เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 829 นอนเตียงเดียวกัน + ตอนที่ 830 กลับบ้านฉลองปีใหม่
ตอนที่ 829 นอนเตียงเดียวกัน + ตอนที่ 830 กลับบ้านฉลองปีใหม่
ตอนที่ 829 นอนเตียงเดียวกัน
“เสื้อผ้าเจ้าล่ะ?”
“ข้าใส่เองก็ได้” ยมราชน้อยม้วนผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พลางพูด แม้เฟิ่งจิ่วจะเห็นหมดแล้ว แต่เป็นเช่นนางว่า ร่างเล็กๆ นี้ไม่มีอะไรน่ามอง เขาจึงเขินอายเกินกว่าจะเผยออกมา
“ใส่เป็นหรือ?” เฟิ่งจิ่วเผยความสงสัยยิ่ง
“เป็นสิ”
เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะเดียวกันยังจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง กลัวว่านางจะเกิดคึกเข้ามาดึงผ้าเช็ดตัวที่ห่อร่างเขาไว้
“เอาเถอะ เจ้าใส่เอง แต่ผมเจ้าข้าจะช่วยบิดให้แห้ง” เฟิ่งจิ่วเอ่ยพลางหันไปหยิบผ้าเช็ดตัว
เด็กน้อยเห็นนางออกไป ก็แอบถอนหายใจโล่งอก อาศัยตอนที่นางยังไม่เข้ามารีบร้อนสวมชุดซับในแล้วไปนั่งรอนางตรงขอบเตียง
เมื่อเฟิ่งจิ่วหยิบผ้าเช็ดตัวกลับมา เห็นว่าแม้แต่ชุดซับในเขายังสวมเรียบร้อย ก็เอ่ยชมว่า “ไม่เลว มือเท้าเร็วมาก” ระหว่างพูดก็ใช้ผ้าเช็ดตัวบิดผมเปียกของเขาจนแห้ง ก่อนจะบอก “ถ้าเจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเลย”
“อืม” เขาขานรับ มองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาสั่นไหว
“ทำไม? มีอะไรจะพูดหรือ” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วพลางยิ้มถาม
เด็กน้อยได้ยินเช่นนี้ก็หมุนตัวนอนลงบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมและหลับตาลงไม่สนใจนาง จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปเขาถึงจะลืมตาขึ้นมา ในดวงตาฉายประกายที่ทั้งลึกซึ้งและชาญฉลาด ยังมีความอ่อนโยนและสุขใจอยู่รางๆ เขาห่มผ้าของนางพลางสูดกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ เมื่อความง่วงถาโถมเข้ามาถึงจะหลับสนิทไป
หลังอาบน้ำเสร็จเฟิ่งจิ่วสวมชุดซับในเข้ามาพลางเช็ดๆ เส้นผม เห็นเด็กน้อยคนนั้นนอนอยู่ด้านนอกของเตียง ก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ ยิ้มพลางเข้าไปหมายจะขยับเขาไปด้านใน
ขณะที่เธอโน้มตัวแตะเขา เด็กน้อยที่เดิมทีหลับสนิทลืมตาขึ้นมาทันที ความดุดันที่เปล่งจากนัยน์ตานั้นทำให้เธอพลันตกใจ ในชั่วพริบตานั้นเหมือนเห็นว่าเด็กน้อยจะลงมือโจมตี แต่หลังจากเห็นว่าเป็นเธอ ความดุดันในดวงตาถึงจะหายไปแล้วกลับสู่สภาพเช่นก่อนหน้า
“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ?” น้ำเสียงไร้เดียงสาเอ่ยถามด้วยอาการงัวเงีย
“ใช่” เธอขานรับ มองเขาพลางบอก “เจ้านอนข้างใน ข้าจะนอนข้างนอก”
“ข้าเป็นผู้ชายต้องนอนข้างนอก เจ้าเป็นผู้หญิงต้องนอนข้างใน”
เธอได้ยินเสียงเด็กน้อยบอกว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้ “ข้าเป็นผู้ใหญ่ เจ้าเป็นเด็ก เด็กนอนข้างนอกหากกลิ้งลงเตียงจะตกลงไป เด็กดี ไปนอนข้างในไป”
เห็นเช่นนี้เขาก็คิดๆ ดู แล้วถึงจะขยับไปข้างใน จากนั้นค่อยตบๆ ตรงที่ตนเคยนอน “ข้าช่วยเจ้าอุ่นเตียงอย่างดีแล้ว นอนเถอะ!”
มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก มองเขาแวบหนึ่งถึงจะนอนลงไป ถามว่า “ใครสอนเจ้า แม้แต่อุ่นเตียงก็ยังรู้?” ระหว่างพูดก็ดึงผ้าห่มมาคลุม หาวแล้วบอกว่า “นอนเร็วหน่อย พรุ่งนี้พวกเราจะไปแล้ว”
“อืม” เด็กน้อยขานรับ พลิกตัวหันหน้ามาทางเฟิ่งจิ่ว และแขนเล็กยื่นออกไปโอบเอวเธอไว้ ถึงค่อยหลับตาอย่างพอใจยิ่ง
ท่าทางสนิทสนมเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เฟิ่งจิ่วตกใจเล็กน้อย ดวงตาที่เดิมทีหลับลงแล้วเปิดขึ้นมาอีกครั้ง มองเด็กน้อยที่อิงแอบข้างกาย แขนเล็กๆ นั้นยังโอบกอดเธออย่างสนิทสนมและเป็นธรรมชาติ หัวใจจึงสั่นไหวเล็กน้อย
เด็กคนนี้ให้ความรู้สึกแปลกมากจริงๆ มักจะรู้สึกเหมือนว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง แต่กลับพูดออกมาไม่ถูก
เธอสะบัดหัวไม่คิดอะไรมากอีก เมื่อความง่วงถาโถมเข้ามา ก็กอดคนข้างกายหลับลึกไป…
นอนจนถึงฟ้าสว่าง เมื่อเธอตื่นขึ้นมาลืมตาอย่างงัวเงียและรู้สึกถึงมือตรงเอวก็ตกใจ สักพักถึงจะนึกได้ พอก้มหน้าลงมอง ใบหน้าเด็กน้อยที่งดงามและคุ้นเคยสะท้อนสู่สายตาอีกครั้ง
………………………………………………….
ตอนที่ 830 กลับบ้านฉลองปีใหม่
เขารู้สึกถึงสายตาที่พินิจมองถึงได้ตื่นขึ้นมา ครั้นลืมตาก็สบเข้ากับแววตาของเฟิ่งจิ่วที่วาบไหวเล็กน้อย เห็นเธอมองมาก็มองเธอโดยไม่ขยับเขยื้อนเช่นกัน
ขณะดวงตาสบประสาน คล้ายว่ามีอะไรบางอย่างแวบผ่านในก้นบึ้งหัวใจของเฟิ่งจิ่ว ความรู้สึกคุ้นเคย ความคิดที่น่าเหลือเชื่อ ทำให้ร่างกายเธอนิ่งค้างไปหมด เธอจ้องมองเขาเนิ่นนาน ก่อนริมฝีปากขยับเรียก “ท่านอา?”
แววตาของเด็กชายสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ตอบกลับ ยังคงทำแค่ใช้ดวงตาดำสนิทนั้นมองเธอ
“เซวียนหยวนโม่เจ๋อ?” เธอขานเรียกอีกครั้ง สายตาจับจ้องดวงตาเขา ไม่พลาดจากสีหน้าอารมณ์ของเขา
เด็กน้อยขยับปากเหมือนกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงพูดกับตัวเองดังมา จึงกลืนคำพูดในปากกลับไปเสียอย่างนั้น
“คงเป็นไปไม่ได้หรอก เปลี่ยนเป็นคนแก่ก็เรื่องหนึ่ง แต่จะกลายเป็นเด็กน้อยไปได้อย่างไร?” เฟิ่งจิ่วงึมงำ เก็บกดความรู้สึกประหลาดในใจไว้ สะบัดความคิดแปลกๆ นั้นไป ก่อนจะพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วสวมเสื้อผ้าไปล้างหน้าบ้วนปากที่ห้องแยกอย่างรวดเร็ว
เด็กชายเห็นเฟิ่งจิ่วลุกจากเตียง มือหนึ่งก็เท้าศีรษะนอนตะแคงอยู่บนเตียงเช่นนั้น ทั้งร่างดูเกียจคร้าน แผ่กระจายกลิ่นอายที่ไม่ใช่ของเด็กน้อยออกมา ดวงตาดำสนิทในยามนี้ฉายแววยิ้ม เพียงแต่เฟิ่งจิ่วไม่เห็น
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม สองคนต่างล้างหน้าบ้วนปากกันเรียบร้อย เฟิ่งจิ่วไปบอกลาพวกเจ้าสำนักที่ยอดเขาหลักก่อน ถึงจะกลับอาศรมไปบอกสองสัตว์อสูรว่า “เหล่าไป๋อยู่เฝ้าอาศรมกับเสี่ยวเฮย กลืนเมฆากลับไปด้วยกัน”
“นายท่าน ทำไมอสูรกลืนเมฆาถึงได้ตามท่านออกไป? ข้าก็อยากออกไปด้วยนะขอรับ” เหล่าไป๋กระทืบกีบม้า พร้อมพ่นลมหายใจด้วยท่าทางไม่พอใจ
“จะทำไมเสียอีก ตัวเจ้าเองยังหุบปากไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าตามไปได้หรือ?” เฟิ่งจิ่วชายตามองมัน “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดจะให้กลืนเมฆาช่วยดูยมราชน้อย ยกให้เจ้าข้าไม่ค่อยวางใจนัก”
“นายท่าน…” มันยังอยากพูดอะไรอีก ก็ถูกเฟิ่งจิ่วโบกมือตัดบท
“เอาละ พวกเรากลับไปแค่ไม่กี่เดือน ถึงเวลานั้นยังต้องกลับมาอีก ไม่อย่างนั้นหากเจ้าอยากตามกลับไปก็ย่อมได้ ตอนนั้นอยู่ในบ้านไปแล้วกัน”
“เช่นนั้นข้าจะรอพวกนายท่านกลับมาอยู่ที่นี่แล้วกัน! ข้าไม่อยากกลับราชวงศ์เฟิ่งหวง” มันกล่าว กลัวว่านายท่านจะพามันกลับไปทิ้งไว้จริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วหมอบลงบนพื้นทันที
ทว่าเฟิ่งจิ่วลูบๆ คาง เหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ เอ่ยขึ้นว่า “มิเช่นนั้น เจ้าก็ตามไปด้วยกันเถอะ! ถึงตอนนั้นจะส่งเจ้าไปหาเสี่ยวไป๋ ครั้งก่อนได้ยินว่าเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาก็ตามมาด้วย จะไปดูสักหน่อยพอดี”
“จริงหรือ? ข้าไปๆ” มันลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นดีใจ จากนั้นเข้ามาโน้มตัวลงเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่วกับยมราชน้อย “ขึ้นมาๆ ข้าจะพาพวกท่านไปเร็วหน่อย”
“เส้นทางในนี้เลี้ยวลดคดเคี้ยว เจ้ากับกลืนเมฆาไปรอตรงประตูสำนักก่อน ข้าจะพาเด็กน้อยนี่นั่งขนนกไป”
“ขอรับ” สองสัตว์อสูรขานรับ
หลังเห็นสองสัตว์อสูรออกไปแล้ว เธอถึงจะมองเด็กน้อยข้างกายที่ตลอดมายังไม่พูดอะไร ถามไปว่า “เจ้าเงียบเช่นนี้ตลอดหรือ ได้ยินว่าจะพาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นไม่ดีใจหรือไร?”
ยมราชน้อยมุมปากกระตุก แล้วหันหน้าไปทางอื่น
“เอาเถอะ!” เฟิ่งจิ่วส่ายหน้าอย่างจนใจ โยนขนนกบินออกไปก่อนจะพาเขาขึ้นนั่ง และมุ่งหน้าไปยังประตูสำนัก
เมื่อมาถึงประตูสำนัก เธอลงมาจากบนขนนกบิน ขณะกำลังจะพายมราชน้อยกระโดดขึ้นหลังเหล่าไป๋ ก็เห็นร่างหนึ่งเดินออกมา เดิมทีเธอไม่อยากสนใจ ใครจะรู้ว่าหลังจากเธอกับเด็กน้อยขึ้นม้า เขากลับเข้ามาขวางด้านหน้าม้าไว้
“เจ้าจะกลับบ้านรึ? หรือว่าไปไหน?”
………………………………………………….