เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 897 ข้าไม่ยอมรับ + ตอนที่ 898 ไม่อยากรังแกเจ้าจริงๆ
ตอนที่ 897 ข้าไม่ยอมรับ + ตอนที่ 898 ไม่อยากรังแกเจ้าจริงๆ
ตอนที่ 897 ข้าไม่ยอมรับ
ร่างสีขาวนั้นเดินมาจากบริเวณไม่ไกล ฝีเท้าทั้งเบาและมั่นคง ท่วงท่างามสง่า แขนเสื้อพลิ้วไหวราวกับเทพบุตรลงมาจุติ เพียงปรากฏตัวนักเรียนหญิงรอบๆ ไม่น้อยต่างพากันเผยหัวใจสีแดงในดวงตา แล้วใช้สายตาที่ทั้งหลงใหล เหนียมอาย และยังมีความตื่นเต้นมองยังเขา
ทว่าชายหนุ่มที่เป็นเช่นเทพจุติเหมือนจะไม่ได้มองทุกคนรอบข้าง สายตาเขามองผ่านบนใบหน้าเฟิ่งจิ่วน้อยๆ เก็บความตกตะลึงนั้นเข้าสู่สายตา มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มปรากฏ
เขาก้าวนวยนาดมาตรงหน้ารองเจ้าสำนัก หลังจากคุยกับเขาสองสามประโยค รองเจ้าสำนักก็มองทุกคน บอกว่า “ในเมื่อคนครบแล้ว เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางเถอะ!”
“ขอรับ” ทุกคนขานรับ กำลังจะเดินออกประตูใหญ่สำนักศึกษาไปพร้อมกับเขา เวลานี้เองเสียงหนึ่งก็ลอยมา
“เดี๋ยวก่อนขอรับ!”
ทุกคนตกใจ หันกลับไปมองเพียงเห็นว่าเป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณคนหนึ่ง บางคนยังจำเขาได้ นั่นคือหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของสำนักศึกษาเมื่อก่อน แต่นอกจากเซียวอี้หานจะแย่งรายชื่อสามอันดับแรกได้ คนหนึ่งด้านล่างสุดยังโดนดึงลงมาเพราะเฟิ่งจิ่วถูกเลือกมาเป็นการภายใน
แตกต่างจากเซียวอี้หานที่ผ่านการประลองชิงรายชื่อมาได้ เฟิ่งจิ่วยังไม่เคยสู้กับสิบอันดับแรกก็ถูกเจ้าสำนักคัดเลือกเป็นการภายใน ด้วยเหตุนี้นอกจากคนอื่นๆ ที่รู้ว่าแท้จริงนางมีกำลังเช่นนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจและไม่พอใจอย่างมากที่เฟิ่งจิ่วถูกคัดตัวมาเข้าร่วมงานแข่งสำนักศึกษาครั้งนี้เป็นการภายใน
“เป็นศิษย์พี่เกิ่ง ครั้งนี้เพราะเฟิ่งจิ่วเป็นคนที่คัดเลือดมาเป็นการภายใน ศิษย์พี่เกิ่งที่จัดอยู่อันดับที่สิบจึงถูกดึงลงมา”
“ศิษย์พี่เกิ่งพละกำลังเดิมทีไม่ใช่แค่อันดับสิบ แต่ปีก่อนภายหลังคนอันดับท้ายๆ ขึ้นมา ปีนี้การทดสอบหลังเปิดเรียนอันดับเขาก็ลดลง กลายเป็นอันดับสิบรั้งท้าย ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมงานแข่งสำนักศึกษาครั้งนี้ แต่ข้าคิดว่ากำลังเขาอย่างไรก็แกร่งกว่าเฟิ่งจิ่ว”
“ถูกต้อง ข้าก็คิดเช่นนี้ แต่เป็นไปได้ว่าเส้นสายเฟิ่งจิ่วจะหนากว่าศิษย์พี่เกิ่ง มิเช่นนั้นคงไม่ดึงศิษย์พี่เกิ่งลงไปโดยไม่แม้แต่จะประลอง”
“บอกว่าเฟิ่งจิ่วมาจากแคว้นระดับเก้า แต่ปีก่อนเกิดเรื่องอาจารย์ทั้งสำนักศึกษายังต้องเคลื่อนทัพไปช่วยเขา ข้าคิดว่าภูมืหลังเขาต้องไม่ธรรมดา”
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นหรอก พวกเจ้าดูสิ ท่าทางศิษย์พี่เกิ่งเช่นนี้คงอยากจะประลองกับเฟิ่งจิ่วตรงนี้ไม่ใช่หรือ? ล้วนตัดสินกันเป็นการภายในแล้ว รองเจ้าสำนักมีหรือจะให้เขามาโวยวาย?”
ได้ยินคำพูดนี้สายตาทุกคนต่างหยุดลงบนร่างศิษย์พี่แซ่เกิ่ง แล้วมองๆ เฟิ่งจิ่ว เดาว่าสองคนนี้คงไม่สู้กันกระมัง?
“มีเรื่องอะไร?” รองเจ้าสำนักมองนักเรียนแซ่เกิ่งพลางเอ่ยถาม
“ท่านรองเจ้าสำนัก ข้าไม่ยอมขอรับ” น้ำเสียงเขาเคร่งเครียด สื่อความหมายชัดเจน สายตาข้ามผ่านทุกคนไปหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว “ทำไมเขาถึงเป็นตัวแทนสำนักศึกษาไปร่วมงานแข่งได้? ข้าไม่ยอม เขาเป็นแค่นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาปีก่อน หรือว่ากำลังเขาแกร่งกว่าข้าได้? ข้าไม่ยอม ข้าจะประลองกับเขาขอรับ!”
รองเจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เป็นกฎสำนักศึกษา ตัดสินผ่านการหารือแล้ว สับเปลี่ยนเจ้าลงมาย่อมมีเหตุผลของพวกเรา กลับไปเถอะ! อย่าประวิงเวลาเดินทางพวกเราเลย”
น้ำเสียงเขามีความไม่พอใจรางๆ กำลังเฟิ่งจิ่วเป็นเช่นไรพวกเขารู้ดีนัก แทบพูดได้ว่าหนึ่งในสิบคนนี้คนที่เขากับเจ้าสำนักให้ความสำคัญที่สุดก็คือเฟิ่งจิ่ว พูดอย่างไรครั้งนี้จะมีโอกาสเข้าสามอันดับแรกได้ นั่นเพราะเป็นเฟิ่งจิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย
มีเพียงนางเป็นคนคนนั้นที่มีโอกาสที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงคัดเลือกนางมาเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้เป็นการภายใน เรื่องนี้เขากับเจ้าสำนักรวมถึงอาจารย์หลายท่านปรึกษากันหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรไม่เหมาะสม
………………………………………………….
ตอนที่ 898 ไม่อยากรังแกเจ้าจริงๆ
“หรือว่ากำลังเขาแกร่งกว่าข้า?” เขาเอ่ยถามอย่างไม่ยอมด้วยเสียงเข้ม
ในหมู่นักเรียนทั้งสิบ เนี่ยเถิงกับโอวหยางซิวรวมถึงเซียวอี้หานได้ยินคำพูดนี้ ต่างกวาดมองไปทางเขา สองคนตรงหน้าไม่ปริปาก แต่สายตานั้นมีความดูถูกดูแคลน ส่วนเซียวอี้หานฟังไปก็ยิ้มเยาะ
“เจ้าไม่รู้หรือว่ากำลังเขาแกร่งกว่าเจ้า? หากไม่ใช่ไม่แกร่งกว่า เจ้าคงไม่ถูกดึงลงมาหรอก”
ส่วนเฟิ่งจิ่วก็ยืนข้างกายเยี่ยจิงด้วยท่าทางว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง สองคนคุยกันเสียงเบาไม่รู้กำลังพูดอะไร
นักเรียนแซ่เกิ่งได้ยินคำพูดเซียวอี้หานก็เม้มริมฝีปาก ชัดเจนว่าไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงหยุดสายตาลงบนร่างเฟิ่งจิ่วที่สวมเครื่องแบบสำนักพลังวิญญาณ “เฟิ่งจิ่ว กล้าประลองกับข้าหรือไม่! หากข้าแพ้จะยอมรับทั้งกายใจ! มิเช่นนั้นเรื่องนี้ข้าจะไม่จบ!”
เฟิ่งจิ่วเห็นเขาขานชื่อเรียกแซ่ตะโกนใส่ ในใจถอนใจเบาๆ มองเขาพลางบอกว่า “แต่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้าจริงๆ สู้กับคนที่อ่อนแอกว่า ข้ายังอายเกินไปจริงๆ”
นักเรียนแซ่เกิ่งได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ายิ่งถมึงทึง “เจ้า!”
“เอาล่ะ! วุ่นวายกันพอหรือยัง!” รองเจ้าสำนักตะคอกเสียงเข้ม สายตาดุดันกวาดมองไปยังนักเรียนแซ่เกิ่ง “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาหรอก การตัดสินใจของพวกเราล้วนผ่านการหารือ ให้เขามาแทนที่เจ้ายังมีขอบเขตของพวกเรา! หนำซ้ำปีก่อนเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานแล้ว เจ้าคิดว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณจะเป็นคู่ต่อสู้ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานได้หรือ?”
นักเรียนแซ่เกิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ตาค้างไป ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน? เฟิ่งจิ่ว? เขาอยู่ระดับสร้างรากฐานแล้ว? นะ นี่เป็นไปได้อย่างไร?
ไม่เพียงเขา แม้แค่นักเรียนคนอื่นรอบข้างก็อึ้งๆ ไป ไม่มีทางเชื่อสักเท่าไร ถึงอย่างไรเขาเพิ่งเข้ามาปีก่อน จะบรรลุระดับสร้างรากฐานตั้งแต่ปีก่อนได้อย่างไร? นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่เคยได้ยิน? หากเรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับจริงๆ ก็ทำงานได้ดีเกินไปกระมัง?
“อืม ข้าเป็นพยานได้ เฟิ่งจิ่วเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเจ้า แม้แต่ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา” เยี่ยจิงเอ่ยปากบอก นางจัดอยู่อันดับห้าในสิบอันดับแรก กำลังแกร่งกว่าชายแซ่เกิ่งมากยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เฟิ่งจิ่ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลย
นักเรียนแซ่เกิ่งได้ยินก็ตกใจ พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เพียงนิ่งจ้องมองเฟิ่งจิ่ว
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ! อย่าเสียเวลาเลย” รองเจ้าสำนักกล่าว ก่อนจะสาวก้าวเดินออกไป
รอบนี้เขายืนมองอยู่ตรงนั้น กลับไม่ปริปากตะโกนว่าไม่ยอมอีก แม้เขาจะหยิงยโสและไม่อยากยอมรับ แต่ก็รู้ว่าทำให้รองเจ้าสำนักกับเยี่ยจิงพูดเช่นนี้ได้ เรื่องนี้แปดเก้าในสิบคือเรื่องจริง
ทุกคนเห็นพวกเขาเดินออกไปก็ตามไปด้านหลัง มาส่งพวกเขายังประตูสำนักศึกษา มองออกไปข้างนอก เห็นรองเจ้าสำนักเพียงสะบัดแขนเสื้อ เรือเหาะลำหนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้า
“ขึ้นเรือเหาะไปให้หมด” รองเจ้าสำนักเอ่ยให้ทุกคนขึ้นไปก่อน
สิบคนที่ถูกคัดเลือกออกมา นอกจากในสำนักศึกษาจะเป็นผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรก ยังมีชาติตระกูลไม่ธรรมดา ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรกับเรือเหาะนี้ ด้วยเหตุนี้แต่ละคนจึงเดินขึ้นไปด้วยท่าทีนิ่งสงบ
สุดท้ายอาจารย์สองคนกับรองเจ้าสำนักรวมถึงโม่เฉินถึงจะเดินขึ้นเรือเหาะไป เมื่อเรือเหาะลอยจากพื้นขึ้นไปบนอากาศ ทุกคนที่มองส่งอยู่นอกประตูสักพักถึงจะได้สติกลับมา มองเรือเหาะที่หายเข้ากลีบเมฆอย่างอิจฉา แล้วหมุนตัวกลับสำนักศึกษา
หากให้เวลาอีกหน่อยพวกเขาจะไปถึงแคว้นระดับหนึ่งได้แน่ ไปถึงแคว้นระดับหนึ่ง และเข้าเรียนในสำนักศึกษาหนึ่งดารา!
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาต้องหมั่นเพียรฝึกบำเพ็ญ
……………………………………….