เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 795 ตระกูลลึกลับ + ตอนที่ 796 คารวะคุณชาย
ตอนที่ 795 ตระกูลลึกลับ + ตอนที่ 796 คารวะคุณชาย
ตอนที่ 795 ตระกูลลึกลับ
เห็นเฟิ่งจิ่วหยุดลง ไป๋เสี่ยวมองซ้ายมองขวา ถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมไม่เดินเล่า?”
“มีค่ายกล” หลังกวาดมองโดยรอบ สายตาก็หยุดลงบนทางใต้เท้า “เริ่มจากที่นี่ถูกวางค่ายกลไว้ หนำซ้ำค่ายกลนี้ยังไม่ใช่ค่ายกลหลงทางธรรมดา”
เธอเงยหน้ามองไปเบื้องหน้า ดวงตาเผยความครุ่นคิด “ตระกูลนี้เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ จริงหรือ?”
ไป๋เสี่ยวที่ตามอยู่ข้างกันเห็นนางคิดเรื่องไปก็ไม่รบกวน แต่มองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดหรือเปล่า เหมือนเห็นว่ามีคนบินผ่านไปบริเวณไม่ไกล แต่มองไปอีกครั้งกลับหายไปไม่เห็นแล้ว
“หรือว่าข้าตาลาย?” เขากระซิบ พร้อมขยี้ตา
“ตาลายอะไร?” เฟิ่งจิ่วถาม
“เหมือนว่าข้าเพิ่งเห็นว่ามีคน” เขากล่าว
“คน? เป็นไปไม่ได้ รอบๆ นี้นอกจากพวกเราสองคน ก็ไม่มีกลิ่นอายคนอื่น” เธอเอ่ยปาก ยังบอกอีกว่า “ข้างในนี้มีหมอก เดาว่าเจ้าคงมองผิดไป เจ้าตามติดข้าไว้ อย่าเดินหายไปในค่ายกลเชียว ค่ายกลหลงทางนี้จะเปลี่ยนไป”
“ได้ ข้ารู้แล้ว” เขาขานรับ แล้วตามติดอยู่ข้างกายนาง
เฟิ่งจิ่วคุ้นเคยกับค่ายกล ด้วยเหตุนี้จึงพาไป๋เสี่ยวเดินในค่ายกลได้โดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ทว่าเมื่อสองคนเดินออกจากค่ายกลหลงทางนั้น ขณะกำลังจะเดินไปข้างหน้า จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูพวกเขา
“ท่านทั้งสอง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกท่านควรมา”
เฟิ่งจิ่วตกใจ พลันหันกลับไป เพียงเห็นว่าภายในหมอกฝั่งซ้ายมีร่างหนึ่งปรากฏรางๆ คนคนนั้นสวมชุดคลุมดำ ร่ายกายล้วนห่อหุ้มอยู่ภายในชุดคลุมสีดำ ดวงตาคู่นั้นราวกับน้ำนิ่งที่ไร้ชีวิต มืดมนเสียจนทำให้คนเห็นยังใจสั่นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“จะ เจ้าเป็นคนหรือผี?” ไป๋เสี่ยวสะดุ้งตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หลังสายตาคนคนนั้นมองผ่านบนร่างไป๋เสี่ยว เพียงหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว “กลับไปเถอะ! พวกท่านไม่ควรมาที่นี่”
น้ำเสียงแผ่วเบานั้นยังมีความทุ้มต่ำบางส่วน ล่องลอยไปกลางอากาศ ฟังแล้วเหมือนเปล่งออกมาจากรอบๆ หากพวกเขาไม่เห็นว่าร่างนั้นยืนอยู่ตรงนั้น คงแยกแยะที่มาของเสียงไม่ได้จริงๆ
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ ก็ได้สติกลับมา แววตาสั่นไหวเล็กน้อย ประสานมือคารวะพร้อมเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากมาเตือนและส่งข่าวแก่จวนอันสูงศักดิ์”
คนคนนั้นมองเฟิ่งจิ่วเงียบๆ “ว่ามา”
“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสเคยได้ยินวังกำเนิดสวรรค์หรือไม่?” เธอถามไถ่
“อืม” คนชุดคลุมดำคนนั้นขานรับ และไม่พูดอะไรอีก
เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทาง ก็บอกเรื่องที่คนวังกำเนิดสวรรค์วางแผนยึดครองภูเขาร้อยปีไปคร่าวๆ สุดท้ายยังบอกว่า “เพราะหนึ่งในพวกเขามีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังหลายคน รวมถึงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานอีกมาก หลังรู้เรื่องข้าถึงอยากเข้ามาเตือน หากกำลังคนในจวนไม่เป็นใจ ขอให้รีบหลบลี้โดยเร็วที่สุด”
“ขอบคุณมาก พวกท่านไปได้แล้ว” คนชุดคลุมดำคนนั้นกล่าว ไม่ได้จากไป เพียงยืนจ้องมองพวกเขาสองคนอยู่ตรงนั้น
“ลาก่อน” เฟิ่งจิ่วไม่ได้อยู่นาน แต่หลังประสานมือคารวะก็ลากไป๋เสี่ยวออกไป
คนชุดคลุมดำคนนั้นมองทั้งสองเดินเข้าไปในค่ายกลนั้น ไม่นานนักเงาก็หายไปตรงหน้า ถึงจะหมุนตัวจากไป
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่พาไป๋เสี่ยวออกไปเดินในค่ายกลกลับยังขบคิดเล็กน้อย เดิมทีไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากมาถึงที่นี่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนชุดคลุมดำคนนั้น ยิ่งรู้สึกว่าตระกูลบนภูเขาร้อยปีนี้ไม่ธรรมดา เกรงว่าคงไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ เป็นแน่
………………………………………………….
ตอนที่ 796 คารวะคุณชาย
“เราจะไปทั้งแบบนี้หรือ?” ไป๋เสี่ยวหันกลับไปมอง คนแปลกๆ นั้นหายไปแล้ว กลิ่นอายอันตรายนั้นก็เช่นกัน
“อืม สถานที่นี้ผิดปกติยิ่งนัก จะเข้าไปอีกไม่ได้” เฟิ่งจิ่วกล่าว หลังพาเขาออกจากค่ายกลมาถึงตีนภูเขา ก็บอกว่า “เราจะรอพวกเซี่ยงหวาด้านล่างภูเขานี้ สถานที่นี้เข้าไปไม่ได้แล้ว”
“เมื่อครู่คนคนนั้นเก่งกาจมากใช่หรือไม่? แค่ปรากฏกายข้าก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว”
“ไม่ใช่แค่ปรากฏกายเจ้าก็ขนลุกไปทั้งตัวหรอก แต่ข้างในเดิมทีไอเย็นค่อนข้างรุนแรง หนำซ้ำยิ่งท้องฟ้ามืดลง ไอหนาวเย็นยิ่งหนักหน่วง ดังนั้นข้าเดาว่าข้างในน่าจะมีของสกปรก”
“อะ อะไรนะ? ขะ ของสกปรก? สิ่งที่เบาบางเช่นนั้นหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไปบ้าง สีหน้าซีดเซียว เดินข้างนอกตั้งนานยังไม่เห็นสิ่งสกปรกที่นางว่า ทำไมเพิ่งตามไปไม่เท่าไรก็เจอของเช่นนี้เสียแล้ว?
“อืม กลับไปข้าจะสั่งคนตรวจสอบข้อมูลที่นี่ เช่นนี้แล้วกัน! เจ้าเข้าไปรอข้าในเมือง ข้าจะรอพวกเซี่ยงหวาที่นี่ รอหลังพวกเขามาถึงค่อยเข้าเมืองไปหาเจ้า จริงด้วย เจ้าถือสิ่งนี้ไว้ ไปตามหาร้านค้าที่ด้านบนมีสัญลักษณ์เช่นบนป้ายคำสั่งนี้ภายในเมือง จากนั้นค่อยขอข้อมูลภูเขาร้อยปีจากพวกเขา” เธอส่งสัญญาณให้เขาออกไปก่อน
ไป๋เสี่ยวรับของมา มองยังนางพลางเอ่ยถามด้วยความกังวล “ให้ข้าไปก่อน? เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร? ที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ เจ้าคนเดียวจะไหวหรือ?”
“วางใจเถอะ! ข้าไม่เข้าไปหรอก เจ้ารีบๆ ไปเสียเถอะ! อาศัยก่อนฟ้ามืดเข้าเมืองไป” เธอสั่งการ
“เช่นนั้นก็ได้! อย่างไรซะกำลังต่อสู้ข้าไม่ไหวก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ จะไม่เป็นตัวถ่วงเจ้าที่นี่ ข้าจะเข้าเมืองไปรอพวกเจ้าที่โรงเตี๊ยมแรก ถึงเวลานั้นพวกเจ้าไปหาข้าที่นั่นยังได้” เขาเอ่ยพลางเก็บป้ายคำสั่งให้เรียบร้อยและมุ่งไปยังทิศทางเมือง
เฟิ่งจิ่วหลังเห็นเขาออกไป หันกลับไปมองภูเขาที่เต็มไปด้วยความแปลกนั้น ออกไปจากตรงนี้ และมาหาที่รอพวกเซี่ยงหวาบนต้นไม้ข้างทางภูเขา
ในค่ำคืนนี้พวกเซี่ยงหวาไม่โผล่มา คนวังกำเนิดสวรรค์พวกนั้นก็เช่นกัน แต่เธอสังเกตว่าภูเขาร้อยปีนั้นมีแสงอะไรบางอย่างกำลังปลิวว่อน ท้องฟ้ายิ่งมืดลง เสียงเล็กๆ แปลกๆ ก็แว่วมาเลือนราง
กลางวันวันที่สอง ทุกอย่างยังปกติ ภูเขาร้อยปีนั้นดูเหมือนกับภูเขาทั่วไป เธอสังเกตว่าบางครั้งหลังจากมีบางคนที่ทั้งตัดไม้และเก็บสมุนไพรหลงเข้าไปยังภูเขานั้น วนด้านในพักหนึ่งยังเดินออกมาอย่างปลอดภัย
กลางคืนวันที่สอง รอบด้านยังคงเงียบงัน ราวกับมีไอหนาวเย็นกระจายไปกลางอากาศรางๆ ในค่ำคืนเหมือนจะสงบเงียบนัก ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทว่ากระทั่งวันที่สาม คนวังกำเนิดสวรรค์นั้นมาถึงภายใต้การนำของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้น มีประมาณเกือบร้อยคนเต็มๆ บนร่างแต่ละคนกระจายไปด้วยกลิ่นอายดุร้าย พร้อมก้าวยาวเดินไปยังภูเขาร้อยปีลูกนั้น
เห็นคนเกือบร้อยนั้นเดินเข้าไป แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย รออีกเวลาประมาณครึ่งก้านธูป ก็เห็นเซี่ยงหวากับตู้ฝานสองคนพาคนยี่สิบกว่าคนมาถึง ด้วยเหตุนี้จึงเรียกพลังกระโจนมายังกลางทางภูเขา
“คุณชาย”
“นายท่าน”
ทั้งสองขานเรียก หลังมายังข้างกายนาง เซี่ยงหวาก็แนะนำว่า “พวกเขาล้วนเป็นคนวังกำเนิดสวรรค์ และเป็นพี่น้องที่ข้าหาพบ ข้าบอกตัวตนคุณชายว่าเป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าวังกับพวกเขาแล้ว ทุกคนยินยอมจะติดตามนายท่าน”
“คารวะคุณชาย” คนยี่สิบกว่าคนนั้นคารวะ สายตาแต่ละคนมองไปยังเฟิ่งจิ่วในชุดแดงอย่างมีความอยากรู้อยากเห็นและสำรวจ
………………………………………………….