เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 739 เนี่ยเถิงกระวนกระวาย + ตอนที่ 740 เสียงระฆังกึกก้อง
ตอนที่ 739 เนี่ยเถิงกระวนกระวาย + ตอนที่ 740 เสียงระฆังกึกก้อง
ตอนที่ 739 เนี่ยเถิงกระวนกระวาย
อาจารย์หลี่ว์ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ ตอนนี้ไม่ต้องถามอะไรมาก รีบร้อนพาเยี่ยจิงกระโดดขึ้นกระบี่บินมุ่งไปยังยอดเขาหลักของเจ้าสำนักทันที…
เหล่านักเรียนโดยรอบเห็นเยี่ยจิงใช้พลังวิญญาณมากเกินไปท่าทางไม่ปกติ จึงเงี่ยหูฟังมาตลอดตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิงก็พากันมีท่าทีแปลกไป
เฟิ่งจิ่วกำลังลำบาก? หึ! จะลำบากอะไรได้? เดาว่าอยู่ข้างนอกคงไปขัดใจใครเข้าโดยไม่ระวังจนถูกสั่งสอนกระมัง! เยี่ยจิงก็แค่เป็นกระต่ายตื่นตูม
ยามนี้ใครก็ไม่นึก ที่เยี่ยจิงบอกว่าเฟิ่งจิ่วกำลังลำบากเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต และยิ่งนึกไม่ถึงว่าพวกที่สู้กับเฟิ่งจิ่วจะเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคนกับผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน…
แต่ละคนยังพูดคุยเสียงเบาอย่างยินดีในความโชคร้าย บอกว่ามีคนสั่งสอนเขาเสียบ้างถึงจะดี
“เจ้าเด็กนั่นอยู่ในสำนักศึกษามีพวกอาจารย์คอยปกป้อง เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักยังปกป้อง ครั้งนี้ดีแล้ว ออกไปโดนคนจัดการข้างนอก กลับมาต้องจมูกช้ำหน้าบวมเป็นแน่”
“สมน้ำหน้า ความโดดเด่นของนักเรียนใหม่คนเดียวยังเกินหน้าเกินตานักเรียนเก่าอย่างพวกเรา สมควรแล้วที่มีคนจัดการเขา”
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใคร?”
เสียงทุ้มเข้มพลันดังขึ้นด้านหลังนักเรียนสองสามคนที่พูดคุยกันเสียงเบา คนพวกนั้นตกใจเสียจนรีบหันกลับไป หลังจากเห็นว่าเป็นเนี่ยเถิงก็แอบโล่งอก
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านนั่นเอง พวกเราตกใจหมดเลย” นักเรียนคนหนึ่งพูดพลางตบๆ หน้าอก
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใคร?” เนี่ยเถิงถามอีกครั้ง เพิ่งกลับมาจากยอดเขาสำนักยาเซียน ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วที่นั่น ขณะกำลังคิดจะกลับเรือน ยามผ่านมาทางนี้กลับได้ยินพวกเขากำลังคุยกันเสียงเบา
“เฟิ่งจิ่ว พวกเรากำลังพูดถึงเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่น พวกอาจารย์กับเจ้าสำนักในสำนักศึกษาต่างปกป้องเขา ครั้งนี้ดีแล้ว ได้ยินว่าเมื่อเช้าเขาถือป้ายคำสั่งเจ้าสำนักไปเดินเล่นในเมืองกับเยี่ยจิง เมื่อครู่กลับเห็นเยี่ยจิงกลับมาขอความช่วยเหลือ บอกว่าเฟิ่งจิ่วกำลังลำบากให้อาจารย์หลี่ว์พาไปพบเจ้าสำนักอะไรนี่แหละ”
“พวกเราเดาว่าเจ้าเด็กนั่นคงไปขัดใจใครด้านนอกเข้าจนถูกจัดการ อย่างมากก็โดนซ้อม เยี่ยจิงรู้น้อยถึงเห็นเป็นเรื่องประหลาด”
ทว่านักเรียนพวกนั้นกลับเห็นว่าหลังจากได้ยินคำพูดพวกเขา สีหน้าเนี่ยเถิงก็เปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะร่อนกระบี่บินมุ่งไปยังยอดเขาหลัก
“ศิษย์พี่เนี่ยเป็นอะไรไป?”
“ได้ยินว่าเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นกำลังลำบาก สีหน้าเขาคล้ายจะไม่ค่อยดีนัก”
“หรือว่าศิษย์พี่เนี่ยจะรู้จักเจ้าเด็กนั่น?”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง?”
ขณะที่พวกเขาพูดในใจยังนึกสงสัย ทว่าไม่ได้สนใจมากนัก นั่งลงคุยเล่นกันอีกครั้ง
เนี่ยเถิงที่ขี่กระบี่ไปยังยอดเขาหลักหวั่นใจขึ้นมาในยามนี้ คนในสำนักศึกษาไม่รู้จักเฟิ่งจิ่วคนนั้น แต่เขารู้ หากไม่เกิดปัญหาใหญ่จริงๆ นางจะต้องการคนช่วยไปทำไม?
แต่ในพื้นที่เมืองซิงอวิ๋น แคว้นเหินเวหานี้ ใครเล่าจะกล้าทำร้ายนักเรียนสำนักศึกษาหมอกดารา?
ภายในยอดเขาหลัก เจ้าสำนักกำลังเดินหมากกับโม่เฉิน ส่วนรองเจ้าสำนักนั่งดูข้างๆ และคอยเติมน้ำชาให้ทั้งสองเรื่อยๆ สิ่งที่กระจายไปทั่วเรือนคือบรรยากาศเรื่อยเฉื่อยตามสบาย กระทั่งเสียงกระวนกระวายของอาจารย์หลี่ว์ลอยมาจากด้านนอก ถึงจะทำลายซึ่งความเงียบสงบภายในเรือนแห่งนี้
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนักแย่แล้วขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
อาจารย์หลี่ว์พาเยี่ยจิงเข้ามาด้วยความลนลาน แล้วผลักเยี่ยจิงไปตรงหน้าพวกเจ้าสำนักโดยไม่สนใจจะคารวะ กล่าวอย่างวิตกว่า “ท่านเจ้าสำนัก เยี่ยจิงบอกว่าเฟิ่งจิ่วถูกคนไล่ฆ่าอยู่ข้างนอก คนที่ตามล่ายังไม่ใช่คนธรรมดา บอกว่าเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอีกสี่คน ท่านเจ้าสำนัก ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีขอรับ?”
“อะไรนะ?”
รองเจ้าสำนักลุกขึ้นมาอย่างตกตะลึงทันใด เอ่ยถามอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง “ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนกะ…กำลังไล่ฆ่าเฟิ่งจิ่ว?”
………………………………………………….
ตอนที่ 740 เสียงระฆังกึกก้อง
“เจ้าค่ะ คนพวกนั้นปรากฏตัวบนถนนใหญ่ แรงกดดันแข็งแกร่งมาก หากเฟิ่งจิ่วไม่ใช้พลังส่งข้า ภายใต้แรงกดดันพวกเขาคงไม่มีทางหนีกลับมาขอความช่วยเหลือ ท่านเจ้าสำนัก ท่านรองเจ้าสำนัก พวกท่านได้โปรดช่วยเฟิ่งจิ่วด้วย หากพวกเราไม่ช่วย เขาต้องไม่รอดแน่…”
กำลังต่อสู้และผู้แข็งแกร่งเช่นนั้น ผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณเช่นนางจะรอดชีวิตจากเงื้อมมือพวกเขาได้อย่างไร?
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าหนักใจขึ้นมาทันที โม่เฉินที่หนีบตัวหมากไว้ในมือยามนี้แววตาสั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววแปลกใจ
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน ทำไมเขาถึงไปยั่วยุคนเช่นนั้นได้?
เวลานี้เองเจ้าสำนักก็สั่งการเสียงเข้ม “อาจารย์หลี่ว์ เจ้าไปเคาะระฆังใหญ่บนยอดเขาหลักเดี๋ยวนี้ เรียกประชุมอาจารย์จากสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับไปช่วยคนด้วยกันกับพวกข้า!”
“ขอรับ!”
อาจารย์หลี่ว์ขานรับแล้วออกไปเคาะระฆังใหญ่บนยอดเขาหลักอย่างรวดเร็ว เสียงระฆังแต่ละเสียงลอยออกไปจากยอดเขาหลัก ขณะที่กึกก้องไปแต่ละสำนัก หลังจากได้ยินเสียงระฆังพวกอาจารย์ก็พากันตกใจ วางเรื่องในมือลงและรีบไปยังยอดเขาหลักโดยเร็ว
ขณะเดียวกันเจ้าสำนักมองยังรองเจ้าสำนัก สั่งว่า “เหล่ากวน เจ้ารีบไปข้างนอก แล้วรวบรวมพวกอาจารย์ที่มีวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังและระดับปราชญ์นักรบมาไว้ด้วยกัน”
“ขอรับ!” รองเจ้าสำนักขานรับก่อนจะออกไปโดยเร็ว เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้จึงรีบเร่งตามไป นางก็ต้องไปช่วยกับพวกเขาด้วย!”
ยามนี้เจ้าสำนักถึงจะมองยังโม่เฉิน บอกว่า “นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเป็นนักเรียนสำนักศึกษา ยามนี้โดนผู้แข็งแกร่งไล่ล่า พวกเราจำต้องไปช่วย” กล่าวจบ หลังจากประสานมือคารวะถึงจะเร่งฝีเท้าวิ่งไปข้างนอก
เมื่อเนี่ยเถิงที่เร่งไปยังยอดเขาหลักได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น ใจยิ่งตึงเครียด ในฐานะนักเรียนสำนักศึกษาย่อมรู้แน่นอนว่าเสียงระฆังนี้หมายถึงอะไร แต่นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะร้ายแรงเช่นนี้ ทำให้เจ้าสำนักต้องลั่นระฆังเรียกประชุม
เห็นกลางอากาศมีพวกอาจารย์แต่ละสำนักร่อนกระบี่มุ่งไปยังยอดเขาหลัก เขายิ่งเร่งความเร็วขึ้น ขณะเดียวกันนี้กวนสีหลิ่นกับเซียวอี้หานที่ได้ยินข่าวก็รีบไปยังยอดเขาหลักเช่นกัน…
เวลาเดียวกันนี้เหล่าไป๋อาศัยตอนที่นายท่านไม่อยู่ออกไปเดินเล่น เดิมคิดจะไปแกล้งพวกนักเรียนหญิงเล่นในสถานที่ที่พวกนางรวมกลุ่มกันบ่อยๆ ใครจะรู้กลับได้ยินข่าวว่านายท่านเจออันตราย จึงเร่งกีบม้าวิ่งกลับอาศรมทันที
“อสูรกลืนเมฆา อสูรกลืนเมฆา!” ปากถูกมัดไว้ด้วยชิ้นผ้า คำพูดที่เอ่ยออกมาจึงงึมงำไม่ชัดเจน
อสูรกลืนเมฆาที่นอนใต้ต้นไม้ชำเลืองมองเหล่าไป๋ที่ตะโกนวิ่งแจ้นกลับมา ถามว่า “มีเรื่องอะไร? หรือว่าเจ้าไปแอบดูนักเรียนหญิงอาบน้ำตรงภูเขาด้านหลังยอดเขาสำนักยาแล้วโดนจับได้?”
“อู้ๆๆ…” เหล่าไป๋วิ่งกลับมา นอนลงบนพื้นแล้วใช้สองกีบม้าดึงผ้าตรงปาก แต่ยิ่งดึงยิ่งกลายเป็นเงื่อนตาย
อสูรกลืนเมฆาเห็นเชชั้น กรงเล็บก็ฉายแสงข่วนตัดชิ้นผ้านั้นไป ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินมันกล่าวอย่างลนลาน “แย่แล้วๆ เกิดเรื่องใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“เกิดเรื่องใหญ่อะไร?”
“ข้าได้ยินคนพวกนั้นบอกว่านายท่านอยู่ในอันตราย คนของสำนักศึกษาเคาะระฆังเรียกประชุมอาจารย์หลายคนเพื่อรีบไปช่วยนายท่าน! เหมือนจะมีปัญหาใหญ่มาก พวกเราก็ต้องไปช่วยด้วยสิ!”
เพียงได้ยินคำพูดนี้ อสูรกลืนเมฆาที่เดิมทีนอนอยู่พลันลุกขึ้นมา ท่าทางเกียจคร้านหายไป สิ่งที่ปรากฏคือความดุร้ายและกระหายเลือด มันกระโดดขึ้นบนหลังเหล่าไป๋ ตะโกนบอกว่า “รีบไป!”
เหล่าไป๋เร่งกีบม้าปรี่ไปยังประตูใหญ่สำนักศึกษา ความเร็วสูงราวกับสี่กีบบินสู่ท้องฟ้า ความว่องไวที่วิ่งถลาไปไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์พวกนั้นที่ขี่กระบี่ไปแม้แต่น้อย พวกมันไม่ได้ไปที่ยอดเขาหลัก แต่วิ่งตรงออกจากประตูสำนักตามกลิ่นอายนายท่านไป…
………………………………………………….