เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 849 ลูกกลอนห้าธาตุ + ตอนที่ 850 เส้นลมปราณเอ็นก่อร่างใหม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 849 ลูกกลอนห้าธาตุ + ตอนที่ 850 เส้นลมปราณเอ็นก่อร่างใหม่
ตอนที่ 849 ลูกกลอนห้าธาตุ + ตอนที่ 850 เส้นลมปราณเอ็นก่อร่างใหม่
ตอนที่ 849 ลูกกลอนห้าธาตุ
ยมราชน้อยชำเลืองมองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “เขาแค่ให้ข้าบอกเจ้า ว่าอย่าอาศัยโอกาสตอนเขาไม่อยู่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ดอกท้อเน่า[1]อะไรพวกนั้นต้องเด็ดทิ้งโดยเร็ว อย่าทิ้งไว้ให้เปื้อนตัวไปตลอด อีกอย่างจงอย่าเข้าใกล้ผู้ชายเกินไป”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยหัวเราะร่าขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้ารู้ไหมว่าอะไรคือดอกท้อเน่า?”
เขาเบือนหน้าไป ไม่พูดอะไร
“เอาละ ข้าจะบอกเจ้าเสียหน่อย ภายในวังนี้เจ้าเล่นหรือเดินได้ตามใจชอบ หากต้องการออกไปเล่นนอกวังก็ทำได้ แต่ต้องให้เหลิ่งซวงหรือเหลิ่งหวาพาไป อย่าได้วิ่งเพ่นพ่านเอง ระวังจะโดนคนขายเด็กลักพาตัวไป”
“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าจะไปทำอะไร?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถาม
“วันที่สามเดือนสามแคว้นศรสวรรค์จะมีงานกลั่นยาเซียน ได้ยินว่ามีรางวัลมากมายนัก อาศัยตอนอยู่บ้านช่วงนี้ ข้าวางแผนจะกลั่นยาอายุวัฒนะสักเม็ดไปเข้าร่วม”
เธอยิ้มเอ่ย “ข้าจะกลับไปกลั่นยาที่จวนตระกูลเฟิ่ง เจ้าอยากอยู่ในวังหรือตามข้ากลับจวน? แต่ข้าจะอธิบายก่อน หลังกลับถึงจวนข้าจะไม่มีเวลาดูแลเจ้าแล้ว หนำซ้ำเจ้าก็รบกวนข้ากลั่นยาเซียนไม่ได้”
“อืม ข้าจะตามเจ้าไปจวนตระกูลเฟิ่ง” เขากล่าวตอบ
“เช่นนั้นก็ดี เราไปบอกพวกท่านปู่ก่อนค่อยกลับ” เธอจูงมือเขาพาไปยังตำหนัก
วันต่อมาเป็นไปตามที่เฟิ่งจิ่วบอก เธอหมกตัวกลั่นยาเซียนอยู่ตลอด แต่ยมราชน้อยก็ไม่ไปรบกวนเธอ เพราะเขากำลังฝึกบำเพ็ญ พริบตาเดียวเวลาครึ่งเดือนก็ผ่านไป
วันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง เมื่อภายในห้องปรุงยาของเฟิ่งจิ่วเกิดเสียงดังสนั่น สิ่งที่กำจายออกมาคือกลิ่นหอมยาอบอวล
รอจนกระแสลมจางหายไป เฟิ่งจิ่วในห้องปรุงยาหยิบยาอายุวัฒนะสามเม็ดด้านในออกมา สองเม็ดในนั้นมีสีน้ำตาลแดง ไม่ว่าเป็นลายยาหรือกลิ่นอายพลังวิญญาณล้วนเหมือนยาอายุวัฒนะทั่วไป ระดับไม่ถึงห้า เพราะเดิมทีนี่ก็ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะระดับห้า
ทว่าเม็ดหนึ่งที่เหลือกลับปรากฏสีแดงส้ม คล้ายว่าจะผิดแปลกไป กลิ่นหอมยายังคงฟุ้งกระจาย ไม่เหมือนที่ตำรายาบันทึกไว้โดยสิ้นเชิง เธอใช้เข็มเงินตรวจยาอายุวัฒนะ เห็นแต่เมื่อเข็มเงินเปื้อนยาอายุวัฒนะเม็ดนั้นก็ปรากฏสีดำแปลกๆ
“เป็นพิษร้ายแรงหรือ” เธอตะลึงไปเล็กน้อย ชัดเจนว่าสมุนไพรที่ใช้ล้วนเหมือนกัน ทำไมเม็ดนี้ถึงกลายเป็นพิษร้ายได้? ในใจนึกสงสัย แต่ก็เก็บยาอายุวัฒนะเม็ดนั้นไปอย่างระวัง วางไว้ด้วยกันกับพวกยาอายุวัฒนะมีพิษในห้วงมิติ
“หลอมกลั่นตามตำรายาในห้วงมิติ กลั่นลูกกลอนห้าธาตุนี้สำเร็จแล้ว ไม่รู้ผลลัพธ์จะวิเศษอย่างที่ว่าจริงหรือไม่?” เธอถือยาอายุวัฒนะดูพลางพึมพำ ในดวงตามีความสงสัยมากมาย
ตำรายาลูกกลอนห้าธาตุนี้เธอหาเจอจากในห้วงมิติ ไม่ใช่ของที่อาจารย์ทิ้งไว้ แต่เป็นเจ้าของห้วงมิติคนเดิม เมื่อกลั่นตามขั้นตอนการกลั่นยาเซียนในนั้นแล้ว ไม่นึกว่าเวลาครึ่งเดือนจะกลั่นสำเร็จจริงๆ
“ในโลกนี้คนฝึกวิชาเซียนได้เพราะมีฐานพลังวิญญาณ แต่นอกจากลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลผู้ฝึกวิชาเซียนที่จะมีมันแล้ว คนทั่วไปอยากมีฐานพลังวิญญาณกลับเป็นหนึ่งในหมื่น แต่หากลูกกลอนห้าธาตุนี้เป็นจริงตามตำราบอก มันก็จะเป็นยาอายุวัฒนะที่มีมูลค่าไม่จำกัดจริงๆ”
ในใจเธอตื่นเต้นดีใจ หลังเก็บยาอายุวัฒนะไปก็ออกมาจากห้องปรุงยา เห็นเหลิ่งซวงจัดระเบียบสมุนไพรอยู่ในลานบ้านก็ถามว่า “เหลิ่งซวง เหลิ่งหวาล่ะ? เรียกเขามาเร็ว”
เหลิ่งซวงวางงานในมือลง หันมามองเธอแล้วบอกว่า “อาหวาอยู่ข้างหน้า นายท่านนั่งพักสักครู่ก่อน ข้าจะไปเรียกมาเจ้าค่ะ”
………………………………………………….
ตอนที่ 850 เส้นลมปราณเอ็นก่อร่างใหม่
ไม่นานนัก เหลิ่งหวาก็เดินตามเหลิ่งซวงเข้ามา เห็นนายท่านเดินไปมาอยู่ในลานบ้าน ปากกำลังพึมพำคำพูด สองคนมองหน้ากันแวบหนึ่งถึงค่อยเดินเข้าไป
“นายท่าน” เหลิ่งหวาขานเรียก มองนางพลางถาม “ท่านตามหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”
“มาๆๆ” เมื่อเฟิ่งจิ่วเห็นเขาก็ลากมานั่งลง แล้วหยิบยาอายุวัฒนะออกมา “เจ้ากินนี่ให้ข้าดูหน่อย”
“ขอรับ”
ไม่ถามไถ่หรือสงสัย ซ้ำยังไม่มีความกังวลและกระวนกระวาย เพียงนางเอ่ยออกมา ไม่ว่านั่นจะเป็นยาอายุวัฒนะอะไร เขาก็รับมากลืนลงไป ไม่สนใจสักนิดว่าตนเองกลายเป็นคนลองยา
ทว่ากินยาอายุวัฒนะลงไปแล้ว เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ เหลิ่งหวาที่นั่งอยู่ก็มีเหงื่อเม็ดเท่าถั่วไหลจากหน้าผาก ร่างกายแข็งตึง สองมือกำแน่น คล้ายสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง
เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ก็มองเขาอย่างเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่กลับไม่พูดอะไรเหมือนกัน เพราะรู้ว่านายท่านจะไม่ทำร้ายน้องชายนาง
“อึก อ๊าก!”
ในที่สุดก็อดกลั้นความเจ็บรุนแรงราวกับถูกฉีกทึ้งในร่างกายไม่ได้ เขาผลุงขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วกลิ้งไปมาบนพื้น เสียงร้องเจ็บปวดแต่ละเสียงลอยออกจากปากเขา เหลิ่งซวงมองแล้วปวดใจเป็นที่สุด อยากจะเข้าไปหาก็กลับโดนเฟิ่งจิ่วขวางไว้
“กินขมในขม ถึงจะเป็นคนเหนือคน”
เฟิ่งจิ่วมองเหลิ่งหวาบนพื้น สังเกตปฏิกิริยาของเขา เห็นเขาร้องลั่นอยู่บนพื้น เสื้อคลุมบนร่างเปียกเหงื่อ เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามและผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ความเจ็บรุนแรงก็ทำให้เขาหมดสติไป ยามนี้บนร่างเขามีของเหลวสีดำไหลออกมา ส่งกลิ่นเหม็นเล็กน้อย
“ส่งเขากลับเรือนไป สั่งคนอาบน้ำให้เขาเสียหน่อย ตื่นแล้วค่อยพาเข้ามาพบข้า” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ
“เจ้าค่ะ”
เหลิ่งซวงขานรับ มองน้องชายที่นอนนิ่งบนพื้นพลางเร่งฝีเท้าเข้าไปประคองเขาทันที โดยไม่สนใจว่ากลิ่นเหม็นพวกนั้นบนร่างเขาจะติดตัวเอง
เห็นเหลิ่งซวงประคองเขาออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วลูบๆ คาง แล้วมองสภาพที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ก่อนจะกลับเรือนไปสั่งคนให้เตรียมอ่างอาบน้ำ
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลังอาบน้ำเสร็จเธอยังสั่งห้องครัวผัดอาหารสองสามอย่างมาให้กิน ขณะที่กินอิ่มประมาณหนึ่ง ก็เห็นเหลิ่งซวงพาเหลิ่งหวาที่ตื่นขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามา
“นายท่าน” ทั้งสองขานเรียก
เธอมองๆ เขา พินิจมองจากบนลงล่าง ถึงค่อยเอ่ยว่า “บอกข้าหน่อย ความรู้สึกหลังกินยาอายุวัฒนะไปเป็นอย่างไร?”
“ขอรับ”
เหลิ่งหวาขานรับ บอกว่า “ตอนแรกในท้องจะร้อนๆ จากนั้นความร้อนนี้ก็แผ่ออกไปอย่างช้าๆ ราวกับไฟ กระจายไปในเส้นลมปราณเอ็นทุกเส้นของร่างกาย เส้นลมปราณเอ็นนั้นราวกับถูกกระแสลมที่มีเปลวไฟฉีกทึ้งและหลอมรวมกันใหม่ เจ็บเสียจนข้าร้องไม่ออก พอถึงช่วงท้ายข้าสลบไปก็ไม่รู้เรื่องแล้ว แต่หลังจากตื่นมาความรู้สึกทั้งร่างแปลกมาก เหมือนผ่านการชะล้างด้วยน้ำสะอาด สบายตัวมากขอรับ”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า หยิบกระดานพลังวิญญาณสำหรับทดสอบฐานพลังวิญญาณออกมาจากในห้วงมิติ ก่อนจะพูดเปรย “มา ข้าจะช่วยเจ้าทดสอบ”
สองพี่น้องได้ยินคำพูดนี้ต่างอึ้งไป มองนางอย่างมึนงง
“นายท่าน ข้าไม่มีฐานพลังวิญญาณไม่ใช่หรือขอรับ ก่อนหน้านี้เคยทดสอบแล้ว” เหลิ่งหวาเอ่ยขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เคยทดสอบ รู้ว่าฝึกบำเพ็ญไม่ได้ นายท่านถึงสอนไทเก๊กให้เขาไว้เสริมสร้างร่างกายรวมถึงป้องกันตัว
“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลูกกลอนห้าธาตุของข้าไป เส้นเอ็นจะก่อร่างใหม่และชะล้างร่างกาย ยามนี้จึงฝึกวิชาเซียนได้แล้ว แต่ข้าต้องช่วยเจ้าทดสอบเสียหน่อย ว่าฐานพลังวิญญาณโดยกำเนิดของเจ้าเป็นธาตุอะไร”
………………………………………………….
[1] ดอกท้อเน่า เปรียบเปรยถึงคนไม่ดีหรือคนไม่น่าไว้ใจที่มาตามติดเกี้ยวพาราสี