เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 741 กองหนุนใหญ่ + ตอนที่ 742 จุดเชื่อม
ตอนที่ 741 กองหนุนใหญ่ + ตอนที่ 742 จุดเชื่อม
ตอนที่ 741 กองหนุนใหญ่
บนยอดเขาหลัก เมื่อกวนสีหลิ่นเห็นเนี่ยเถิงก็กวาดมองอย่างขุ่นเคือง ยามนี้กลับไม่ได้เอาเรื่องเขาเรื่องความแค้นในวันวาน แต่ไปหาเยี่ยจิงและถามเรื่องราวให้ชัดเจน จากนั้นขณะที่พวกรองเจ้าสำนักออกไป ก็ตามไปด้วยกันกับพวกเขาด้วย
“พวกเจ้าจะไปทำอะไร? นั่นเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอีกสี่คน หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าวรยุทธ์แท้จริงพวกเขาอยู่ระดับใด กำลังอย่างพวกเจ้าไปก็หาที่ตายเปล่าๆ อยู่ที่นี่รอพวกเรากลับมาเถอะ!”
รองเจ้าสำนักพูดจบก็เห็นเจ้าสำนักพาเหล่าอาจารย์เร่งบินออกไปภายใต้การนำทางของเยี่ยจิง จึงสะบัดแขนเสื้อบอกเนี่ยเถิงกับกวนสีหลิ่นรวมถึงเซียวอี้หานว่า “รีบๆ กลับไปซะ! อย่าทำให้เวลาช่วยเหลือต้องล่าช้า!” สิ้นเสียงก็สะบัดแขนเสื้อ ไม่ให้โอกาสพวกเขาพูด แล้วร่อนกระบี่ไล่ตามคนข้างหน้าไปโดยเร็ว
เนี่ยเถิงเหลือบมองกวนสีหลิ่น ก่อนจะเรียกพลังกระโดดขึ้นเหยียบกระบี่ตามไป
กวนสีหลิ่นเห็นเนี่ยเถิงตามไปด้วย ทันใดนั้นก็หยิบกระดานแปดทิศที่เฟิ่งจิ่วมอบให้เขาในวันนั้นมาโยนขึ้นกลางอากาศ กระโดดขึ้นไป แล้วตามหลังเขาไปติดๆ
“รอข้าด้วย!” เซียวอี้หานหยิบพาหนะเหาะเหินตามไปเช่นกัน
ภายในสำนักศึกษา พวกนักเรียนแต่ละสำนักทั้งหมดใจสั่นสะท้าน แต่ละคนมองผู้อาวุโสระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน อาจารย์สำนักพลังวิญญาณระดับหลอมแก่นพลังสิบแปดคน รวมถึงอาจารย์สำนักพลังเร้นลับระดับปราชญ์นักรบอีกยี่สิบคนของสำนักศึกษาหมอกดาราด้วยความตกตะลึง ต่างพากันเคลื่อนทัพขี่กระบี่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้การนำทัพของเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนัก
“เฮือก! ถึงกับทุ่มกำลังคนระดับหลอมแก่นพลังขึ้นไปจากทั้งสำนักศึกษา! แม้แต่ผู้อาวุโสระดับกำเนิดวิญญาณทั้งสี่ยังปรากฏตัว เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักก็ไปด้วย กะ เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกันแน่?”
“คนที่เฟิ่งจิ่วคนนั้นไปยั่วยุเป็นใครกัน? ทำไมถึงต้องใช้กำลังต่อสู้เช่นนี้เข้าไปช่วยเหลือ? หนำซ้ำทำไมสำนักศึกษาถึงทุ่มกำลังต่อสู้จากทุกฝ่ายเข้าไปช่วยนักเรียนใหม่คนเดียว? เฟิ่งจิ่วคนนี้เป็นแค่บ้านนอกที่มาจากแคว้นระดับเก้าจริงๆ หรือ?”
“ดูสิ! นั่นคุณชายโม่เฉิน! ลูกศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจี นึกไม่ถึงว่าจะตามหลังไปด้วย” พวกนักเรียนด้านล่างชี้ยังร่างปานเทพจุตินั้นที่ตามหลังไปท้ายสุด ยามนี้ความประหลาดใจในหัวใจยากจะกล่าวเป็นคำพูด
อีกด้านหนึ่ง พวกหัวหน้ากงสามคนมาถึงป่าทึบแห่งนั้นแล้ว เพียงก้าวเข้าไปภายในป่าก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งที่ทั้งกดดันและมืดมน ภายในอากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารกระหายเลือดที่ทำให้ใจคนสั่นไหว ถึงกับมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายอยู่ภายใน
“ภูตหมอคนนั้นคงไม่หรอกกระมัง?” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้นเอ่ยถาม
“เขาไม่น่าตายง่ายๆ เพียงนั้น” หัวหน้ากงกล่าวเสียงเข้ม “สัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิตของเขาคือหงส์ไฟหรือสัตว์เทวะในตำนาน ต่อให้ถึงยามที่ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย สัตว์พันธสัญญาคงออกมาปกป้องเขา จะกลัวก็กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันเถอะ”
“ทางนั้น!”
ชายชราคนนั้นกล่าว สายตาหยุดยังทิศทางหนึ่งด้านหน้า “กระแสลมด้านหน้าปั่นป่วนค่อนข้างมาก มีเสียงต่อสู้คมกระบี่กระทบกันลอยมาแว่วๆ พวกเขาคงอยู่ส่วนลึกของป่าทึบนี้”
“ไปเถอะ!”
ทั้งสามเอ่ยพร้อมพุ่งไปด้านในอย่างรวดเร็ว ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกว่ากระแสลมกับแรงกดดันในอากาศแตกต่างจากภายนอก ยิ่งเดินเข้าไปด้านในเลือดลมภายในร่างก็ยิ่งปั่นป่วน
หัวหน้ากงกับชายชราระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นยังดีอยู่ ทว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่ตามมาด้วยกันต้องฝืนประคองกลิ่นอายในร่างไว้ เพื่อไม่ให้จิตใจล่องลอยจนกระแสลมในร่างเสียการควบคุม
เวลาประมาณครึ่งก้านธูป ทั้งสามถึงจะมาถึงจุดที่มีเสียงต่อสู้ดังขึ้น เมื่อเห็นร่างสีแดงนั้นถูกผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนกับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอีกสองคนล้อมโจมตี ม่านตาก็หดลงโดยฉับพลัน…
………………………………………………….
ตอนที่ 742 จุดเชื่อม
เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงนั้น ชุดคลุมสีแดงบนร่างเปื้อนเลือดไปหมด ซ้ำยังถูกใบมีดคมกรีดเป็นรอย เธอหอบหายใจพลางกึ่งทรุดลงบนพื้น ประคองร่างที่กลิ่นอายปั่นป่วนเล็กน้อยด้วยกระบี่ในมือ ท่าทางดูลำบากเช่นนั้น ทว่ายามนี้ดวงตากลับเต็มไปด้วยใจฮึดสู้และประกายหนาวเย็น เจิดจรัสดุจดวงดาวระยิบระยับจับตา!
สี่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณกับสองผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังล้อมเฟิ่งจิ่วไว้ตรงกลาง กลิ่นอายทรงพลังที่พุ่งพล่านออกมาบนร่างทั้งหกคนทำให้สามคนที่ยืนอยู่ที่นี่เลือดในหัวใจเดือดพล่านอย่างอดไม่ได้ ส่วนเฟิ่งจิ่วตรงกลางนั้นกลับยังมีกลิ่นอายพลังวิญญาณเอ่อล้นบนร่าง และลุกขึ้นมาท่ามกลางพวกเขา…
ตามข้อมูลแล้ว เขาเป็นแค่ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ…
สามารถประคองไว้ได้นานเพียงนี้ด้วยวรยุทธ์ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ช่างเห็นได้ยากยิ่ง ครั้นเห็นแววตาเขากวาดมองมาทางพวกตน หัวหน้ากงก็บอกทันทีว่า “พวกเรามาช่วยเจ้า!” กล่าวจบก็ตวัดกระบี่คมในมือโจมตีไป คิดจะเปิดทางหนีให้เขาออกมา
แววตาเฟิ่งจิ่วฉายแววเล็กน้อย ถอนหายใจออกมา สายตามองผ่านบนร่างทั้งสามคนและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็จัดการระดับหลอมแก่นพลังสองคนนั้นซะ”
ทั้งสามได้ยินคำพูดนี้ พลันปิดล้อมผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองคนนั้นไว้ สองคนนี้ต่างมีวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด เป็นขั้นสูงสุดในระดับหลอมแก่นพลัง แต่ในหมู่พวกเขาสามคนมีแค่หัวหน้ากงที่มีวรยุทธ์ขั้นสูงสุด ชายชราคนนั้นอยู่ระดับกำเนิดวิญญาณ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอีกคนกลับอยู่แค่ช่วงที่สาม
ด้วยกำลังพวกเขา คิดจะสู้กับระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนนั้นก็ไม่ประมาณตนสักเท่าไรจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาต้องดึงสองคนนี้ออกมา ฆ่าสองคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน!
“เข้ามาตายซะ! ชีวิตพวกเจ้าสามคนพวกเราจะเก็บไว้เอง!” คนชุดดำระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดสองคนนั้นกล่าวเสียงเข้ม แล้วเรียกพลังบินออกมายังสถานที่ไกลกว่าสามจั้งพร้อมกับพวกเขา
แม้หนึ่งในสามคนนั้นจะมีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ แต่สำหรับพวกเขากลับใช่ว่าจะสู้ไม่ชนะ เพราะพวกเขามีของวิเศษ! ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกตนในแคว้นระดับหกนี้กำลังต่อสู้จะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?
“เฟิ่งจิ่ว ถ้าจะให้ดีที่สุดเจ้าก็ยอมร่วมมือเสียดีๆ เถอะ มิเช่นนั้นจะลำบาก!”
ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณหนึ่งคนในนั้นแค่นเสียงหยัน “อย่าคิดว่าคนพวกนี้จะช่วยเจ้าได้ ต้องรู้ไว้ว่าพวกเราสี่คนต่างมีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด แค่กระทืบเท้าก็ทำให้เมืองซิงอวิ๋นพินาศลงได้!”
ยามนี้พวกเขาเผยพละกำลังทั้งหมดของตนเองออกมา ไม่ได้เก็บกดวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณไว้อีกต่อไป แต่ปล่อยกลิ่นอายและแรงกดดันที่ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดพึงมี!
นี่คือไพ่ตายของพวกเขา! สิ่งที่น่ากลัวของผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดคือสามารถทำลายเมืองหนึ่งได้ในชั่วอึดใจ หรือแม้แต่แคว้นแคว้นหนึ่ง! ต่อให้เป็นสำนักศึกษาหมอกดาราก็ไม่อยู่ในสายตาพวกเขา!
หลังจากเฟิ่งจิ่วหอบหายใจเล็กน้อยยามสงบจิตใจ มือก็จับกระบี่คมพยับลุกขึ้นมา ดูเหมือนกลิ่นอายบนร่างปั่นป่วนเล็กน้อย อันที่จริงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจุดเชื่อมนั้นที่เธอเฝ้ารอมาตลอดในที่สุดมาถึงแล้ว การไหลพล่านกับเสียงร่ำร้องจากเลือดภายในร่างกำลังขยายเส้นเลือดทุกเส้นและกล้ามเนื้อ เธอเพียงรู้สึกว่าเลือดกำลังเดือดพล่าน ราวกับกระแสน้ำที่ลงมาจากภูเขาสูงและหลั่งไหลสู่ท้องทะเล…
ตรงจุดตันเถียน หยดน้ำกลายเป็นวังน้ำวน กลิ่นอายพลังวิญญาณค่อยๆ พรั่งพรูและรวมตัวกันขึ้นมา ยิ่งหมุนก็ยิ่งใหญ่ขึ้น มันกำลังดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณราวกับวังวน แม้เธอรู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการสร้างรากฐาน แต่กลับเป็นจุดเชื่อมนั้นที่เธอรอมาตลอดเช่นกัน!
“เช่นนั้นมาสู้กันเถอะ! ข้าก็อยากเรียนรู้เสียหน่อย ว่าระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดจะน่ากลัวเพียงใดกันแน่!”
………………………………………………….