เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 723 ไม่เชื่อใจหรือ + ตอนที่ 724 รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 723 ไม่เชื่อใจหรือ + ตอนที่ 724 รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
ตอนที่ 723 ไม่เชื่อใจหรือ? + ตอนที่ 724 รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
ตอนที่ 723 ไม่เชื่อใจหรือ?
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วแววตาสั่นไหวเล็กน้อย แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ช่วยน่ะช่วยได้ จะรักษาชีวิตเขาเดาว่าคงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ฟื้นมาเป็นอย่างไรก็พูดได้ยาก รับประกันว่ารักษาได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะหายดี”
“รักษาชีวิตไว้ได้ก็ดี ที่เหลือต้องดูวาสนาเขาแล้ว” เจ้าสำนักกล่าว ถามขณะมองเฟิ่งจิ่วว่า “จะช่วยอย่างไร? ต้องการของจำพวกยาทิพย์อะไรหรือไม่?”
“เรื่องนี้…”
หางเสียงเธอลากยาวเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น มองเจ้าสำนักพลางบอกว่า “อยากจะช่วยเขาต้องล้างเลือดที่ไหลในสมอง ดังนั้นข้าต้องเปิดช่องบนศีรษะเขาเสียก่อน แล้วชำระล้างก้อนเลือดที่แข็งตัวและอุดตัน ยาทิพย์อะไรตอนนี้ยังไม่ใช้ แต่ข้าต้องการผู้ช่วยสองคน ท่านเจ้าสำนักเรียกหมอสองคนนั้นเข้ามาช่วยข้าอีกแรงแล้วกันขอรับ!”
แค่ได้ยินเช่นนี้ รองเจ้าสำนักไม่เพียงนิ่งงัน แม้แต่เจ้าสำนักเองยังอึ้งไปทันที ในดวงตามีความตะลึงจากความเหลือเชื่อ “เปิดช่องบนศีรษะเขา? ชะ เช่นนี้จะทำได้หรือ?”
เขาไม่เคยได้ยินว่าเปิดช่องตรงศีรษะได้ ส่วนศีรษะบอบบางและอันตรายถึงชีวิต จะเปิดช่องได้อย่างไร? นะ นี่คงไม่ใช่คำพูดไร้สาระกระมัง?
“เวลามีจำกัด ตอนนี้ให้หมอสองคนนั้นเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาดเสียใหม่และล้างมือก่อนเข้ามา” เฟิ่งจิ่วไม่ได้สนใจสองคนที่นิ่งอึ้ง กล่าวกับอาจารย์หลี่ว์ข้างๆ ที่แทบจะตกใจตาค้างว่า “รบกวนสั่งคนยกพวกน้ำสะอาดเข้ามาด้วยขอรับ”
ทว่ากลับไม่มีคนตอบรับคำพูดเธอหรือขยับเขยื้อนสักนิด เธอจึงขมวดคิ้วมองเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักอย่างอดไม่ได้ “คนคนนี้จะช่วยหรือไม่ช่วย? ถ้าไม่ช่วยข้าจะไปแล้ว”
สามคนในห้องได้ยินก็พลันได้สติกลับมา ไม่รอให้เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเอ่ยปาก ก็ได้ยินอาจารย์หลี่ว์เอ่ยถามอย่างยากจะยอมรับอยู่บ้างว่า “เปิดช่องบนศีรษะ? แล้วคนคนนี้ยังมีชีวิตได้ด้วยหรือ?”
เฟิ่งจิ่งได้ฟังแล้วเลิกคิ้ว “สงสัยในทักษะการแพทย์ข้าหรือ? ในเมื่อไม่เชื่อจะมาหาข้าทำไม?” เธอที่เดิมทีคิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าสีหน้าเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
แคลงใจในทักษะการแพทย์ สำหรับหมอแล้วนี่คือการดูถูก
เธอไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องช่วยคน ในเมื่อพวกเขาไม่เชื่อ เช่นนั้นจะอยู่ไปทำไม?
เห็นเฟิ่งจิ่วหันกายเดินออกไปด้วยสีหน้าเฉยชา เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักตั้งสติกลับมาได้ พอนึกถึงตัวตนภูตหมอของเขาแล้ว ทั้งสองใจสั่นสะท้าน รีบไล่ตามไป
“เฟิ่งจิ่ว พวกเราเชื่อเจ้า หากไม่เชื่อคงไม่เชิญเจ้ามาช่วยเขาหรอก”
รองเจ้าสำนักเข้าขวางเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว ปั้นหน้ายิ้มเอ่ยว่า “เจ้าอย่าใส่ใจคำพูดอาจารย์หลี่ว์เลย พวกเราไม่ได้ไม่เชื่อเจ้า แค่ไม่เคยได้ยินวิธีรักษาเช่นนี้ ดังนั้นจึงตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง”
“จริงด้วยเฟิ่งจิ่ว เวลากระชั้นชิดแล้ว ขอเจ้ารักษาอาจารย์หลูไวหน่อยเถอะ!” เจ้าสำนักเอ่ยปากด้วย รู้สึกเสียใจกับความลังเลและสงสัยก่อนหน้านี้
พวกเขาไปขอร้องอีกฝ่ายมาช่วยรักษาอาจารย์หลู แต่มาถึงที่นี่ได้ยินคำพูดเขาแล้วกลับเกิดความเคลือบแคลงใจต่อเขา
อาจารย์หลี่ว์เห็นเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเป็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงมาคำนับเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว และเอ่ยอย่างขออภัย “ข้าแค่เป็นห่วงเหล่าหลู ไม่ได้มีเจตนาอื่น หากคำพูดข้าทำให้เจ้าโกรธ ข้าก็ต้องขออภัย ขออภัยด้วย”
เฟิ่งจิ่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าอาจารย์หลี่ว์บอกจะขอโทษก็ขอโทษเลย
รองเจ้าสำนักเห็นเฟิ่งจิ่วมองอาจารย์หลี่ว์โดยไม่พูดอะไร ก็นึกถึงตอนที่กวนสีหลิ่นใช้อาหารรสเลิศล่อเขาให้ตื่น ทันใดนั้นจึงกล่าวเลียนแบบ “เฟิ่งจิ่ว ขอแค่เจ้าออกหน้าช่วย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เจ้าอยู่ในสำนักศึกษา อาหารจากห้องครัวจะมีของเจ้าชุดหนึ่งไปตลอด”
………………………………………………….
ตอนที่ 724 รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
เฟิ่งจิ่วที่เดิมทียังโกรธนิดหน่อยได้ยินคำพูดนี้ก็หลุดหัวเราะทันที
เธอมองรองเจ้าสำนักที่ขวางอยู่เบื้องหน้า เอ่ยเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านเรียนรู้ไวนักขอรับ!”
“ฮี่ๆ ข้าไม่มีทางเลือก เจ้าชื่นชอบอาหารรสเลิศไม่ใช่หรือ? ห้องครัวมีอาหารอร่อยที่ด้านนอกหากินไม่ได้” รองเจ้าสำนักยิ้มอักอ่วน นึกไม่ถึงว่าจะมีวันได้ใช้อาหารรสเลิศมารั้งคนคนหนึ่งไว้
“เช่นนั้นก็ได้! รีบเรียกคนเข้ามาให้ข้าด้วยนะขอรับ” เฟิ่งจิ่วหมุนตัวเดินกลับไป อันที่จริง ตอนนั้นที่อาจารย์หลี่ว์กล่าวขอโทษก็ไม่คิดจะไปแล้ว
แม้เธอพูดคุยกับอาจารย์หลูไม่มาก แต่ได้ยินนักเรียนกับอาจารย์สำนักศึกษาต่างบอกว่าเขาเป็นคนเข้มงวดจริงจัง อาจารย์ที่ตั้งใจสอนนักเรียนเช่นนี้ พอเห็นเขากลายเป็นเช่นนั้น เธอไม่มีทางนิ่งดูดายได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์หลี่ว์ก็ขอโทษแล้ว เช่นนั้นยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ทำเพราะขัดข้องใจ
เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วกลับไปอีกครั้ง พวกเขาสามคนดีใจ หลังจากเรียกหมอสองคนมาและกำชับซ้ำๆ แล้ว ถึงจะให้พวกเขาเข้าไปช่วยเฟิ่งจิ่วหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
ยามนี้กวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงมาถึงด้านนอก แต่เข้าใกล้ห้องแนะแนวการสอนไม่ได้
ส่วนเฟิ่งจิ่วด้านในห้อง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างมือก็หยิบอุปกรณ์จากห้วงมิติมาพลางมองหมอสองคนนั้น ถามว่า “ท่านเจ้าสำนักบอกท่านสองคนแล้วหรือยัง? ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งข้า ห้ามส่งเสียงอุทานใดๆ รบกวนข้า ขณะเดียวกัน สิ่งที่พวกท่านเห็นที่นี่จะต้องไม่แพร่งพรายไปภายนอก”
“อืม พวกเรารู้ ท่านเจ้าสำนักสั่งไว้แล้ว” หมอทั้งสองพยักหน้าขานรับ ในใจนึกสงสัยยิ่งว่านักเรียนสำนักยาเซียนคนนี้จะมีทักษะการแพทย์ช่วยอาจารย์หลูให้รอดได้จริงหรือ?
“ให้พวกเขาดูทีว่าพี่ชายข้าอยู่ข้างนอกหรือไม่ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างมือค่อยให้เขาเข้ามา”
ได้ยินเช่นนี้ หมอคนหนึ่งในนั้นเดินออกไปสั่งการ ไม่นานนักกวนสีหลิ่นก็เดินเข้ามา
“เสี่ยวจิ่ว ต้องการให้ข้าช่วยอะไร?” กวนสีหลิ่นถามขณะมายังข้างเตียง สายตามองผ่านบนร่างอาจารย์หลูคนนั้นแล้วก็หยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองเขา ยิ้มเอ่ยว่า “พี่สีหลิ่น นี่เป็นงานสำคัญมาก ประเดี๋ยวระหว่างที่ข้าผ่าตัด ท่านอย่าลืมเช็ดเหงื่อให้ข้าด้วย เหงื่อจะหยดลงไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหา” กวนสีหลิ่นยิ้มบอก
ห้องด้านในห้องแนะแนวถูกปิดซ่อนทุกอย่างไว้ คนภายนอกเพียงรู้ว่านักเรียนนามเฟิ่งจิ่วคนนั้นกำลังรักษาอาจารย์หลู แต่ไม่รู้ว่าเขารักษาอย่างไร
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักที่เฝ้าข้างนอกมองหน้ากัน ในใจทั้งตึงเครียดและกังวล
แม้ได้ยินชื่อเสียงของภูตหมอมานาน แต่ไม่เคยเห็นทักษะการแพทย์เขาจริงๆ เลย ยามนี้พวกเขาไม่มีทางวางใจได้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นในการรักษาโรคเช่นนี้ หมอคนไหนก็ไม่อาจรับประกันว่าจะรักษาหายขาด แล้วอาจารย์หลูจะเป็นเช่นไร ได้แต่ต้องดูผลลัพธ์หลังการรักษาเท่านั้น
“เฟิ่งจิ่วคนนั้นมีทักษะการแพทย์จริงหรือ? ทำไมพวกเจ้าสำนักถึงเชื่อใจ?”
“นั่นสิ เขาก็เป็นนักเรียนสำนักศึกษาเหมือนพวกเรา โรคที่พวกหมอกับนักปรุงยายังรักษาไม่ได้ คนที่ช่วยชีวิตไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้ารับไปรักษา?”
“ข้าเดาว่าพวกเจ้าสำนักคงคิดรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น รองเจ้าสำนักไปตลาดมืดไม่ได้เบาะแสภูตหมอมา จึงได้แต่ให้เจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นลองเสียหน่อย”
“เจ้านั่นช่างกล้านัก ไม่กลัวเลยว่าหากอาจารย์หลูตายในเงื้อมมือเขาแล้วจะจัดการอะไรไม่ได้”
ด้านนอกเขตเรือนของห้องแนะแนว ทุกคนที่เฝ้ารอกำลังพูดคุยพลางสังเกตการเคลื่อนไหวด้านใน แต่ผ่านไปหนึ่งชั่วยามยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว สองชั่วยามผ่านไปก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว
กระทั่งหลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นถึงจะเปิดออกมา…
………………………………………………….