เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 931 เหลวไหลเกินไปแล้ว + ตอนที่ 932 รังแกเด็กรุ่นน้องอย่างข้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 931 เหลวไหลเกินไปแล้ว + ตอนที่ 932 รังแกเด็กรุ่นน้องอย่างข้า
ตอนที่ 931 เหลวไหลเกินไปแล้ว + ตอนที่ 932 รังแกเด็กรุ่นน้องอย่างข้า
ตอนที่ 931 เหลวไหลเกินไปแล้ว
“ขอรับ เขามาลาข้า บอกว่าต้องไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ดวงตาแวววาวเล็กน้อย ไม่นึกว่าเขาบอกจะไปก็ไปเลย เมื่อวานหลังจากกลับห้องก็ล้มตัวลงนอนและไม่ได้ไปส่งเขา ยังนึกเสียใจอยู่บ้างจริงๆ
“ข้าก็คิดว่าเขาบอกเจ้าแล้ว” รองเจ้าสำนักมองเธอ บอกว่า “ในเมื่อเจ้าจะไปพรุ่งนี้ ก็ไปทำธุระของเจ้าเถอะ!”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เธอขานรับ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
เฟิ่งจิ่วไปหาเยี่ยจิงอีกครั้ง หลังจากบอกลานางก็กลับไปบอกกล่าวเซียวอี้หานในเขตเรือน คราวนี้ถึงจะเก็บข้าวของในห้องอย่างง่ายๆ จากนั้นออกจากเขตเรือนมุ่งหน้าไปยังอาศรมที่สำนักศึกษาสองดาราจัดเตรียมไว้ให้เธอ
การแข่งขันระหว่างสำนักศึกษายังไม่เริ่มขึ้น มีนักเรียนมากมายไม่เคยเห็นหรือถึงขั้นไม่รู้จักเฟิ่งจิ่ว ด้วยเหตุนี้เมื่อเธอสวมชุดสีแดงเดินไปในสำนักศึกษา จึงมีนักเรียนกระซิบคุยกันเป็นระยะ
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงไม่สวมเครื่องแบบสำนักศึกษา หรือว่าเป็นญาติอาจารย์คนไหน?”
“เป็นญาติหรือไม่ไม่รู้ แต่บุคลิกท่าทางเขาดีนัก”
“จะเป็นนักเรียนสำนักศึกษาอื่นหรือไม่”
“เป็นไปไม่ได้ นักเรียนสำนักศึกษาอื่นอยู่ในสำนักศึกษาของเราล้วนต้องสวมเครื่องแบบ หากเขาเป็นคนสำนักศึกษาอื่น ต้องไม่กล้าไม่สวมเครื่องแบบแน่นอน”
“ใช่แล้ว ภายในสำนักศึกษาไม่มีใครกล้าไม่สวมเครื่องแบบ เดาว่าคงเป็นญาติของอาจารย์ที่มาเยี่ยมเยียนกระมัง!”
“ญาติอะไรกัน? เดิมทีเขาเป็นนักเรียนสำนักศึกษาหกดารา แต่บรรลุขั้นในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แดนลับ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาเราไปแล้ว แถมเจ้าสำนักกับสองผู้อาวุโสยังเอ่ยปากขอร้องเอง”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ เหล่านักเรียนที่คุยกันหันกลับไปมอง เห็นอาจารย์คนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่ไม่ไกล ดวงตาทั้งสองจ้องมองร่างสีแดงที่นั่งขนนกบินออกไปพลางกล่าวอย่างคลุมเครือ
“เขาเป็นนักเรียนสำนักศึกษาหกดารา?”
“ไม่ใช่กระมัง? ให้นักเรียนสำนักศึกษาหกดารามาเป็นอาจารย์พวกเราหรือ”
“นะ นี่เป็นการตัดสินใจของใครกัน เหลวไหลเกินไปแล้ว!”
“พวกเราคือนักเรียนสำนักศึกษาสองดาราผู้สง่างาม ไม่ว่าคนไหนก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าจะให้คนของสำนักศึกษาหกดารามาเป็นอาจารย์สอนพวกเรา? นี่หมายความว่านักเรียนสำนักศึกษาหกดาราล้วนเป็นอาจารย์ของเราได้ไม่ใช่หรือ? หากคนรู้เข้า ภายหน้าพวกเราจะเงยหน้ามองคนอื่นอย่างไร?”
“นี่เป็นการตัดสินใจของเจ้าสำนักศึกษากับผู้อาวุโสทั้งสอง” อาจารย์คนนั้นเหลือบมองพวกเขา “ตอนนี้ยังไม่แพร่งพรายข่าวออกไป หากพวกเจ้ามีความเห็นหรือไม่พอใจ จะไปหาท่านเจ้าสำนักก็ได้ เชื่อว่าท่านเจ้าสำนักจะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่พวกเจ้า”
“จริงด้วย พวกเราไปหาท่านเจ้าสำนักกัน ให้นักเรียนสำนักศึกษาหกดารามาเป็นอาจารย์พวกเราได้อย่างไร? นี่มันตบหน้ากันชัดๆ!”
“ถูกต้อง นักเรียนสำนักศึกษาหกดาราคนนี้มีคุณสมบัติอะไรมาเป็นอาจารย์? พวกเราไม่ยอมรับ!”
อาจารย์ผู้นี้ปล่อยข่าวไป นักเรียนเหล่านั้นจึงโกรธเคืองอย่างยิ่ง คิดว่าตนเองโดนหยามหน้า บอกต่อกันไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นักเรียนทั้งสำนักศึกษาก็แทบจะรู้เรื่องนี้กันหมด แต่ละคนวิ่งไปยอดเขาหลัก หมายจะไปหาเจ้าสำนักเพื่อถามให้ชัดเจน
ส่วนด้านนั้น เฟิ่งจิ่วเข้าไปพักในอาศรมแล้ว นอกจากค่ายกลเดิมของอาศรม เธอยังวางค่ายกลไว้รอบๆ เพิ่มอีก ดังนั้นแม้มีคนมาถึงภูเขาที่เธออยู่ ก็เดินเข้ามาภายในอาณาเขตไม่ได้
หลังจากจัดการเรียบร้อย เธอเห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้วจึงนั่งขนนกบินออกจากค่ายกล วางแผนจะไปดูห้องครัวเสียหน่อยว่ามีของกินอะไรดีๆ บ้าง ใครจะรู้ว่าพอออกมาข้างนอกก็เห็นนักเรียนไม่น้อยปิดล้อมบนยอดเขาหลักไว้
………………………………………………….
ตอนที่ 932 รังแกเด็กรุ่นน้องอย่างข้า
ทว่ายังไม่รอเธอเข้าใกล้ เหล่านักเรียนที่ลอมเชิงเขาของยอดเขาหลักไว้ก็สังเกตเห็นเธอแล้ว
“ดูสิ! อยู่ตรงนั้น เขาอยู่ตรงนั้น!”
ทันใดนั้น ทุกคนแทบจะมองมาทางเธอตรงนี้ ในดวงตาของแต่ละคนมีไฟโทสะ เหมือนเธอไปทำเรื่องชั่วร้ายอะไรที่สวรรค์แค้นคนเคือง
“ทำอะไรกัน?” เธอเลิกคิ้วขึ้น นั่งขนนกบินผ่านเหนือศีรษะพวกเขาไปอย่างเชื่องช้า ตั้งใจจะไปหาอะไรกินที่ห้องครัว แต่เวลานี้ เบื้องล่างกลับมีบางคนเก็บก้อนหินเขวี้ยงมาทางเธอ
“ตีเขาให้ตายเลย! นักเรียนสำนักศึกษาหกดารามีสิทธิ์อะไรมาเป็นอาจารย์ของพวกเรา!”
“ใช่! ทุบเขาให้ตายเสีย! ได้ยินว่าพลังวิญญาณในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ฝึกบำเพ็ญถูกเขาใช้ไปเกินขีดจำกัด ทำให้พวกเราเข้าไปฝึกบำเพ็ญไม่ได้อีกสองสามปี ตัดทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของพวกเราไป นี่ไม่ใช่คนแล้ว!”
“เล่นงานให้ตาย!”
“ไล่เขาออกไป!”
ชั่วเวลานั้น ก้อนหินแต่ละก้อนถูกขว้างขึ้นมาจากด้านล่าง ด้วยเหล่านักเรียนเบื้องล่างล้วนมีวรยุทธ์ติดตัว ความสูงและแรงที่ขว้างก้อนหินมาจึงไม่ได้แค่โยนเล่นๆ
เฟิ่งจิ่วเห็นก้อนหินพวกนั้นถูกเขวี้ยงมาราวสายฝน เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวป้องกัน จึงถูกหินก้อนหนึ่งกระแทกเข้าตรงเท้า ความรู้สึกเจ็บทำให้เธอโกรธจัด ขี่ขนนกบินสูงขึ้นไปกลางอากาศ แล้วถลึงตากราดมองทุกคนข้างล่าง
“พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว! นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเขวี้ยงก้อนหินใส่ข้า! ในสายตาไม่เห็นผู้อาวุโสเลยหรือไร?”
เธอไม่พูดยังดีกว่า ครั้นกล่าวไปเช่นนี้ นอกจากโยนก้อนหิน บางคนยังหันมาขี่กระบี่มุ่งมาทางเธอแทน
เมื่อเห็นทั้งก้อนหินและกระบี่บินจู่โจมมาทางตนเอง เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงเย็น “ในเมื่อไม่เห็นผู้อาวุโสในสายตา เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าเสียหน่อย!”
เธอกล่าวจบก็ยืนสะบัดแขนเสื้อบนขนนกบิน คล้ายมีผงแป้งโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ ตั้งแต่ตีนเขาจนถึงยอดเขาไม่มีเว้นสักนิด ยามยกมือสะบัดอีกครั้ง กระบี่บินสองเล่มที่โจมตีมาทางเธอร่วงลงไปปักตรงหน้าเป้ากางเกงของนักเรียนสองคนที่ขี่กระบี่
นักเรียนสองคนนั้นเพียงรู้สึกว่าคมมีดลมรุนแรงโจมตีมา แสงหนาวเย็นสว่างวาบตรงหน้า ระหว่างสองขาเย็นวาบ ครั้นก้มลงมองก็ตกใจจนเหงื่อออก เห็นแต่ว่าตรงเป้ากางเกงถูกพลังจากกระบี่คมฟันเป็นรูใหญ่ แม้แต่กางเกงชั้นในยังโดนกรีดออก หากลึกเข้าไปอีกหน่อย เกรงว่ากล่องดวงใจของพวกเขาคงโดนตัดไปแล้ว
สองคนสูดลมหายใจ หนีบสองขาแน่นตามสัญชาตญาณ ก่อนจะมองร่างสีแดงบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าขาวซีด ไม่รู้จริงๆ ว่าควรรู้สึกขอบคุณที่เขายังปรานี หรือควรบอกว่าเขาลงมือโหดร้ายเกินไป
“เฮือก! คันมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงคันเช่นนี้?”
“ข้าก็ด้วย คันไปหมดทั้งตัว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“อ๊าก! คันจะตายแล้ว!”
ได้ยินทุกคนด้านล่างหยุดขว้างก้อนหิน แต่ละคนกำลังเกาเพราะคัน เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงหยันมองอย่างใจเย็น
ริอ่านจะเป็นอริกับเธอ? ก็ต้องจัดการเสียไม่ใช่หรือ
ภายในยอดเขาหลัก เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักศึกษาที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวออกมาดู เห็นนักเรียนของสำนักศึกษาเรียงแถวตั้งแต่บนยอดเขาหลักไปถึงด้านล่าง คนแน่นขนัดเต็มไปหมด ก็อดตะลึงไม่ได้ ตะโกนเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้น! มามุงสร้างปัญหาอะไรกันตรงนี้!”
เสียงที่แฝงด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณกระจายไปในอากาศ ดังเข้าหูนักเรียนทั้งบนและล่างภูเขาอย่างชัดเจน ยามนี้ ทุกคนลืมไปแล้วว่าเดิมทีพวกเขาตะโกนจะไล่เฟิ่งจิ่วออกไปอยู่ตลอด ยังคงเกาและคันพลางด่าทอไม่หยุด
“เฟิ่งจิ่ว? ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่” เจ้าสำนักเห็นเฟิ่งจิ่วที่กลางอากาศก็เอ่ยถาม
“ท่านเจ้าสำนัก คนพวกนี้ไม่เห็นผู้อาวุโสในสายตา มารังแกเด็กรุ่นน้องอย่างข้า!”
………………………………………………….