เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 733 อันตราย! ผู้แข็งแกร่งซุ่มโจมตี + ตอนที่ 734 สู้ไม่ได้ก็หนี
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 733 อันตราย! ผู้แข็งแกร่งซุ่มโจมตี + ตอนที่ 734 สู้ไม่ได้ก็หนี
ตอนที่ 733 อันตราย! ผู้แข็งแกร่งซุ่มโจมตี + ตอนที่ 734 สู้ไม่ได้ก็หนี
ตอนที่ 733 อันตราย! ผู้แข็งแกร่งซุ่มโจมตี
ผู้คนโดยรอบที่ตกตะลึงเพียงได้ยินเสียงดังตุบ ตอนหญิงอ้วนท้วนคนนั้นนั่งลงบนท้องชายร่างผอมสูงเต็มแรง ก็รู้สึกว่าพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“อั่ก!”
ชายร่างผอมสูงไม่ได้ร้องควรญ เพราะแม้แต่เสียงร้องยังเปล่งออกมาไม่ได้ ยามถูกหญิงอ้วนนั่งทับบนท้องอย่างแรง เขาเพียงพ่นฟองสีขาวออกจากปาก สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด จะส่งเสียงสักนิดยังทำไม่ได้
ก็ใช่ อย่างมากเขาก็น้ำหนักเก้าสิบกว่าชั่ง แต่หญิงอ้วนอายุสามสิบกว่ากลับหนักเกือบสองร้อยกว่าชั่ง น้ำหนักสุทธินี้กระแทกลงไปย่อมทำให้คนเหมือนตายทั้งเป็น ยิ่งไปกว่านั้นยังนั่งเสียแรงเพียงนั้น กระอักฟองขาวยังถือว่าเบาแล้ว
เยี่ยจิงที่อยู่ไม่ไกลมองจนอ้าปากค้างเล็กน้อย สีหน้าทั้งประหลาดใจและตกตะลึง กระทั่งเฟิ่งจิ่วมาถึงข้างกายนางก็ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้
“เป็นอย่างไร? ข้าจะจัดการใครไม่ต้องลงมือเองหรอก ได้ระบายอารมณ์ ซ้ำยังประหยัดแรงด้วย”
แววตาเฟิ่งจิ่วมีรอยยิ้ม คางเชิดขึ้นเบาๆ ใบหน้างดงามเปล่งประกายและมีชีวิตชีวา ทั่วร่างดูไปแล้วแวววับจับตา ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ ดึงดูดสายตาเหล่าหญิงสาววัยแรกแย้มรอบข้างให้มองร่างเธออยู่เนิ่นนานจนไม่อาจถอนกลับ
“ฟิ้ว!”
จู่ๆ ก็มีเสียงอาวุธเยียบเย็นจู่โจมมา เสียงนี้ไม่ได้ดังชัดบนถนนใหญ่แสนคึกคัก ถึงขั้นพูดได้ว่าเสียงกระแสลมรุนแรงนั้นแทบจะถูกเสียงอึกทึกครึกโครมบนถนนใหญ่กลบไปหมด
เยี่ยจิงได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่วจึงเผยรอยยิ้มออกมาทันควัน อารมณ์ที่เคยดำดิ่งเบิกบานขึ้นมาเพราะเห็นชายร่างผอมสูงคนนั้นโดนสั่งสอน ขณะกำลังจะพูดกลับเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของเฟิ่งจิ่วเปลี่ยนไปในพริบตา ไม่รอให้นางถามไถ่หรือตอบสนอง ร่างก็ถูกเฟิ่งจิ่วโอบพาถอยไปทางขวาทันที
“ฟิ้ว! ตูม!”
เสียงกระแสลมดุดันวาดผ่านไป ยิงถูกเสาร้านค้าด้านหลังเฟิ่งจิ่วจนล้มลงเสียงดัง เห็นภาพนี้ท่าทีเยี่ยจิงก็เปลี่ยนไป หัวใจหวาดกลัวไม่สิ้นสุด
นางถึงกับไม่ได้ยินเสียงนั้นและไม่รู้สึกถึงมัน หากเมื่อครู่เฟิ่งจิ่วไม่พานางหลบออกไป อาวุธเย็นเยียบนั้นคงยิงถูกร่างเฟิ่งจิ่วเป็นแน่
รอยยิ้มบนหน้าถูกเก็บไป เฟิ่งจิ่วที่มีสีหน้าเย็นชานัยน์ตาสดใสฉายประกายหนาวเหน็บ เธอกวาดมองเกาทัณฑ์แขนเสื้อดอกนั้นที่ปักบนเสา ก่อนบอกเยี่ยจิงว่า “มันโจมตีมาหาข้า เจ้ากลับสำนักศึกษาไปก่อน”
ในใจกำลังครุ่นคิดว่าเป็นใครกัน? ใครจะทำร้ายเธอ? เกาทัณฑ์แขนเสื้อดอกนั้นแค่ลองเชิงการโต้ตอบของเธอ ไม่ได้ต้องการเอาชีวิต เพราะเธอมั่นใจได้ว่ากำลังของคนที่ยิงเกาทัณฑ์อย่างน้อยที่สุดก็เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง แต่แรงซึ่งเกาทัณฑ์ถูกยิงออกมากลับมีแค่สามจากสิบส่วน
เวลานี้เอง คนชุดดำสิบสองคนโผล่ออกมาจากมุมมืด แปดคนในนั้นถือกระบี่ยาว ส่องประกายเย็นเยียบข่มขวัญคน ไอสังหารเอ่อล้น แววตาที่ทั้งเฉียบคมและเย็นเยือกหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดง
เมื่อพวกเขาปรากฏตัว ไอสังหารรุนแรงน่ากลัวก็ถาโถมไปทั่วถนนใหญ่ แรงกดดันทรงพลังทำให้อากาศหนาวเย็นทันใด แรงกดดันซึ่งปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายของผู้แข็งแกร่งที่มาเยือน ทำให้ทุกคนตกใจจนร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก ต่างล้มลุกคลุกคลานหนีไปหลบซ่อนยังสถานที่ปลอดภัย
“ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน ช่างลงทุนนัก!” เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงหยัน สายตาหยุดลงบนร่างสิบสองคนนั้น ขณะเดียวกันเยี่ยจิงข้างๆ ที่ตกใจก็โดนผลักไปข้างหลัง
“ไปเร็ว!” เธอตะโกนเสียงเบา หากรู้ว่าออกมาจะเจอการซุ่มโจมตี คงไม่พาเยี่ยจิงออกมาด้วยแน่
“ฟะ เฟิ่งจิ่ว…” ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนั้น สองขาเยี่ยจิงอ่อนยวบเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือด
………………………………………………….
ตอนที่ 734 สู้ไม่ได้ก็หนี
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน หัวใจยิ่งหวาดหวั่น
ภายใต้กำลังต่อสู้และการซุ่มโจมตีเช่นนี้ จะมีโอกาสรอดได้หรือ?
ในตระกูลของเยี่ยจิง มีเพียงปรมาจารย์ในตระกูลถึงจะมีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ ยามนี้นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนกับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคนปรากฏตัว แรงสั่นสะเทือนจากผู้แข็งแกร่งที่มาเยือน อานุภาพจากไอสังหารและแรงกดดันเช่นนี้ ทำให้สองขานางก้าวไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนีไปเลย
นางเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์ช่วงสาม นางที่ไม่ใช่แม้แต่ระดับสร้างรากฐาน ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้เลือดลมในร่างไม่แล่นพลุ่งพล่านก็ถือว่าดีแล้ว
“เฟิ่งจิ่ว ขะ ข้าหนีไม่ได้”
นางฝืนรับแรงกดดันพลางเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างยากลำบาก ยามนี้นางเข้าใจอย่างลึกซึ้ง การสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเฟิ่งจิ่วเป็นเรื่องโง่เขลา มีแต่ต้องกลับสำนักศึกษาไปขอความช่วยเหลือโดยเร็ว ถึงอาจจะช่วยชีวิตเฟิ่งจิ่วได้
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็หันไปเหลือบมอง เห็นสีหน้านางขาวซีด มุมปากมีเลือดไหล หน้าผากมีเหงื่อซึม ฝ่ามือจึงเรียกกลิ่นอายพลังวิญญาณแล้วยื่นมือส่งเยี่ยจิงออกไปไกลกว่าสามจั้ง
เยี่ยจิงมองลึกไปที่นางโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเรียกพลังออกดั้นด้นไปยังสำนักศึกษาอย่างรวดเร็ว…
สิบสองคนนั้นไม่สนใจการจากไปของเยี่ยจิง อาจคิดว่าไม่ควรค่าอยู่ในสายตา หรือคิดว่าต่อให้นางตามกำลังเสริมมาก็ไม่น่าเป็นคู่มือของพวกเขา
ภารกิจของพวกเขา ในสายตาของพวกเขา มีเพียงคนนามว่าเฟิ่งจิ่วคนนี้!
“เจ้าจะไปด้วยกันดีๆ หรือจะให้พวกเราลงมือ?” หัวหน้าหนึ่งในสี่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเอ่ยเสียงเข้ม แววตาที่ทั้งคมกริบและเย็นชาจับจ้องหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น
“ใครส่งพวกเจ้ามา?” เธอเอ่ยถาม ในใจคิดคำนวณอย่างว่องไวว่ายังมีโอกาสรอดเท่าไร รวมถึงใครเป็นคนส่งคนพวกนี้มากันแน่
คนที่ถูกส่งมา ในนั้นมีระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน ชัดเจนว่าประเมินกำลังเธอไว้แล้ว หากเป็นแค่ระดับหลอมแก่นพลังยังดี แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนนั้น ถึงแม้เธอมั่นใจแต่ก็ไม่หลงตัวเอง ด้วยกำลังของเธอ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อกรคนตรงหน้าพวกนี้
หนำซ้ำแม้เยี่ยจิงกลับสำนักศึกษาไปขอความช่วยเหลือ เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเข้ามาช่วย ก็ยังเกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้
สมควรตาย! เห็นชัดๆ ว่าเธอไม่ได้ไปยั่วยุกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้!
ทว่าพอความคิดนี้ตกไปกลับตกใจทันที แววตาปรากฏความตะลึงและกระจ่างแจ้งบางส่วน
“พวกเจ้าเป็นคนจากแปดจักรวรรดิใหญ่!”
ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการยืนยัน มีเพียงกลุ่มอำนาจของแปดจักรวรรดิใหญ่ถึงจะส่งคนระดับหลอมแก่นพลังแปดคนกับระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนเช่นนี้มาได้ตามใจชอบ บอกว่าให้ไปกับพวกเขา? หรือว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อจะเจอเรื่องยุ่งยากอะไรเข้า ถึงทำให้คนพวกนี้หันมาสนใจเธอ?
และมีเพียงคนแปดจักรวรรดิใหญ่ที่หาญกล้าป่าเถื่อนเช่นนี้ ถึงกับลงมือกลางวันแสกๆ โดยไม่กลัวว่าเจ้าเมืองซิงอวิ๋นหรือพวกเจ้าสำนักศึกษาจะแตกตื่น หยิ่งยโสจองหองพองขน ไม่เห็นพวกเขาในสายตา!
ได้ยินเฟิ่งจิ่วกล่าวคำว่าแปดจักรวรรดิออกมาตรงๆ หัวหน้าหนึ่งในสี่ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ยกมือขึ้นให้สัญญาณ จากนั้นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคนด้านหลังตวัดกระบี่ยาวในมือ กระบี่ยาวที่ส่องประกายเย็นเยียบพลันโจมตีไปทางร่างสีแดงเบื้องหน้าพร้อมกระแสลมรุนแรง
เฟิ่งจิ่วที่สังเกตมาตลอดเห็นพวกเขาลงมือก็ไม่ได้สู้ตอบ แต่ก้าวถอยไปเล็กน้อย แล้วหมุนตัวหนีไปทันที…
………………………………………………….