เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 771 เคยรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางฟ้า + ตอนที่ 772 ความโกลาหล
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 771 เคยรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางฟ้า + ตอนที่ 772 ความโกลาหล
ตอนที่ 771 เคยรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางฟ้า + ตอนที่ 772 ความโกลาหล
ตอนที่ 771 เคยรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางฟ้า
เมื่อมาถึงตลาดมืด หัวหน้าตลาดมืดกับผู้อาวุโสกงสองคนคอยอยู่ที่นั่นแล้ว คนที่อยู่ด้วยกันกับพวกเขายังมีผู้อาวุโสหลี่ท่านนั้น เห็นเขาแล้วเฟิ่งจิ่วอยากหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว
แม้รู้ว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญ ยาของเธอเป็นของล้ำค่าที่ต้องแย่งชิง แต่ไม่นึกว่าผู้อาวุโสหลี่คนนี้ใช้ชีวิตมาตั้งหลายปีแล้ว ยังจะตามติดกวนใจเช่นนี้อีก
เธอมียาแต่คงไม่ให้ตามใจชอบ เขาต้องการของของเธอ นั่นคงเป็นไปไม่ได้
“คุณชายเฟิ่ง ของที่ท่านต้องการเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเก็บไว้ภายในนี้” หัวหน้าตลาดมืดพูดพลางยื่นแหวนมิติวงหนึ่งให้
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น “เป็นของวิเศษมิตินี่”
“เหอะๆ แค่ของเล็กน้อยไม่สะดุดตา ถือว่าให้คุณชายเฟิ่งไว้ใช้เล่นๆ” เทียบกับที่นางช่วยให้พวกเขาบรรลุขั้นแล้ว แหวนมิติวงนี้ไม่คู่ควรจะเอ่ยถึงเลยจริงๆ
เฟิ่งจิ่วฟังแล้วก็พยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าจะเก็บไว้ คิดเงินเถอะ!”
หัวหน้าตลาดมืดจึงพาเธอไปคิดเงินด้านหลัง เพราะด้วยของที่เธอต้องการ ยาทิพย์พวกนั้นพูดเลยได้ว่าราคาที่ให้ต่ำกว่าภายนอกมากนัก
น้ำใจเล็กน้อยเช่นนี้ เขาที่ให้ได้ก็ยินดีมอบให้โดยดี
“คุณชายเฟิ่ง ข้าสั่งคนเตรียมโต๊ะอาหารไว้ อยากจะเชิญคุณชายกินอาหารสักมื้อ”
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้เย็นแล้ว ข้าต้องรีบกลับไปก่อนฟ้ามืด เอาไว้ครั้งหน้าเถอะ! ครั้งหน้าถึงพวกท่านไม่เชิญ ก็ต้องทำให้พวกท่านเชิญมา” เธอยิ้มให้ หลังจากเก็บของไปก็บอกลา
หัวหน้าตลาดมืดกับผู้อาวุโสกงเห็นเช่นนี้ก็ไม่รั้งไว้นานนัก เพียงพยักหน้ารับ แล้วไปส่งอีกฝ่ายออกประตูใหญ่ของตลาดมืด ผู้อาวุโสหลี่อยากจะเอ่ยปากหลายครั้ง แต่ล้วนไม่กล้าปริปากเพราะมีหัวหน้าตลาดมืดกับผู้อาวุโสกงอยู่ขวางไว้ สุดท้ายจึงได้แต่มองเฟิ่งจิ่วจากไปตาปริบๆ
เฟิ่งจิ่วที่กลับมาสำนักศึกษาหมกมุ่นอยู่กับการกลั่นยาเซียนอีกครั้ง เมื่อเจอบางเรื่องที่ไม่เข้าใจก็ไปเชิญนักเล่นแร่แปรธาตุสองท่านมาสอน ประกอบกับผลลัพธ์ที่ศึกษาด้วยตนเอง พัฒนาการด้านยาเซียนจึงพูดได้ว่าก้าวหน้ารวดเร็วยิ่ง
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ในที่สุดห้องปรุงยาก็เงียบลง เฟิ่งจิ่วที่แช่น้ำเสร็จเดินออกจากอาศรม รู้สึกแต่ว่าร่างกายจิตใจสดชื่น หลังจากผ่านการศึกษาค้นคว้ามาสองสามเดือน เธอคลำทางด้านยาเซียนได้เกินกว่าครึ่งแล้ว ยาอายุวัฒนะที่ปรุงกลั่นช่วงนี้มีมากนัก ทว่ายังไม่เคยลองหรือนำออกไปขาย ตอนนี้ก็เป็นเวลาพักผ่อน
ทว่าเมื่อเธอนั่งขนนกบินคิดจะไปคุยเล่นกับเยี่ยจิงและพี่ชายเสียหน่อย กลับพบรองเจ้าสำนักเข้าระหว่างทาง
“เฟิ่งจิ่ว? พอดีเลย ข้ากำลังจะไปหาเจ้า!”
“มีธุระหรือท่านรองเจ้าสำนัก?” เธอที่นั่งบนขนนกบินประหลาดใจเล็กน้อย แปลกใจกับสีหน้าหนักใจของเขา
“อืม เจ้าตามข้ามาสิ” เขาพูดจบก็มุ่งไปยังยอดเขาหลัก ด้านหลังมีเฟิ่งจิ่วตามไปด้วยกันติดๆ
ครั้นมาถึงยอดเขาหลัก เธอเห็นท่านเจ้าสำนักอยู่ด้วยจึงคารวะ “คารวะท่านเจ้าสำนัก”
“นั่งสิ” เจ้าสำนักให้สัญญาณ เพราะไม่มีคนอื่นอยู่ มีเพียงพวกเขาสามคน จึงเอ่ยปากทันทีว่า “ข้าตามเจ้ามาเพราะมีเรื่องต้องบอกเจ้า”
เธอนั่งลงตรงโต๊ะ กล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนักโปรดเล่ามา”
“ในเมื่อเจ้าถือครองกระบี่คมพยับ แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินชื่อวังกำเนิดสวรรค์ คิดๆ แล้วเจ้าวังกำเนิดสวรรค์ฉู่ป้าเทียนคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าอยู่บ้างกระมัง?”
ได้ยินแล้วแววตาเธอวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ขอรับ เขาเป็นอาจารย์ของข้า”
แม้ไม่เคยสอนอะไรเธอ แต่ก็ทิ้งของดีๆ ให้ไว้ไม่น้อย สิ่งของภายในห้วงมิติ บ้างเป็นสิ่งที่อาจารย์สั่งสมมาตลอดชีวิต บ้างก็เป็นของที่อยู่ในห้วงมิติมาแต่เดิม
“เขาเคยเป็นผู้แข็งแกร่งสายกระบี่ที่ท่องไปทั่วหลายแคว้น ปีนั้นวังกำเนิดสวรรค์รุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางฟ้าภายใต้การชี้นำจากเขา เสียแต่ว่าก็แค่ปีนั้น”
………………………………………………….
ตอนที่ 772 ความโกลาหล
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ไม่พูดอะไร เพียงฟังไปเงียบๆ เจ้าสำนักคงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เรื่องที่เธอมีกระบี่คมพยับ วันนั้นพวกเขาเห็นกันหมด แต่ทุกคนต่างเลือกที่จะไม่พูด ไม่แพร่งพรายข่าวแม้แต่น้อย ยามนี้เอ่ยถึงหลังจากผ่านไปสองสามเดือน ต้องเกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ขึ้นแน่ๆ
“วังกำเนิดสวรรค์รวบรวมลูกศิษย์ที่สังหารคนนับไม่ถ้วนและชั่วช้าอย่างที่สุดไว้ เหล่าผู้ฝึกตนไร้สำนักซึ่งถูกขับไล่จากวิถีทางที่ถูกต้องล้วนกลายเป็นคนของวังกำเนิดสวรรค์ ทว่าหลังจากปีนั้นที่ที่อยู่ฉู่ป้าเทียนกลายเป็นปริศนา ฝูงมังกรไร้ผู้นำ คนในวังกำเนิดสวรรค์จึงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป”
“เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนี้ ทุกที่มีข่าวลือว่าคนวังกำเนิดสวรรค์มารวมตัวกัน เพราะแบ่งเป็นสองฝ่ายแย่งชิงตำแหน่งเจ้าวัง จึงก่อให้เกิดเรื่องเข่นฆ่าแก่งแย่งอาณาเขต ทางพวกเราได้รับข่าวมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่ที่อื่นๆ ยังมีคนที่ได้รับข่าวมากกว่า”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาเว้นจังหวะ ก่อนกล่าวว่า “ฉู่ป้าเทียนเป็นคนมุทะลุ เมื่อปีนั้นที่เขาบัญชาการวังกำเนิดสวรรค์ ก็ควบคุมคนใต้อาณัติได้ดีมาก ยามนี้วังกำเนิดสวรรค์กำลังขาดผู้บังคับบัญชา ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าของกระบี่คมพยับ ข้าจึงอยากถามว่าเรื่องนี้เจ้ามีแผนอะไรหรือไม่?”
“หมายความว่าท่านเจ้าสำนักหวังให้ข้าจัดการปัญหานี้?” เธอยิ้มเล็กน้อย มองยังเขาพลางเอ่ยถาม
“เหอะๆ ไม่ได้พูดเช่นนี้ วังกำเนิดสวรรค์เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ กำลังต่อสู้ของผู้ฝึกตนทุกคนภายในพูดได้เลยว่าไม่แพ้อาจารย์สำนักศึกษาเรา นี่เป็นความโกลาหลไม่ผิด แต่ก็เป็นเนื้อติดมันชิ้นใหญ่เช่นกัน ข้ากังวลว่านานไปเนื้อชิ้นนี้จะโดนกลุ่มอำนาจทั้งหลายเพ่งเล็งและครองไว้เสียเอง ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดปัญหาที่จัดการไม่ได้แน่”
“ข้าเคยรับปากท่านอาจารย์ว่าจะรวบรวมวังกำเนิดสวรรค์ขึ้นใหม่ แต่ข้ารู้เรื่องวังกำเนิดสวรรค์น้อยมาก ยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอำนาจมาต่อสู้กันอย่างลับๆ” เธอยิ้มๆ “ข้ารับช่วงต่อแน่นอน แต่ต้องขอคนคนหนึ่งจากท่านเจ้าสำนัก”
“ต้องการคน? ใครกัน?” เจ้าสำนักตกใจ แม้แต่รองเจ้าสำนักข้างๆ ยังประหลาดใจไปด้วย
“ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยชื่อนี้ออกไป
“ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา?” ทั้งสองตกใจ บอกว่า “พวกเราไม่รู้จักคนคนนี้ แล้วเจ้าจะขอกับพวกเราได้อย่างไร?”
มุมปากเฟิ่งจิ่วยกขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารู้จักก็พอ” เธอยิ้มพลางลุกขึ้นยืน “ข้าไปก่อนนะขอรับ ต้องกลับไปเตรียมตัวเสียหน่อย” ฝีเท้าก้าวออกไป พลันหยุดลงและเดินกลับมาอีก
“ท่านเจ้าสำนัก ช่วงนี้ไม่เห็นคุณชายโม่เฉินเทพจุติคนนั้นเลย!”
ทั้งสองคนได้ยินก็ตกใจ “เขามีธุระต้องกลับไป อีกสักพักจะกลับมาอีก”
“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน! ข้ามีของบางอย่างต้องรบกวนเจ้าสำนักส่งให้เขา บอกแค่ว่าข้าชดใช้ให้เขา” ระหว่างพูด เธอหยิบชุดไหมสวรรค์ที่ห่อไว้อย่างดีจากห้วงมิติออกมาวางบนโต๊ะ
“ได้สิ” เจ้าสำนักพยักหน้า ในใจนึกสงสัย หรือว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน?
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วที่หลับจนตื่นมาตามปกติเก็บของ ปล่อยเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาไว้บนยอดเขาสำนักยาเซียน ส่วนตนเองออกจากสำนักศึกษาไป คิดจะไปสถานที่นั้นที่ทุกคนในสำนักศึกษาไปฝึกวิชาก่อนเพื่อพาเซี่ยงหวาออกมา
การออกไปของเฟิ่งจิ่วแทบจะไม่ทำให้ใครแตกตื่น แม้แต่เนี่ยเถิงที่สังเกตอยู่ตลอด หลังจากเฟิ่งจิ่วออกไปหลายวันถึงจะรู้ว่าเธอไม่อยู่ในสำนักศึกษาแล้ว
หลายวันต่อมา ภายในป่าแห่งหนึ่งนอกเขตเมือง เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงกำลังเอนกายพักผ่อนบนต้นไม้ มีเสียงเบาๆ ลอยแว่วเข้าหู…
………………………………………………….