เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 845 ทีหลังเจ้าไม่ต้องคลอดหรอก + ตอนที่ 846 สูญเสียวิชายุทธ์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 845 ทีหลังเจ้าไม่ต้องคลอดหรอก + ตอนที่ 846 สูญเสียวิชายุทธ์
ตอนที่ 845 ทีหลังเจ้าไม่ต้องคลอดหรอก + ตอนที่ 846 สูญเสียวิชายุทธ์
ตอนที่ 845 ทีหลังเจ้าไม่ต้องคลอดหรอก
ยามได้ยินว่าเสียงทารกร้องไห้ยังดังจ้า และดังชัดขึ้นทุกที คนด้านนอกยิ่งรู้สึกตื่นเต้นไม่สิ้นสุด
ภายในห้อง หลังจากส่งทารกให้เหลิ่งซวงด้านข้าง เฟิ่งจิ่วก็เย็บปากแผล ทำความสะอาดแผลและทายา ตรวจดูซู่ซีที่หมดสติไปบนเตียง จากนั้นถึงจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เอาเด็กมาให้ข้า ไปเปิดประตูเถอะ!” เธอที่ล้างมือแล้วรับเด็กมา ก่อนจะให้สัญญาณเหลิ่งซวงไปเปิดประตู
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ เดินออกจากห้องไปเปิดประตูให้ท่านผู้เฒ่าเข้ามา
ท่านผู้เฒ่าที่เร่งฝีเท้ามาข้างในเห็นเฟิ่งจิ่วอุ้มทารกเดินมารับหน้า ก็ถามว่า “แม่หนูเฟิ่ง เป็นอย่างไร? ปลอดภัยทั้งแม่และเด็กใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ ท่านปู่โปรดวางใจ ยังสบายดีกันอยู่!” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ พลางยื่นเด็กให้เขา “ดูสิเจ้าคะ ท่านย่าช่วยข้าคลอดท่านอาตัวน้อยออกมา”
ท่านผู้เฒ่ารับมาด้วยสองแขนสั่นเทา เด็กเกิดใหม่ร้องไห้อยู่พักหนึ่งก็หลับไป ผิวพรรณแดงคล้ำ ยับยู่จนไม่น่ามอง แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเขายามนี้ กลับทำให้เบ้าตาแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
“ดีๆ”
เขาที่ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่พยักหน้า เอ่ยว่าดีแต่ละคำอย่างสะอึกสะอื้น จากนั้นค่อยอุ้มลูกมาตรงข้างเตียง ครั้นเห็นซู่ซีบนเตียงยังหมดสติ จึงอดมองไปยังเฟิ่งจิ่วไม่ได้
“แม่หนูเฟิ่ง ย่าเจ้า…”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพราะใช้ยาเลยทำให้หมดสติ รอเวลาพรุ่งนี้ฟ้าสว่างนางจะตื่นขึ้นมา แต่ตรงหน้าท้องมีแผลผ่าคลอด ต้องดูแลอย่างระมัดระวัง จะดึงรั้งบาดแผลไม่ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะกำชับให้คนดูแลอย่างละเอียด”
เธอกล่าวจบ เห็นผู้เฒ่าถอนหายใจโล่งอก ถึงค่อยเดินออกไปข้างนอก เห็นบิดายังรออยู่ตรงนั้นก็เข้าไปรับหน้า “ท่านพ่อ”
“เสี่ยวจิ่ว แม่กับเด็กสบายดีทั้งคู่หรือไม่?” เฟิ่งเซียวถามอย่างเป็นห่วง
“เจ้าค่ะ ยังสบายดี สายสะดือพันคอเด็กจริงๆ ซ้ำยังไม่กลับหัว หากไม่ได้ผ่าคลอดก็กลัวจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรแล้ว ขอแค่พักผ่อนสักระยะท่านย่าก็ลงจากเตียงได้”
“ไม่เป็นไรก็ดี” เขาพยักหน้า ก่อนจะถามว่า “เป็นผู้ชายหรือ ข้าได้ยินเจ้าบอกว่าเป็นท่านอาตัวน้อย?”
“เจ้าค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย”
“จะลูกชายลูกสาวก็ดีทั้งนั้น ขอแค่ปลอดภัยเป็นพอ” เขาเผยรอยยิ้ม ถามว่า “มีอะไรต้องสั่งข้ารับใช้ไปทำหรือไม่? เจ้าว่ามา กลับไปข้าจะสั่งให้เอง”
“เรื่องดูแลท่านย่าจำต้องระวัง ถึงอย่างไรนางก็ผ่าคลอด กรีดตรงหน้าท้องแล้วนำเด็กออกมา บาดแผลนี้ต้องรักษาอย่างดี”
ยมราชน้อยข้างๆ ได้ยินเธอกับเฟิ่งเซียวคุยกันอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเล็กก็ไม่ค่อยน่ามองนัก แทบพูดได้ว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่และได้ยินอันตรายจากการคลอดลูกด้านใน สีหน้าเขาก็ไม่ค่อยดีนัก ร่างเล็กแข็งตึงอยู่ตลอด ดวงตาดำสนิทฉายประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
ผ่านไปเนิ่นนาน เฟิ่งจิ่วที่สั่งความเรียบร้อยเดินเข้าห้องไปอีกครั้ง หลังคุยกับท่านปู่แล้วถึงจะกลับมาพายมราชน้อยไปยังตำหนักภายในวังหลังของเธอ กลับเห็นว่าเด็กน้อยเม้มปากเงียบมาตลอดทาง ก้มหน้าเล็กน้อยไม่รู้เป็นอะไร
ดังนั้นเธอจึงยิ้มถาม “เป็นอะไรไป ไม่เห็นเจ้าปริปากมาตลอดทาง ไม่ได้ชมดอกไม้ไฟเป็นเพื่อนเจ้าถึงตอนสุดท้ายเลยไม่ร่าเริงใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่”
เขากล่าวแล้วเงยหน้ามองเธอ ใบหน้าเล็กที่ตึงเครียดมีความกังวลซึ่งยากจะปิดบัง “คลอดลูกอันตรายนัก ทีหลังเจ้าไม่ต้องคลอดหรอก”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยส่งเสียงหัวเราะลั่น
………………………………………………….
ตอนที่ 846 สูญเสียวิชายุทธ์
“เด็กน้อย เจ้าจะไปเข้าใจอะไร”
เธอส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ไม่เข้าใจหรอก เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องเข้าใจ รออีกหน่อยโตไปจะรู้เอง” กล่าวแล้วยังคงหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากเขา
ไม่รู้จริงๆ ว่าในศีรษะเล็กๆ กำลังคิดอะไรบ้างกันแน่ ทำไมถึงโพล่งคำเช่นนี้ออกมา?
เมื่อกลับไปถึง เฟิ่งจิ่วที่อาบน้ำเสร็จหลับไปตั้งแต่หัวค่ำเพราะอาการเหนื่อยล้าหลังผ่าตัด ส่วนเด็กน้อยที่นอนข้างกายกลับลืมตาขึ้นหลังจากเธอหลับสนิท พอยื่นมือกดจุดลมปราณเธอดูแล้วก็ลุกขึ้น อาศัยความมืดยามค่ำคืนออกไปข้างนอกอย่างเงียบเชียบ
ภายในภูเขาหลังพระราชวัง เริ่นเสียงกำลังเดินไปมาตรงนั้น เมื่อเห็นร่างเล็กๆ เดินมาก็เร่งฝีเท้าเข้าไปรับหน้าทันที เขาพินิจมองสักพัก จับจ้องนายท่านที่ตัวหดเล็กลง ก่อนหัวเราะลั่นขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ฮ่าๆๆ นายท่าน ข้าได้ยินฮุยหลางบอกว่าท่านแก้พิษเหมันต์พันปีแล้ว แต่พละกำลังลดลงอย่างมากเพราะสูญเสียวรยุทธ์ แม้แต่ร่างกายยังถูกเปลี่ยนกลับไปตอนยังอายุสามสี่ขวบ เดิมทียังไม่เชื่อ แต่สภาพนี้ช่างเหมือนตอนเด็กๆ อย่างกับแกะจริงๆ”
พวกเขาเป็นคนแปดจักรวรรดิใหญ่เหมือนๆ กัน นายท่านตอนอายุสามสี่ขวบเขายังไม่รู้จัก แต่จำหน้าตาตอนอายุห้าหกขวบได้ ชัดเจนว่าเหมือนกับตอนนี้
“ข้าว่านะ หน้าตาท่านเป็นเช่นนี้ภูตหมอจำได้หรือไม่? ท่านได้บอกภูตหมอไหม?” เขายิ้มถามอย่างอดไม่ได้ เดาว่าอย่างไรนางคงไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นเด็กน้อยกระมัง? ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่มีกันบ่อย และไม่ค่อยปกตินัก
“หัวเราะพอหรือยัง พอแล้วก็พูดธุระมา” เด็กน้อยเอ่ยหน้าเคร่งเครียด เสียแต่ใบหน้าเล็กแม้จะถมึงทึงก็ไม่มีแรงสะเทือนเลย
“ขอรับๆๆ”
เขาเพียงยิ้มและปรับท่าที บอกว่า “ตอนนี้ทางนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่แกล้งป่วยไปเกรงว่าคงปกปิดไม่ได้นานนัก โดยเฉพาะพวกเขายังหาเรื่องจับผิดอยู่ตลอด สายภายในที่พวกเขาส่งมายังหาไม่พบ ดูจากวิธีการของพวกเขา นายท่านมีเวลาแค่ครึ่งปีก็แก้ไขได้ แต่ในครึ่งปีวรยุทธ์ท่านจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่?”
เขาถามอย่างกังวลเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูก็ไม่ธรรมดา วรยุทธ์ของนายท่านสูญเสียไปยังดี ยามนี้เป็นเช่นนี้ พลังลดลงไปมาก หากพวกเขารู้เรื่องเข้าเกรงว่าคงจัดการไม่ได้จริงๆ
“เวลาครึ่งปีก็มากพอแล้ว” ดวงตาดำสนิทฉายประกายดุร้าย “ปล่อยพวกเขาผยองไปอีกครึ่งปี ครึ่งปีให้หลังข้าจะทำให้พวกเขาหายไปจากโลกนี้แน่!”
เริ่นเสียงได้ยินเช่นนี้ ใจก็ผ่อนคลายเล็กน้อย นายท่านบอกว่าครึ่งปีก็ฟื้นพลังได้ เช่นนั้นเวลาที่ฟื้นสภาพกลับมาจริงๆ น่าจะไม่ต้องถึงครึ่งปี เช่นนี้ก็ดี หากอยู่ในสภาพนี้นานนัก เขาที่พละกำลังลดลงไปมากจะอันตรายเกินไป
“นายท่าน เช่นนั้นอีกครึ่งปีท่านกลับไป ข้าควรต้องกลับไปช่วยด้วยหรือไม่?”
“รอนางไปแปดจักรวรรดิใหญ่แล้ว เจ้าค่อยกลับไป อยู่ที่นี่หากนางมีปัญหาอะไร เจ้าช่วยได้บ้างข้าจะวางใจกว่า”
“แต่ภูตหมอไม่ให้ใครติดตามข้างกายนะขอรับ” เขาเอ่ยอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง “ครั้งก่อนเกิดเรื่องนั้น ท่านดูสิ หากนางยอมให้คนคุ้มกันในที่ลับสักสองสามคน คงไม่เกิดปัญหาใหญ่เพียงนั้นขึ้น ว่ากันตามตรง นิสัยของนางก็คล้ายกับท่านอยู่นิดหน่อย”
“เรื่องราวมีสองด้านเสมอ ไม่ประสบอันตรายก็ไม่เติบโต ครั้งก่อนประสบเรื่องเช่นนั้น พลังของนางก็บรรลุขั้นแล้ว นี่เป็นเรื่องดี นางคิดทำอย่างไรก็ปล่อยไป เจ้าคอยจับตามองในมุมมืดเป็นพอ”
……………………………………………