เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 913 รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก + ตอนที่ 914 นี่จะทำลายแดนลับหรือ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 913 รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก + ตอนที่ 914 นี่จะทำลายแดนลับหรือ
ตอนที่ 913 รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก + ตอนที่ 914 นี่จะทำลายแดนลับหรือ
ตอนที่ 913 รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ทำไมพลังวิญญาณถึงย้อนกลับไป?”
คนทุกพื้นที่ในป่าประหลาดใจอย่างยิ่ง ทุกคนที่เดิมทีกำลังฝึกบำเพ็ญพากันลุกขึ้นมาตามกลิ่นอายพลังวิญญาณที่หลั่งไหลกลับพวกนั้นไป อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่เหล่านักเรียนที่กำลังแย่งชิงหินวิญญาณยังอดไม่ได้ที่จะหยุดมือและตามไปพร้อมๆ กัน อยากรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้คือเรื่องอะไร
ทำไมแม้แต่พลังชีวิตของต้นไม้ในนี้ถึงเหมือนกับกำลังลดลงไปด้วย?
ขณะที่ทุกคนตื่นตระหนก ก็อดอุทานเบาๆ ไม่ได้ ก่อนจะเร่งความเร็วไล่ตามไป ในนี้เป็นถึงสถานที่ลับของสำนักศึกษาสองดารา เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกบำเพ็ญ ใช้ทรัพยากรพลังวิญญาณไปมหาศาล วางค่ายกลรวมพลังวิญญาณไว้ใหญ่โต ซ้ำยังอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว…
ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
แตกต่างจากทุกคนที่ปรี่มาจากพื้นที่อื่นภายในอาณาเขตลับ เมื่อยี่สิบกว่าคนนั้นที่ตลอดมาไม่ไปไหนไกลและฝึกบำเพ็ญอยู่บริเวณไม่ไกลจากค่ายกลรวมพลังวิญญาณเห็นภาพเช่นนี้ แต่ละคนต่างสงบนิ่งนัก
เพราะหลังจากพวกเขาพบว่าด้านในมีคน ปรากฏการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นแทบไม่เว้นวัน ราวกับว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณโดนผีดูดเลือดสูบจนแห้งในพริบตา ละแวกรอบๆ ถึงไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณเลย
พวกเขาออกไปแล้ว ยังต้องขยับออกไปอีก ขยับจากภายในสามสิบจั้งออกไปเกินกว่าหลายสิบจั้ง จากความประหลาดใจ โกรธเคือง รวมถึงความเหลือเชื่อในตอนแรกสุดมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาเฝ้ามองทั้งหมดอย่างใจเย็นได้แล้ว
ด้านในมีปีศาจกำลังฝึกบำเพ็ญตนหนึ่งไม่ใช่หรือ? ไม่รู้ว่าเป็นปีศาจจากสำนักศึกษาใด นึกไม่ถึงว่าจะผ่านค่ายกลมากมายเข้าไปถึงใจกลางสุด ฮึ! พวกเขาจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ รอเจ้าตัวปัญหานั่นออกมาจะซ้อมให้หนักสักยก! มิเช่นนั้นก็ยากจะขจัดความโกรธที่ช่วงนี้พวกเขาโดนขัดจังหวะการฝึกบำเพ็ญและถูกแย่งพลังวิญญาณไป
“น่าแปลก ทำไมวันนี้ถึงไม่ค่อยเหมือนอย่างเคย?” มีคนเอ่ยขึ้นขณะเห็นกลิ่นอายพลังวิญญาณโดยรอบหลั่งไหลไปยังใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณ แม้แต่พลังชีวิตของต้นไม้รอบๆ ยังถูกแย่งไป จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ
เนี่ยเถิงกับโอวหยางซิวรวมถึงเซียวอี้หานเห็นภาพเช่นนี้ก็พากันลุกขึ้นมา มองยังผืนหมอกใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณ ในใจตกตะลึงเล็กน้อย
เนี่ยเถิงกับเซียวอี้หานรู้ความประหลาดของเฟิ่งจิ่วดี แม้จะตกใจกับการเคลื่อนไหวใหญ่โตนี้ แต่ก็รู้ว่าเฟิ่งจิ่วบรรลุขั้นทุกครั้งล้วนผิดแผกไปบ้าง พูดไม่ได้ว่าทุกครั้งเป็นการบรรลุขั้นที่คลื่นลมสงบเงียบไร้เสียงไร้กลิ่นเสียหมด แต่นางเพิ่งถึงวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดเมื่อปีก่อน แค่เวลาสั้นๆ ไม่ถึงปีก็จะบรรลุขั้นอีกแล้วหรือ?
หากจะบรรลุขั้นจริง รอบนี้นางก็ทะลวงถึงระดับหลอมแก่นพลังแล้ว…
ส่วนโอวหยางซิว ครั้งก่อนตอนเฟิ่งจิ่วพบภัยเขายังไม่รู้เรื่อง หลังจากนั้นข่าวยังโดนปิดไว้ ด้วยเหตุนี้สำหรับเรื่องเฟิ่งจิ่ว พูดได้ว่าเขาเป็นคนที่รู้น้อยที่สุดในหมู่สามคน เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ในใจจึงตกตะลึงอย่างยิ่ง
นึกว่าเฟิ่งจิ่วนั่นฝึกวิชาชั่วร้ายอะไร มิเช่นนั้นจะดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณโดยรอบอย่างไรก็ไม่เท่าไร ทว่าทำไมแม้แต่พลังชีวิตต้นไม้ในนี้ก็ยังไม่เว้น?
“นี่ๆๆ ข้ารู้ว่าเขาเป็นตัวปัญหา กลิ่นอายพลังวิญญาณหายไปเร็วเพียงนี้ แม้แต่พลังชีวิตในต้นไม้ยังถูกดึงออกไป ด้านในสถานที่ลับนี้จะไม่เสียหายหรือ? หากเสียหายไปนั่นก็เป็นปัญหาแล้ว” เซียวอี้หานกระทืบเท้าเดินไปมา ทั้งค่อนข้างกังวลและไม่สงบ แต่สิ่งที่มากกว่ากลับเป็นความนับถือ รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก
เขาไม่เคยเลื่อมใสใครสักคนเช่นนี้จริงๆ เฟิ่งจิ่วคนนี้เป็นคนแรก
………………………………………………….
ตอนที่ 914 นี่จะทำลายแดนลับหรือ
“นั่นเฟิ่งจิ่ว…ฝึกวิชามารอะไรกัน?” โอวหยางซิวลังเลสักพัก ถึงเอ่ยถามข้อสงสัยในใจออกไป
“วิชามาร?” เซียวอี้หานได้ยินก็ตกใจ จากนั้นค่อยส่งเสียงหัวเราะลั่น “เขาจะบรรลุขั้น ดูจากปรากฏการณ์นี้ก็ใกล้จะบรรลุขั้นแล้ว เจ้าดูไปเถอะ! ไม่ต้องถึงวันพรุ่งนี้ต้องบรรลุขั้นแน่นอน”
โอวหยางซิวได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินว่าเขาเพิ่งถึงระดับสร้างรากฐานเมื่อปีก่อน”
“ใช่สิ! สร้างรากฐานขั้นสูงสุด” เขาพยักหน้า สีหน้ายิ้มแย้ม “ดูท่าทางแล้ว เจ้าว่าเขาจะทะลวงถึงระดับหลอมแก่นพลังในนี้หรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้” โอวหยางซิวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
เซียวอี้หานได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่พอใจ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับคิดว่าเป็นไปได้มาก”
“บรรลุไประดับหลอมแก่นพลังไม่เหมือนบรรลุไประดับสร้างรากฐาน หากไม่มั่นใจเต็มร้อยใครจะกล้าบรรลุระดับหลอมแก่นพลังตามอำเภอใจ? หากทำได้ไม่ดีหลอมแก่นพลังทองไม่สำเร็จ อย่างเบาพละกำลังวรยุทธ์จะถดถอยลง อย่างหนักก็ตาย!”
โอวหยางซิวเอ่ยเสียงเย็นว่า “เขาถึงระดับสร้างรากฐานยังไม่ถึงหนึ่งปี จะบรรลุไประดับหลอมแก่นพลังได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นสร้างรากฐานล้วนต้องการยาสร้างฐานพลัง บรรลุระดับหลอมแก่นพลังยิ่งต้องมียาหรือยาอายุวัฒนะ ไม่ว่าพละกำลังหรือยาก็จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้”
เซียวอี้หานลูบๆ จมูก ไม่ได้พูดอะไร เขาเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนไปทันใด แม้เป็นช่วงเย็น แต่ท้องฟ้าก็มืดลงเร็วเกินไป หนำซ้ำกลิ่นอายพลังวิญญาณยังหลั่งไหลไปใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณ ราวกับโดนดูดเข้าไปตรงๆ แม้แต่พวกวัชพืชและพืชสีเขียวที่เดิมเป็นเพียงต้นไม้ใบแห้ง ยังเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็วในเวลานี้ พลังชีวิตหายไปหมด…
“เฮือก!”
เขาสูดลมหายใจ มองการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงโดยรอบ เหงื่อออกเล็กน้อย “เป็นเรื่องแล้ว เป็นเรื่องแล้ว เขาคงไม่คิดจะดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จนหมดกระมัง?”
เนี่ยเถิงขมวดคิ้วเบาๆ มองการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า รวมถึงกระแสลมพลังวิญญาณที่หมุนเวียนโดยรอบ แววตาวาววับเล็กน้อย ก่อนจะสาวก้าวเดินไปข้างหน้า
ส่วนเฟิ่งจิ่วด้านในค่ายกลรวมพลังวิญญาณ ยามนี้สีหน้าแดงก่ำ กลิ่นอายพลังวิญญาณรอบข้างไหลเข้าสู่ร่างกายเธออย่างบ้าคลั่ง พร้อมด้วยพลังชีวิตสีเขียวเป็นเส้นๆ กลิ่นอายพลังวิญญาณพวกนั้นส่วนหนึ่งแบ่งให้เม็ดบัวเขียวดูดซับ ส่วนพลังชีวิตสีเขียวก็ถูกเม็ดบัวเขียวดูดไปทั้งหมด ยามนี้เม็ดบัวเขียวที่เดิมทีอยู่เงียบๆ ในจุดตันเถียนของเธอกำลังหมุนเวียน และกลืนกินกลิ่นอายพลังวิญญาณที่ไหลเข้าในร่างกายเธออย่างละโมบ
เส้นลมปราณโลหิตกำลังขยายตัว พลังวิญญาณถูกรวมไว้ในจุดตันเถียน รู้สึกว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะบรรลุขั้นในร่างกายใกล้จะทะลวงผ่านแล้ว เธอลืมตาขึ้น หยิบยาและยาอายุวัฒนะตรงหน้ากินเข้าไปพร้อมกัน หยุดการโคจรวิชายุทธ์ลง แล้วนำพากลิ่นอายพลังวิญญาณข้ามผ่านด่านเคราะห์สุดท้ายของระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด!
“เปรี้ยง!”
ชั้นเมฆที่พรั่งพรูบนท้องฟ้าม้วนตลบ แต่ละก้อนเป็นดั่งเมฆทรงเห็ดปั่นป่วนอยู่เหนือค่ายกลรวมพลังวิญญาณ เสียงฟ้าร้องกระหึ่มกระจายไปในมิติเล็กๆ นี้ เหล่านักเรียนจากสำนักศึกษาอื่นต่างตกใจจนปากอ้าตาค้าง
“ฟะ ฟ้าร้อง!”
“สวรรค์! ทำไมในนี้ถึงมีฟ้าร้องได้?”
“บัดซบ! หรือว่ามีใครบรรลุขั้นในนี้ ซ้ำยังก่อให้เกิดความวุ่นวายมากเพียงนี้ด้วย? นี่คิดจะทำลายแดนลับของสำนักศึกษาสองดาราเราหรือไร!”
หากเทียบกับความประหลาดใจและเหลือเชื่อของนักเรียนสำนักศึกษาอื่น เมื่อพวกนักเรียนสำนักศึกษาสองดาราเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแดนลับแห่งนี้ เห็นกลิ่นอายพลังวิญญาณในอากาศกับพลังชีวิตในต้นไม้ล้วนไหลพล่านไปยังทิศทางหนึ่งเดียว และเห็นปรากฏการณ์ที่พลังวิญญาณโดนสูบไปจนแห้ง ต้นไม้เหี่ยวเฉา หลังจากแต่ละคนผ่านความตกใจไปก็โกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด พากันก่นด่าพลางเร่งรุดไปยังใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณ…
………………………………………………….