เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 729 ผู้ที่กลับมายามค่ำคืน + ตอนที่ 730 ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งกลับมาแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 729 ผู้ที่กลับมายามค่ำคืน + ตอนที่ 730 ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งกลับมาแล้ว
ตอนที่ 729 ผู้ที่กลับมายามค่ำคืน + ตอนที่ 730 ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งกลับมาแล้ว
ตอนที่ 729 ผู้ที่กลับมายามค่ำคืน
โอวหยางซิวมองหนุ่มน้อยชุดฟ้าที่เดินออกมา กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าท้าประลองเจ้าไว้ ลืมแล้วหรือ?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ฉีกยิ้ม “ไม่ลืมหรอก แต่ข้าไม่ได้รับปากนี่!”
ได้ฟังแล้วเขาผุดลุกยืนขึ้น สายตาคมกริบคาดคั้นหนุ่มน้อยชุดฟ้าตรงหน้า “กำลังเจ้าไม่ได้อ่อนแอ ทำไมถึงไม่รับคำท้าข้า?”
“ไม่รับก็คือไม่รับ ไหนเลยต้องมีเหตุผลมากมาย?” เธอกลอกตาก่อนเดินผ่านเขามานั่งลงยังโต๊ะหินใต้ต้นไม้ สองมือวางลงเคาะบนโต๊ะเบาๆ สายตาก็มองไปทิศทางที่อาหารจะมาส่ง
โอวหยางซิวเห็นเช่นนี้ พลังวิญญาณบนร่างปั่นป่วน คิดจะบังคับให้อีกฝ่ายสู้ แต่เมื่อพลังวิญญาณบนร่างพรั่งพรู ยังไม่ทันเข้าใกล้เด็กหนุ่มชุดฟ้าที่นั่งใต้ต้นไม้ก็ได้ยินเสียงเรียกอย่างเฉยเมย
“เสี่ยวเฮย”
สิ้นเสียงเกียจคร้านนั้น ก็เห็นหมีดำตัวใหญ่ที่เดิมทีหมอบอยู่นิ่งๆ พลันลุกขึ้นกระโจนมาทางเขาด้วยท่าทางดุร้าย ทำให้เขาเกือบหลบไม่ได้ในทันที
เขายกแขนเสื้อขึ้นมองรอยสองสามรอยที่โดนกรงเล็บตะปบขาด แววตาคมปลาบสั่นไหว ชั่วเวลาต่อมาก็โจมตีไปทางหมีดำตัวใหญ่ตัวนั้น
ใต้ต้นไม้ เฟิ่งจิ่วยกมือขึ้นเท้าคาง หันมองการต่อสู้ระหว่างคนกับหมีเล็กน้อย
ท่ากายของโอวหยางซิวว่องไว โจมตีดุดัน แม้ต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เอ่อล้นระหว่างสองมือกลับเป็นดั่งกระบี่คม ส่งเสียงฟึ่บฟั่บกลางอากาศอย่างเฉียบคมหาได้เปรียบ
“โฮก!”
เสี่ยวเฮยคำราม แรงกดดันของอสูรศักดิ์สิทธิ์จู่โจมออกไป ทำเอาเขาตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าวทันที
โอวหยางซิวสีหน้าคร่ำเครียดเล็กน้อย แม้เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน แต่ยามเผชิญหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังทำได้แค่ฝืนโต้กลับ ภายใต้แรงกดดันของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายถูกแรงกดดันที่เห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นสะเทือนจนแข็งทื่อ ความเร็วจึงชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยวเฮยมีคำสั่งจากเฟิ่งจิ่ว จะไม่ทำร้ายเขาจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงแค่กำลังแกล้งเขาเล่นเท่านั้น
ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อเฟิ่งจิ่วเห็นว่าคนส่งอาหารมาถึงตรงหน้าไม่ไกล ดวงตาก็เป็นประกาย ร่างหายวับพุ่งไปทางคนคนนั้น หลังจากรับกล่องข้าวสามชั้นใส่อาหารจากมือเขามา ก็กลับเข้าอาศรมและปิดเขตอาคมทันที
โอวหยางซิวเห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด “เฟิ่งจิ่ว! เจ้าออกมา!”
เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ท้าประลองกับใครคนหนึ่งแต่นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะซ่อนตัวไม่ยอมสู้ ทั้งยังสั่งอสูรสัตว์เลี้ยงมารับคำท้า หนำซ้ำอสูรสัตว์เลี้ยงก็ไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ มีกำลังต่อสู้เทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง ระดับสร้างรากฐานขั้นกลางเช่นเขาจะสู้ได้อย่างไร!
เหล่าไป๋ที่กำลังเดินลอยชายถูกผ้ามัดปากไว้ เฟิ่งจิ่วผูกไว้โดยเฉพาะเพื่อกันไม่ให้มันพูด ยามนี้มันเห็นโอวหยางซิวมีสภาพน่าอับอายหลังจากต่อสู้กับเสี่ยวเฮย ปากก็ส่งเสียงงึมงำฟังไม่ชัด
โอวหยางซิวฟังไม่เข้าใจ หากฟังเข้าใจคงรู้ว่ามันกำลังพูดว่า ‘แม้แต่เสี่ยวเฮยยังสู้ไม่ได้ยังอยากจะประมือกับนายท่าน? หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ’
สุดท้าย ภายใต้การขับไล่ไสส่งของเสี่ยวเฮย โอวหยางซิวก็จากไปอย่างขุ่นเคือง
ครั้งแรกที่พบเฟิ่งจิ่ว เขาแค่อยากเห็นเสียหน่อยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่ แต่หลังจากเห็นเด็กหนุ่ม เขาก็เกิดใจร้อนอยากประลองกับเฟิ่งจิ่ว
รอบนลานประลองตั้งครึ่งวันกว่ายังไม่เห็นตัวคน เขามาดักเจอหน้าอาศรม ไหนเลยจะรู้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายจะให้หมีดำตัวใหญ่มาไล่กวดเขา นี่ไม่เพียงทำลายความตั้งใจที่จะสู้กับเฟิ่งจิ่วไม่ได้ กลับทำให้ความตั้งใจของเขายิ่งมากล้น
วันนี้ไม่มีโอกาสไม่เป็นไร เขาต้องหาโอกาสประลองกับเฟิ่งจิ่วให้ได้!
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ทว่ายามนี้ มีร่างหนึ่งมาถึงประตูด้านข้างสำนักพลังวิญญาณของสำนักศึกษาภายใต้การคุ้มกันของคนกลุ่มหนึ่ง…
………………………………………………….
ตอนที่ 730 ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งกลับมาแล้ว
คนสวมชุดคลุมสีม่วงหยุดฝีเท้าลงตรงประตูข้างของสำนักพลังวิญญาณ หันกลับไปบอกกลุ่มคนที่มาคุ้มกันว่า “พวกเจ้ากลับไปเถอะ!”
“ขอรับ” คนกลุ่มนั้นขานรับ เมื่อเห็นเขาก้าวเข้าสำนักศึกษาหลังจากหยิบป้ายหยกแสดงตัวตนออกมา ถึงจะหมุนตัวจากไป
ยามนี้แม้บอกว่าท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง แต่ภายในสำนักพลังวิญญาณยังคงมีนักเรียนไม่น้อยเดินไปมา จับกลุ่มคุยเล่นกันสามถึงห้าคน เมื่อพวกเขาเห็นร่างนั้นปรากฏในสำนักพลังวิญญาณ นักเรียนที่เดิมทีนั่งบนพื้นหญ้าต่างพากันลุกขึ้น แล้วคารวะไปทางเขาด้วยความนบนอบ
“คารวะศิษย์พี่เนี่ย”
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านกลับมาแล้ว”
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านกลับมาได้พอดีเหลือเกิน”
เหล่านักเรียนพากันล้อมเข้ามา แม้พวกเขาเป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณ แต่เมื่อเห็นคนคนนี้ แต่ละคนยังอดเผยท่าทีเคารพและเอาอกเอาใจไม่ได้
เพราะเขาไม่เพียงเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ในสำนักพลังวิญญาณ แต่ยังเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งในบรรดาสิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษา เนี่ยเถิง!
นอกจากเป็นอันดับหนึ่งในสำนักศึกษาหมอกดารา เขายังเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเหินเวหา เป็นนักเรียนที่พวกเจ้าสำนักคาดหวังไว้สูงยิ่ง เจ้าสำนักเคยบอกว่าในหมู่นักเรียนของสำนักศึกษาหมอกดารา เนี่ยเถิงมีความหวังที่จะบรรลุเป็นผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังภายในห้าสิบปีมากที่สุด
และเพราะเช่นนี้เอง เขาจึงมีผู้สนับสนุนมากมายภายในสำนักศึกษา ไม่ว่าสำนักพลังวิญญาณหรือสำนักพลังเร้นลับ ล้วนมีนักเรียนที่แอบพึ่งใบบุญเขาอยู่
แม้สำนักศึกษาจะเปิดเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เล่ากันว่าเขามีเรื่องบางอย่างรั้งไว้ ถอนตัวกลับมาสำนักศึกษาไม่ได้ชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ถึงเลื่อนเวลากลับสำนักศึกษาออกไป
ยามนี้ผู้คนเห็นเขากลับมา แต่ละคนก็เต็มไปด้วยความยินดี ต่างพากันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสำนักศึกษาระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้ฟัง
“ศิษย์พี่เนี่ย เฟิ่งจิ่วคนนั้นเข้ามาเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน ก็แทบจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของสำนักศึกษานี้ไปแล้ว หากเอ่ยชื่อเขาถึงขั้นที่ไม่มีใครไม่รู้จัก”
เนี่ยเถิงที่เดินไปด้านในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งเย็นเยือกและเฉยชา เดิมทีเพียงฟังคนข้างกายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เงียบๆ ทว่าเมื่อได้ยินชื่อนั้น หัวใจเขาก็สั่นสะท้าน ฝีเท้าพลันหยุดลง สายตาเฉียบคมมองนักเรียนที่พูดคนนั้นทันควัน
“เจ้าบอกว่าใครนะ? เฟิ่งจิ่ว?”
“ใช่ เป็นเฟิ่งจิ่ว เจ้าเด็กนั่นเป็นนักเรียนใหม่ของสำนักยาเซียนปีนี้ แต่กลับทำให้พวกเจ้าสำนักกับรองเจ้าต่างสนใจเขา”
“ใช่แล้ว ความโดดเด่นของเขาตอนนี้แทบจะแซงหน้าสิบผู้มีพรสวรรค์ไปแล้ว”
“สามวันก่อนศิษย์พี่โอวหยางเอ่ยท้าประลองเขา นัดกันสู้บนลานประลองวายุเมฆา ใครจะรู้ว่าเขากลับซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดอง อยู่ในอาศรมไม่กล้าออกมาเจอคน”
“เจ้านั่นรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่โอวหยาง ถึงไม่กล้ารับคำท้าแน่ๆ”
“หากเขารู้ว่าศิษย์พี่เนี่ยผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาเรากลับมา คงกลัวจนหลบในอาศรมไม่กล้าออกมาเป็นแน่”
“ฮ่าๆๆ ใช่ๆ”
นักเรียนข้างกายพวกนั้นกำลังพูดอะไร เนี่ยเถิงไม่ได้ยินแล้ว ห้วงความคิดเขามีเสียงดังสนั่น และมีเพียงข้อความเดียวดังก้อง
เฟิ่งจิ่ว… นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ในสำนักศึกษาหมอกดารา!
หนำซ้ำยังแต่งตัวเป็นชายปะปนเข้ามา? เป็นนางจริงๆ? หรือแค่มีชื่อแซ่เดียวกันเท่านั้น?
ยามนี้ หัวใจที่สงบเงียบมาเนิ่นนานเต้นแรงอีกครั้งเพราะได้ยินข่าวนาง ทั้งเฝ้ารอ ตื่นเต้น และสุขใจ ความยินดีเข้ามาเติมเต็มหัวใจของเขาอย่างยากจะยับยั้งได้
ทำให้เขาอยากจะไปที่ที่นางอยู่เสียเดี๋ยวนี้ ไปดูสักหน่อยว่าคนคนนั้นคือหญิงคนที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งแค้น อยากจะลืมกลับลืมไม่ลงหรือไม่?
…………………………………………………