นร้อยปี เจ้าจะมาดูหมิ่นได้เยี่ยงไร? ในเมื่อรู้แล้ว ทางที่ดีก็ยอมให้จับโดยละม่อม มิเช่นนั้น…”
“มิเช่นนั้น?”
มุมปากเธอยกขึ้นส่งเสียงหัวเราะอย่างป่าเถื่อน กล่าวถามด้วยความรู้สึกสนใจหน่อยๆ “มิเช่นนั้นจะยังไง? จะฆ่าข้ารึ?”
“มิเช่นนั้น ข้าจะยกหัวเจ้ากลับไปรายงานเสีย!” สิ้นน้ำเสียงเยือกเย็นของท่านผู้อาวุโสใหญ่ นิ้วมือจับกลายเป็นกรงเล็บ เพียงออกท่วงท่าก็รู้ว่าฝึกเคล็ดวิชาจับจุดมาอย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นข้าจะสนองพวกท่านอย่างดี!” เธอยิ้มเย็น พลันขยับร่างปะทะออกไปซึ่งๆ หน้า
มือหนึ่งของผู้อาวุโสใหญ่ที่แฝงไปด้วยพลังเร้นลับอันแกร่งกล้าเข้าจับข้อมือนางบิดไปด้านหลัง แต่ใครจะรู้ว่านางดิ้นหลุดได้ทันทีราวกับงูผี ข้อมือกลับถูกนางจับดึงไปด้านหน้า ฐานล่างโดนโจมตี เพียงรู้สึกถึงพลังที่กระจายออกมาจากในมือนั้น ทั่วทั้งร่างก็ถูกนางยกเหวี่ยงออกไป
เขาถ่ายพลังเข้าปรับสมดุลร่างกายกลิ้งตัวลงบนพื้น สีหน้าหมองลงเล็กน้อย “ถือว่ามีฝีมือจริงๆ น่าเสียดาย ที่วันนี้เจ้าต้องตายที่นี่!”
“ช่างน่าเสียดายเหลือเกินนะ” เธอพยักหน้าเห็นด้วย มองเขาอย่างเวทนาและเห็นใจ ราวกับคนที่มั่นใจว่าต้องตายจะเป็นท่านอาวุโสใหญ่อย่างแน่นอน
แววตาเสียดายและเห็นอกเห็นใจทำให้ท่านผู้อาวุโสใหญ่โกรธเคือง จึงดึงกระบี่ยาวออกมาชี้ตรงไปที่นาง แผดเสียงร้องเกรี้ยวกราด “เจ้าเด็กโอหัง! เจ้าจะต้องชดใช้ความจองหองพองขนของเจ้าด้วยความทุกข์ทรมาน! หัวของเจ้า! ข้าจะจัดการเอง!”
ปลายดาบชี้ตรง พลังเร้นลับแข็งแกร่งพรั่งพรูออกจากร่างราวกับน้ำไหลทะลัก มาบรรจบกันบนคมกระบี่ ทันใดนั้น พลังดาบอันรุนแรงที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตเยือกเย็นก็พลุ่งพล่านออกมา! เขาพลันเคลื่อนตัวไปด้านหน้า แรงอาฆาตน่าหวาดหวั่นถาโถมเข้าหาเงาร่างสีแดงด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
“ชิ้ง!”
กระบี่ยาวฉายแสงสีดำขวางกั้นอยู่เบื้องหน้า สองกระบี่กระทบกัน พลังกระบี่อันรุนแรงไม่มีใครยอมใคร และในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีเสียงสูดหายใจและเสียงร้องอุทานดังขึ้น
“กระ กระบี่คมพยับ!”
…………………………………………………….
ตอนที่ 70 คมพยับลิ้มรสเลือด
“แกร๊ง!”
“ชิ้ง!”
เสียงแตกหักดังแกร๊งลอยมา ผู้อาวุโสใหญ่เบิกสองตากว้างอย่างตื่นตกใจ เห็นกระบี่คมทอแสงสีดำในมือนาง และยังรอยตำหนิแตกร้าวบนกระบี่ในมือตัวเอง หัวใจก็หนักอึ้งตึกตัก
เวลาต่อมา กระบี่ยาวในมือสั่นสะเทือนเพราะพลังกระบี่อีกฝ่ายอย่างแข็งกระด้าง เสียงร่วงหล่นลงพื้นดังชิ้ง ตัวเขาถึงกับถูกพลังกระบี่ที่น่าหวาดกลัวนั้นสะเทือนออกไปโดยไม่อาจถอยหนีได้ทันท่วงที
“ซี๊ด!”
“อ๊าก!”
ร่างกายเขาถอยหลังไปอย่างเสียหลัก โชคดีที่ผู้อาวุโสสี่ด้านหลังประคองเขาไว้ เลี่ยงไม่ให้เขาล้มลงไปบนพื้นด้วยความอับอาย
“เป็นไปได้อย่างไร? จะเป็นคมพยับได้อย่างไรเล่า?”
เขามองกระบี่ที่กำลังประกายแสงสีดำในมือนางอย่างยากจะเชื่อ รัศมีสีดำบนคมกระบี่ช่างแพรวพราววาววับ หากเปิดตามองทั่วใต้หล้า ก็มีแค่กระบี่คมพยับที่มีแสงสีดำในตัวเอง!
ไม่เพียงแต่เขา ตอนนี้บนใบหน้าผู้อาวุโสสี่และคุณชายรองตระกูลสวี่ต่างก็ตกใจกันอย่างมาก ทว่าพวกเขานอกจากความตะลึงที่มากล้น ก็ยังมีความละโมบ เป็นความละโมบที่มีต่อกระบี่เล่มนั้น
กระบี่คมพยับ เป็นสิ่งล้ำค่าท่ามกลางเหล่ากระบี่!
กระบี่คมพยับที่หายสาบสูญไปหลายปีนึกไม่ถึงว่าจะมีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง หนำซ้ำพวกเขายังได้มาพบมัน จะไม่ตื่นเต้นได้เช่นไร? และจะไม่ให้ใจเกิดความละโมบอยากครอบครองมันเป็นของตนเองได้อย่างไรเล่า?
คมพยับเฉียงชี้ไปบนพื้น รัศมีสีดำลอยอยู่จางๆ ชุดสีแดงบินพลิ้วไหว กลิ่นอายกระหายเลือดกระจายออกมาจากร่างนาง
เธอมองสามท่านนั้นที่ทั้งตกตะลึงและมีความโลภ แนวโค้งที่มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ปรากฏรอยยิ้มดุร้ายเยือกเย็น “คนที่เห็นกระบี่ข้าเล่มนี้ ล้วนต้องตาย!”
พอสิ้นสุดเสียง เงาร่างสีแดงก็พุ่งออกไปราวกับภูตผี ทว่า เธอกลับไม่ไปทางผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสี่ แต่หมุนกลับหลัง กวัดแกว่งคมพยับในมือ พลังกระบี่อันรุนแรงตวัดผ่านกลางอากาศดังฟิ้ว
“ซี๊ด!”
คุณชายรองตระกูลสวี่ผู้นั้นถูกกระบี่ปาดคอโดยไม่ได้ป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย!
เพราะไม่ทันตั้งตัว และ… หลบได้ไม่ทัน!
จนเขาตาย สองตาก็เบิกกว้างอย่างไม่มีทางเชื่อ ถึงตาย แม้แต่ลมหายใจสุดท้ายก็ไม่อาจได้สูดเข้าไป เพราะใจยังไม่ยอม…
“คุณชายรอง!”
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสี่อุทานอย่างตกใจ เห็นเงาร่างนั้นแข็งทื่อล้มลงไป เพียงชั่วพริบตา ชีวิตหนึ่งก็สูญสลายไปต่อหน้า
เพราะกระบี่นางเร็วเกินไป เลือดสดบริเวณคอถึงกับไม่ไหลออกมาในตอนแรก จนกระทั่งเมื่อเขาล้มลง กระเทือนถึงบาดแผลบริเวณลำคอที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต เลือดสีแดงสดถึงจะพุ่งตรงออกมาราวกับน้ำพุโลหิต ย้อมพื้นดินเสียแดงฉาน…
นั่นคือน้องชายที่ผู้นำตระกูลให้ความสำคัญที่สุด ตอนนี้ก็ตายไปเสียแล้ว… พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าหลังจากกลับไป ท่านเจ้าบ้านจะโกรธเกรี้ยวสักเพียงใด?
เมื่อเห็นท่าทางบนใบหน้าสองท่าน เฟิ่งจิ่วก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “พวกท่านคิดว่า จะยังมีชีวิตรอดกลับไปได้รึ?”
ตั้งแต่เธอดึงดาบคมพยับออกมา ก็ไม่คิดให้พวกเขาทั้งสามคนได้มีชีวิตรอดออกไปอีก
ในตรอกเล็กๆ นี้ จะเป็นที่จบชีวิตของพวกเขา!
ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งฉายแววเยือกเย็น แรงอาฆาตพวยพุ่ง เงาร่างสีแดงโผตามสองท่านไป คมพยับในมือขยับเล็กน้อย และพลังกระบี่อันเย็นเยียบก็กลายเป็นคมกระบี่ที่จู่โจมออกไปทีละเล่มๆ!
“ฆ่านางซะ!”
สองท่านแผดเสียงเกรี้ยวกราด ผู้อาวุโสใหญ่ตวัดกระบี่หักขึ้นรับหน้า ส่วนผู้อาวุโสสี่ก็ดึงกระบี่คมออกเข้าล้อมโจมตี สองท่านร่วมมือกัน ทันใดนนั้น แรงกดดันและกลิ่นอายของปรมาจารย์นักรบขั้นสมบูรณ์ก็กระจายอยู่ในตรอกเล็กนี้ ทำให้กลิ่นอายในอากาศยิ่งเยือกแข็งและกดดัน
“แกร๊ง! ฟิ้ว! ฟิ้วๆ!”
ระหว่างที่คมกระบี่ปะทะกัน กระแสลมและเสียงแกร๊งอันรุนแรงดังไม่หยุดไม่หย่อน แต่ที่ทำให้สองท่านประหลาดใจคือแรงอาฆาตกระหายเลือด รวมถึงการโจมตีหมายเอาชีวิตมากร้อยเล่ห์เหลี่ยม ที่ทำให้พวกเขามีความรู้สึกเสียขวัญจนเกินรับมืออยู่บ้าง
“ไม่!”
…………………………………………………….