เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 935 เล่นซ่อนหา เจ้าเป็นใคร + ตอนที่ 936 เล่นผีจริง
ตอนที่ 935 เล่นซ่อนหา เจ้าเป็นใคร + ตอนที่ 936 เล่นผีจริง
ตอนที่ 935 เล่นซ่อนหา เจ้าเป็นใคร
หนุ่มน้อยแย้มยิ้ม เผยลักยิ้มเล็กๆ สองข้างบนแก้ม ในดวงตาโลดแล่นไปด้วยประกายความตื่นเต้น “นี่คือการเล่นผีซ่อนหา พวกเจ้าไม่เคยเล่นกระมัง? ข้าจะเป็นผี หากพวกเจ้าซ่อนได้ดี ไม่ถูกผีจับได้ แน่นอนว่าจะรอดชีวิต หากโดนจับได้ ผลลัพธ์เป็นอย่างไรข้าคงไม่ต้องบอกพวกเจ้าหรอกนะ”
สิบคนนั้นตื่นตะลึงจนอึ้งไป ไม่กล้าเชื่อสักเท่าไร เดิมทีพวกเขานึกว่าถูกพาตัวออกมาจัดการ ไม่คิดว่าจะถูกองค์ชายสิบพามาเล่นผีซ่อนหาที่นี่ นั่นเป็นการละเล่นที่เด็กน้อยถึงจะเล่นกัน ยามนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะต้องเล่นเป็นเพื่อนเขา?
“ขอแค่ไม่ถูกจับได้ พวกเราก็จะรอดชีวิตหรือพ่ะย่ะค่ะ?” นักโทษประหารคนหนึ่งถามอย่างเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าทางรอดเช่นนี้จะวางอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
“ใช่! ขอแค่ไม่โดนผีจับได้ พวกเจ้าจะรอดชีวิตได้แน่นอน” หนุ่มน้อยจ้องมองสิบคนนั้นอย่างสุขใจ จดจำใบหน้าพวกเขาไว้ เวลาต่อมาก็ชักกระบี่ที่แขวนไว้ตรงเอวมาฟันออกไป แก้เชือกบนร่างพวกเขาออก “เอาละ การละเล่นเริ่มแล้ว พวกเจ้าหนีเร็วเข้าเถอะ! ข้าไม่มองพวกเจ้าหรอก ข้าจะนับถึงหนึ่งร้อย เริ่มเลย!” ระหว่างพูดยังหมอบลงไปข้างหน้าบนร่างสิงโตไฟตัวนั้นตามประสาเด็ก ซ้ำยังใช้มือบดบังสายตาไว้
“หนึ่ง สอง… ห้า…”
สิบคนนั้นได้ยินเสียงนั้นกำลังนับก็สั่นเทา พลันสับขาวิ่งไปยังหลายทิศทาง ไม่ทันไรก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทหารอารักขาที่ติดตามอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มมองอย่างไม่ละสายตา เหมือนคุ้นชินกับเรื่องไร้สาระที่เขาทำนานแล้ว แต่ละคนคุ้มกันอย่างเคร่งครัด พลางฟังเด็กหนุ่มที่หมอบบนสิงโตไฟนับเลข ทว่าเพียงได้ยินเขานับถึงสามและห้า เสียงก็หยุดลงเสียแล้ว
หนุ่มน้อยที่หมอบบนสิงโตไฟเงยหน้าหรี่ตา จ้องมองทิศทางเบื้องหน้าพลางเผยรอยยิ้มประหลาด “เล่นผีซ่อนหาตอนกลางวันไหนเลยจะสนุก? รอกลางคืนถึงจะตื่นเต้น”
ระหว่างพูด เขายืดเอวอย่างเกียจคร้าน วางแผนให้คนซ่อนรอจนขวัญหนีดีฝ่อถึงจะออกไปหา ทว่าก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ในเวลานี้เอง
“พวกเจ้าใครเอาเนื้อย่างมา ทำไมกลิ่นหอมเพียงนี้” หนุ่มน้อยหันกลับไปมองคนด้านหลัง
“ทูลองค์ชายสิบ พวกกระหม่อมไม่ได้นำมาพ่ะย่ะค่ะ”
เด็กหนุ่มได้ยินเช่นนี้ก็ลูบๆ หัวสิงโตไฟ ก่อนเดินไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้แล้วกัน! ไม่มีคำสั่งจากข้าก็อย่าวิ่งเพ่นพ่าน”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์พวกนั้นขานรับด้วยความเคารพ มองเขาขี่สิงโตไฟเดินไปข้างใน
“ไม่ส่งคนตามไปจะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ?” คนหนึ่งถามขึ้น
“คำพูดขององค์ชายสิบเจ้ากล้าไม่ฟังหรือ? หากเจ้ากล้านักก็ตามไปสิ” อีกคนหนึ่งกล่าวพลางนั่งลงรอที่เดิม แต่นั่งไปไม่นานนักยังได้กลิ่นหอมเนื้อจริงๆ จึงถามอย่างอดไม่ได้ “ใครกำลังย่างเนื้อในนี้ นักโทษประหารสิบคนนั้นหนีเอาชีวิตรอดมีเวลาน้อยไป ต้องไม่ทำเรื่องนี้แน่ๆ หรือว่าในป่านี้ยังมีคนอื่นอีก?”
ครั้นนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วทันที มองยังทิศทางที่หนุ่มน้อยจากไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
เมื่อหนุ่มน้อยไล่ตามกลิ่นหอมมา เขาเห็นเพียงว่าใต้ต้นไม้ใหญ่มีหนุ่มน้อยชุดแดงหน้าตางดงามกำลังนั่งขัดสมาธิ ในมือฉีกอาหารกิน ตรงหน้ามีกองดินที่แหลกกระจาย และบนกองดินกลับห่อไก่ที่หอมกรุ่นอีกทั้งถูกดึงน่องออกไปไว้ แค่กลิ่นยังดมเสียจนเขาอยากจะกระโจนเข้าไป
“เจ้าเป็นใคร?” เขาขึ้นเสียงตะโกนถาม สายตาคมกริบจับจ้องหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น
………………………………………………….
ตอนที่ 936 เล่นผีจริง
เฟิ่งจิ่วชายตามองเขาแวบหนึ่ง ถามอย่างเฉยเมยว่า “แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”
หนุ่มน้อยได้ยินก็เชิดคางขึ้น ทำท่าทางหยิ่งผยอง “แม้แต่ข้าเจ้ายังไม่รู้จักรึ จะบอกเจ้าเอาไว้ ข้าคือต้วนเยี่ยองค์ชายสิบแห่งแคว้นฉลองชัย”
“อ้อ ต้วนเยี่ย!” เธอขานรับอย่างเฉยชา ก่อนจะละสายตาและกินเนื้อไก่ต่อไป
เด็กหนุ่มเห็นเช่นนี้ก็ขุ่นเคือง “เจ้ายังไม่บอกข้าเลย เจ้านามว่าอะไร!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกแล้ว ข้าต้องบอกด้วยนี่”
เด็กหนุ่มตกใจ มองหนุ่มน้อยชุดแดงอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง เดิมทีจะเดือดดาล แต่ได้กลิ่นหอมนั้นแล้วเขาก็กลืนน้ำลาย ถามว่า “เจ้ากินอะไรน่ะ?” ระหว่างพูดยังพลิกตัวกระโดดลงจากสิงโตไฟ จากนั้นเดินไปทางเฟิ่งจิ่ว
“เรียกว่าไก่ขอทาน เคยกินหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเห็นเขาเดินเข้ามา ก็ฉีกน่องไก่อีกชิ้นยื่นไปให้ “เอานี่ ลองชิมสิ”
ต้วนเยี่ยมองน่องไก่บนมืออีกฝ่ายอย่างอยากรู้อยากเห็น กระแอมเบาๆ แล้วเชิดคางขึ้น “เอาเถอะ! ในเมื่อเจ้าเชิญให้ข้ากิน ข้าจะชิมเสียหน่อยแล้วกัน!”
เขาเอ่ยพลางรับมากัดอย่างไม่เหลือภาพพจน์ เนื้อไก่หอมนุ่มเข้าปากไป ดวงตาเขาเป็นประกายทันควัน “อร่อย!”
“ใช่สิ ข้าทำเองจะไม่อร่อยได้หรือ” เฟิ่งจิ่วคว้าสุราออกมาไหหนึ่ง “ดื่มไหม?”
“ดื่มสิ!” ดังนั้นจึงมานั่งลงข้างกายเฟิ่งจิ่ว กินเนื้อไก่ ดื่มสุรา และคุยเล่นไปพลางๆ
“ที่นี่วางเขตอาคมไว้ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
“ตอนพวกเจ้ายังไม่วางเขตอาคมข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าก็โชคดีมาเจอข้า มิเช่นนั้นคงออกไปไม่ได้”
“เหอะๆๆ…” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
“เจ้าเป็นคนที่ไหน? ไม่ใช่คนเมืองหลวงแคว้นฉลองชัยเราหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้ามากจากแคว้นระดับเจ็ด”
“หา? แคว้นระดับเจ็ด? นั่นเป็นแคว้นที่อำนาจและกำลังน้อยนัก แต่ห่างจากที่นี่ไปไกล คนแคว้นระดับเจ็ดวิ่งมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้ามาตามหาคน”
เด็กหนุ่มได้ยินเขาบอกว่ามาตามหาคน ก็ถามว่า “ตามหาคน? หาเจอหรือยัง ต้องให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขา ยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย “หาเจอแล้ว เพียงแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะกำราบอย่างไร”
“เรื่องนี้ง่ายๆ” เขายกกำปั้นขึ้นมา “เห็นหรือไม่ หมัด หมัดจัดการงานใหญ่ได้ คิดจะกำราบเด็กน้อย ขอแค่กำหมัดจัดการไปตรงๆ เป็นพอแล้ว”
“โอ้? ใช้หมัดแก้ปัญหาหรือ แบบนี้ไม่ค่อยจะได้กระมัง?” เธอลูบๆ คาง กำลังพิจารณาคำแนะนำของเขา
“ทำไมจะไม่ได้ ล้วนเป็นพวกเด็กที่รังแกคนอ่อนแอและกลัวคนแกร่งกว่าทั้งนั้น หากไม่ยอมก็จัดการกันตรงๆ จนยอมยังได้ ง่ายมากใช่ไหม?” เขากินน่องไก่เสร็จ ก็ฉีกปีกไก่ชิ้นหนึ่งมากัดต่อ
ครั้นได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็จ้องเขาเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม เก็บประกายในดวงตาไปก่อนถามว่า “จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเลย เจ้ากำลังทำอะไรในป่านี้?”
“ข้ากำลังเล่นผีซ่อนหา” หนุ่มน้อยบอกแล้วมองยังเฟิ่งจิ่ว “เจ้าจะเล่นด้วยกันหรือไม่ ข้าเป็นผี ในป่านี้มีนักโทษประหารสิบคน ข้าปล่อยพวกเขาไปแล้ว ขอแค่พวกเขาหลบข้าไปได้ก็มีโอกาสรอดชีวิต มิเช่นนั้น…ฮี่ๆ”
ยามเห็นความป่าเถื่อนที่วาววับในดวงตาของหนุ่มน้อย เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเด็กน้อยนี้เป็นจริงเช่นในเอกสารข้อมูลบอกไว้ แต่ไม่ใช่เด็กหนุ่มบริสุทธิ์ไร้พิษสง
ทว่าในหมู่ผู้เกิดในราชวงศ์ หากใสซื่อเกินไปจริงๆ ได้ตายไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้
“เล่นผีซ่อนหากับคนไหนเลยจะรู้สึกตื่นเต้น? จะเล่นก็เล่นของจริงเลยสิ เจ้ากล้ารึเปล่า?” เธอถามด้วยคำพูดยั่วยุอารมณ์
“เล่นของจริง?” เด็กหนุ่มตกใจ ถามว่า “มีผีจริงๆ เสียที่ไหนกัน?”
………………………………………………….